:::     :::

สิ่งที่ต้องเรียนรู้

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
1,491
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เกิดเป็นนักฟุตบอลก็คงหนีไม่พ้นกับการทำงานในสนามซ้อมและลงแข่งที่วนเวียนเป็นกิจวัตรเช่นนี้ตลอดทุกๆสัปดาห์ไม่มีหยุด ยกเว้นจะมีอาการบาดเจ็บเล่นงาน (หรือปิดซีซั่น)

มันเป็นการทำงานที่หลายคนอิจฉา เพราะดูจากค่าแรงสมัยนี้ของบรรดานักเตะอาชีพแล้วต้องบอกว่าสูงมากและสามารถเปลี่ยนชีวิตเด็กข้างถนนคนหนึ่งกลายมาเป็นที่รู้จักและดังระดับโลก หรือาจจะยกระดับชีวิตของใครหลายๆคนให้สามารถลืมตาอ้าปากได้

กระนั้นด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปบรรดานักฟุตบอลต้องรับแรงกดดันมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้ไม่เพียงแค่บรรดาเหยี่ยวข่าวที่พร้อมจิกพร้อมรุมทึ้งหรือชำแหละยามที่คนๆนั้นพลาดขึ้นมาไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม แต่ยังมีแฟนบอลในโลกโซเชียลที่คอยกระหน่ำซ้ำเติมใส่ผู้เล่นแบบไม่ปรานี

นั่นคือแรงกดดันที่นักเตะต้องอยู่กับมันและผ่านไปให้ได้ ทุกๆคนไม่ว่าจะเด่นดังแค่ไหนหรือว่ายังไม่มีชื่อในวงการก็ต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งท้ายที่สุดมันขึ้นอยู่กับคนๆนั้นว่าจะหาทางหลีกหนีหรือรับมือเช่นไร 

ยกตัวอย่างง่ายๆในโลกปัจจุบันที่ข่าวสารหรือการแสดงความเห็นง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส บางคนขาดการไตร่ตรองหรือพิจารณาก่อนจะพิมพ์หรือส่งข้อความ โดยที่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังนั้นไม่ต่างการก่ออาชญากรรม



การดูหมิ่น เหยียดหยาม ดูแคลน หรือแม้กระทั่งขู่ฆ่า เกิดขึ้นเสมอเมื่อมีนักเตะก่อความผิดพลาดในสนามและนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ไม่น่าพอใจ ซึ่งล่าสุดก็คงหนีไม่พ้น ปอล ป็อกบา แข้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โดนจัดหนักหลังจากพลาดจุดโทษในเกมเสอ วูล์ฟแฮมป์ตัน

ถ้อยคำหยาบคายหลากหลายภาษา ไม่ว่าจะเป็นการดูหมิ่น เหยียดหยาม ถูกส่งผ่านโลกโซเชียลที่พุ่งหาแข้งชาวฝรั่งเศสทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งมันเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งกับโลกยุคปัจจุบันที่เห็นความสำคัญของความเท่าเทียมและยกให้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างมากในสังคม

หลายประโยค หลายข้อความ เป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากความคิดของ 'มนุษย์' สิ่งมีชีวิตที่ถูกยกว่าฉลาดที่สุด แต่บางคนกลับแสดงด้านมืดออกมาจนน่าสะอิดสะเอียน

แน่นอน ป็อกบา พลาดจุดโทษแบบไม่น่าให้อภัยเพราะมันเป็นโอกาสให้ทีมคว้า 3 คะแนน แต่ในเกมฟุตบอลมันก็มีเรื่องที่ผิดพลาดกันได้ ซึ่งแฟนบอลเองก็ควรจะเปิดใจกว้างและให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง และดึงนักเตะออกมาให้เป็นที่ระบายอารมณ์ของตนเอง


เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอเมื่อนักเตะพลาดในเกมสำคัญ ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นไม่นานและเพิ่งเกิดขึ้นแบบสดๆร้อนๆ ก่อนเหตุการณ์ ป็อกบา นั่นคือการพลาดจุดโทษของ แทมมี่ อบราฮัม กองหน้าเชลซีที่ส่งผลให้ทีมแพ้ ลิเวอร์พูล ใน ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ

แข้งอังกฤษรายนี้ก็ไม่ต่างจาก ป็อกบา ที่โดนแฟนบอลหัวร้อนจวกเสียยกใหญ่และที่สำคัญมันลามไปถึงเชื้อชาติกำเนิดและตัวของนักเตะซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับ

ไม่ต่างไปจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่เคยโดนแฟนบอล เชลซี ล้อเลียนในเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา หรือในเกมทีมชาติที่บุกไปเยือนมอนเตเนโกร  ซึ่งส่งผลให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษ และ ยูฟ่า ตื่นตัวเรื่องนี้อยางมาก 

มันเป็นสิ่งที่นักเตะผิวสีและผู้เล่นที่มาจากทวีปอื่นๆที่ถูกมองว่าต้อยต่ำกว่าโดนโจมตีเสมออยู่เสมอ ไม่ว่าในยามจะลงสนามหรือการใช้ชีวิตที่จะมีแฟนบอลนอกคอกเข้ามาดูหมิ่นและดูถูกเรื่องชาติกำเนิด

ส่วนใหญ่นักเตะจะไม่ตอบโต้ เพราะพวกเขาไม่อยากเอาพิมเสนแลกกับเกลือ แต่จะใช้ผลงานในสนามกลบเสียงและเรื่องน่ารังเกียจที่ว่า กระนั้นมันจะไม่สามารถทำให้หายไปจนหมด เพราะท้ายที่สุดความคิดแบบผิดๆเช่นนี้ก็จะถูกส่งต่อและผุดออกมาอีกครั้งไม่วันใดก็วันหนึ่ง


การกระทำของแฟนบอลที่มีกับ ป็อกบา, อบราฮัม, สเตอร์ลิ่ง และอีกมากมาย ... หรือแม้แต่แข้งคนอื่นๆที่เคยถูกกระทำควรจะหมดไปจากโลกใบนี้ แม้มันจะเป็นเรื่องยากที่เราจะเปลี่ยนความคิดทุกคนให้คล้อยตามไปในทิศทางเดียวกัน หรือให้มันหมดไปในโลกใบนี้ แต่ถ้าเราค่อยๆทำความเข้าใจและตำหนิสิ่งไม่ถูกต้องเชื่อว่าการกระทำน่ารังเกียจเช่นนี้จะค่อยๆหายไปจากสังคมส่วนใหญ่

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญและน่ากลัวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคำพูดชิง 'ดูหมิ่น' หรือ 'เหยียดหยาม' นั่นคือการ 'ขู่ฆ่า' ของแฟนบอล

ประโยคเหล่านี้เราจะเห็นได้ทันทีหลังจากทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ ที่ชัดเจนคือ แฟร์นันดินโญ่ แข้งบราซิลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแพะและเป็นตัวการให้ทีมตกรอบ เวิลด์ คัพ 2018 จนทำให้แฟนบอลตามไปถล่มในโลกโซเชียล ซึ่งไม่เพียงแค่นั้น เพราะพวกหัวร้อนพวกนั้นลามไปจนถึงคนในครอบครัวของนักเตะ

นี่คือสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก แม้จะเป็นคำพูดจากคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่พฤติกรรมและคำพูดที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้นถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่ากังวลอย่างมาก

อย่างที่เรียนไป โลกในปัจจุบันให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ทุกคน 'เป็นคน' เท่ากัน ไม่มีใครสูงกว่าใคร และทุกคนควรให้ความเคารพซึ่งกันและกัน



กระนั้นก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจและพร้อมที่จะดูหมิ่นคนที่ไม่ชอบหน้าหรือขวางหูขวางตา เพราะบางครั้งคนเหล่านั้นเข้าใจผิดว่ามันเป็นการแสดงออกถึงพลัง ความเหนือกว่า และรู้สึกดีที่ได้ข่มเหงคนอื่น ทั้งที่โลกปัจจุบันเราสามารถเอาชนะด้วยเหตุผลและการถกเถียงทางปัญญา

นั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ได้ ให้เกียรติกับผู้อื่นอย่างที่เราอยากให้คนอื่นให้เกียรติเรา 

สิ่งต่างๆเหล่านี้เพียงเราเปิดใจยอมรับและศึกษาความเป็นมาของทุกสิ่ง ก็อาจจะพอให้เราค่อยปรับเปลี่ยนความคิดและเกิดเห็นใจคนอื่นๆ มากกว่าจะมานั่งตำหนิหรือข่มเหงกันด้วยคำพูด

การยับยั้งชั่งใจคือสิ่งสำคัญในโลกยุคนี้ แน่นอนบางคนบอกว่ามันเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวหลังจบเกม แต่คุณก็ต้องไตร่ตรองให้ดีว่าความเห็นตนเองนั้นเหมาะสมมากน้อยเพียงใด มาจากความคิดที่ตรองมาอย่างรอบคอบหรือมาจากอารมณ์ที่รุนแรงจากภายในที่เพียงอยากหาที่ระบายเท่านั้น



การแสดงความเห็นไม่ผิด แต่มันจะผิดถ้าคุณใช้คำพูดแบบไร้เหตุผลและมุ่งร้ายไปยังลักษณะของตัวบุคคล ความเป็นส่วนตัว หรือลามไปยังสมาชิกครอบครัว

แม้หลายฝ่ายจะออกมาต่อต้านการกระทำเช่นนี้ แต่เชื่อว่าหากมีเหตุการณ์นักเตะก่อความผิดพลาดในสนามและส่งผลให้บรรดาแฟนบอลหงุดหงิด เราก็จะได้เห็นข่าวหรือเรื่องเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เพราะบางครั้งมนุษย์ก็ไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด