:::     :::

ปารีส, ฟุตบอล และ ศิลปะ

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
1,386
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากกล่าวถึง 'ปารีส' เมืองหลวงประเทศฝรั่งเศส หลายคนคงนึกถึงความสวยงามของ สถาปัตยกรรม, ประติมากรรม และ ศิลปกรรม ที่ฝังอยู่รอบเมือง และถือเป็น 'แลนด์มาร์ก' สำคัญที่บรรดานักท่องเที่ยวต่างต้องการได้เห็นเมื่อเดินทางไปยังเมืองแห่งนี้

นับแค่ 'พิพิธภัณฑ์ลูฟร์' แห่งเดียวก็เปรียบได้กับสรวงสวรรค์ของเหล่าคนรักงานศิลป์ เพราะที่นั่นเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมศิลปะล้ำค่ามากมายของบรรดาบรมครูชั้นนำของโลก

ผลงานของ เลโอนาร์โด้ ดา วินชี่, มีเกลันเจโล่, คาราวัจโจ้, ราฟาเอล, ฌอง โอกุสต์ โดมินิค อิงเกรส, ฌอง-อองตวน วัตโต้, โยฮันเนส เฟอร์เมียร์, เออแฌน เดลาครัวซ์ และอีกมายที่ถูกนำแสดงอยู่ใน ลูฟร์ ล้วนแล้วแต่เป็นของล้ำค่าและช่วยจรรโลงใจของคนที่หลงใหลในงานศิลปะ

ไม่ต่างไปจาก โธมัส เมอนิเย่ร์ แบ็กขวาสังกัด ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ที่เผยอย่างหมดเปลือกว่ายามว่างของตนเองนั้น เขาจะใช้เวลาในการเดินดูภาพศิลปะ ใช้เวลาจมดิ่งกับความงามเหล่านั้นพร้อมพินิจพิจารณามันอย่างละเอียด

"สำหรับผม ศิลปะเหมือนกับการหลีกหนี เป็นการหนีออกมาจากหลายๆสิ่งที่อยู่ตรงนั้น" แข้งชาวเบลเยียมกล่าวผ่านรายการ This is Paris 

"ตอนที่ผมไปยังงานนิทรรศการ ผมชอบที่จะใช้เวลาและสนุกกับช่วงเวลาเหล่านั้น ผมสามารถมองภาพวาดนานหลายนาทีและวิเคราะห์ ผมพบว่ามันช่วยให้ผมผ่อนคลายอย่างมาก มันเป็นการทำให้จิตใจสงบจากภายในอย่างแท้จริง"



มันเป็นการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากในสนามฟุตบอล เมอนิเย่ร์ คือแบ็กจอมบุกที่พร้อมเติมเกมกดดันฝ่ายตรงข้ามทุกครั้งที่มีโอกาส ทีเด็ดของเขาคือการครอสให้กองหน้าเข้าทำ รวมไปถึงบางโอกาสที่ได้โอกาสสับไกยิงเองก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน

กระนั้นทุกคนย่อมมีมุมที่แตกต่างกัน ไม่ต่างไปจาก เมอนิเย่ร์ ที่เขาชื่นชอบในศิลปะและใช้เวลาเพื่อพักผ่อนจิตใจไปกับภาพวาดและสิ่งสวยงามจากในอดีต

"ผมไม่ได้ดูฟุตบอล ไม่ได้เตะฟุตบอลเลย ผมไม่คิดว่าตนเองจะพูดถึงฟุตบอลด้วยซ้ำไปในตอนที่ผมเดินทางไปพักร้อนที่ เกาะ เรอูนีโอน ซึ่งที่นั่นผมมีโอกาสที่ทำงานด้านการกุศลด้วย และเป็นที่ที่ผมได้เล่นกับลูกๆ" แข้งวัย 27 ปีกล่าวถึงช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา

"สำหรับช่วงเวลาพักผ่อน ผมพักจากฟุตบอลโดยสิ้นเชิง มัยเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับครอบครัว เพราะพวกเขามีชีวิตและหายใจเป็นฟุตบอลตลอด 24 ชั่วโมงทั้งสัปดาห์ตลอดฤดูกาล มันสำคัญที่ต้องมีช่องว่างและเคารพกับชีวิตส่วนตัวเช่นเดียวกัน"



นั่นคือการปรับสมดุลในชีวิตของ เมอนิเย่ร์ หลักหนีจากฟุตบอลเพื่อครอบครัว และเติมเต็มความต้องการของตนเองผ่านงานศิลปะ สิ่งเหล่านี้คือแรงผลักดันที่ทำให้เขามีแรงที่จะสู้ต่อไปในฤดูกาลถัดๆไปในเส้นทางอาชีพของเขา

ทว่า ปัญหาที่ผ่านมากลับเป็นเรื่องราวอาการบาดเจ็บที่คอยเล่นงานแข้งรายนี้โดยเฉพาะซีซั่นที่ผ่านมาที่ส่งผลให้เขาลงสนามอย่างจำกัด และไม่มีโอกาสแสดงผลงานอย่างที่ผ่านๆมาเสียเท่าไหร่

"ผมพลาดลงสนามเกือบทั้งฤดูกาลเพราะอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคม" แบ็กทีมชาติเบลเยียมเผย

"มันไม่ง่ายเลยล่ะ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ผมก็ยังมีตัวเลขลงสนามที่ดีอยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่าทีมงานผู้ฝึกสอนยังมองเห็นคุณค่าของผม เพราะเมื่อผมกลับมาจากอาการบาดเจ็บผมจะมีชื่อใน 18 ผู้เล่นที่จะใช้งานเสมอ"

"ความต้องการของผมคือการได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคืออยู่กับการจัดทีมของฝ่ายตรงข้าม แต่เรามีทีมที่แข็งแกร่ง และมากกว่าเดิมในฤดูกาลนี้กับนักเตะที่ย้ายเข้ามาใหม่"



เมื่อ เมอนิเย่ร์ เปิดปากถึงแข้งใหม่ที่ย้ายมายัง ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เขาก็ได้แสดงความเห็นถึงสามกองกลางรายใหม่อย่าง อันเดร์ เอร์เรร่า, ปาโบล ซาราเบีย และ อิดริสซ่า กานา เกย์ เอาไว้ว่าถือเป็นการเสริมทีมที่ยอดเยี่ยม 

ที่ว่ายอดเยี่ยมคือการได้เห็นแข้งใหม่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานในการซ้อม โดยเฉพาะสองรายแรกที่มีโอกาสเดินทางไปเก็บตัวที่เอเชีย ซึ่งทั้ง เอร์เรร่า และ ซาราเบีย ต่างแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถเข้ามาต่อสู้แย่งตำแหน่งในทีมได้อย่างทันที

"ผมคิดว่าปีนี้ในส่วนของแทคติกและปรัชญา หลายสิ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น"

"เรามีนักเตะอย่าง อันเดร์ และ ปาโบล ที่ทำงานกับทีมด้วยความมุ่งมั่น 1,000 เปอร์เซ็นต์ พวกเขาป้องกัน พวกเขาบุก พวกเขามีสภาพจิตใจที่ยอดเยี่ยมและต้องการที่จะกดดันและทำงานหนัก"

"ส่วน เกย์ ในตำแหน่งกองกลางเช่นเดียวกัน ผมคิดว่าเรามีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งอย่างมาก"




นั่นคือมุมมองของ เมอนิเย่ร์ ที่มีไปยังนักเตะใหม่ในแดนกลางทั้ง 3 ราย ทุกคนต่างแบกรับความกดดันในการย้ายมายัง เปแอสเช เพราะที่นี่มีความคาดหวังสูงจากทั้งแฟนบอลและบอร์ดบริหารที่หวังให้นักเตะทำผลงานอย่างไร้ที่ติในทุกๆเกม

มันเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบดีถึงแรงกดดันที่ว่าเพราะตั้งแต่กลุ่มทุนจากาตาร์เข้ามาควบคุมสโมสรและทุ่มเงินมหาศาลจนยกระดับ เปแอสเช ให้เป็นทีมระดับทวีป แรงกดดัน ความคาดหวังมากมายก็ถาโถมเข้ามาในทุกๆฤดูกาล และมันไม่มีที่ว่างให้ความล้มเหลวแต่อย่างใด

"ที่นี่ในประเทศฝรั่งเศส เรารู้ว่าทุกสายตาต่างจับต้องมาที่พวกเรา นั่นคือแรงกดดันที่ตรงมาสู่พวกเรา เพราะเราไม่ใช่แค่แชมป์เก่า (ลีก เอิง) เราคือตัวเต็งในลีกและฟุตบอลถ้วย"

"ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำได้ตามที่คาดหวังไว้หรือไม่"



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด