สิงโตในวันนี้

สิงโตคำรามมักจะผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายแบบที่ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบาก หรือต้องมานั่งลุ้นให้เสียวสันหลังเหมือนใครเขา แต่ปัญหาใหญ่ของทีม คือ - ผลงานในรอบสุดท้าย -

ย้อนกลับไปไม่นานนี้ใน ยูโร 2016 ที่ผ่านมา 

อังกฤษ เดินทางไปยัง ฝรั่งเศส ด้วยความหวังที่ว่านั่นจะเป็นรายการที่พวกเขาทำได้ดี แต่สุดท้าย ลูกทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน กลับร่วงรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของ ไอซ์แลนด์ 

ไม่ต่างจากฟุตบอลโลก 2014 ที่จบลงแค่รอบแบ่งกลุ่มกับสถิติที่อ่านได้ว่า 'ไม่ชนะใครเลย'

ฝันร้ายเหล่านั้นยังคงตามหลอกหลอนแฟนบอลสิงโตคำราม พวกเขาถือเป็นทีมชั้นนำ เนื่องด้วยมีลีกที่ว่ากันว่าดีที่สุดลีกหนึ่งของโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก เป็นเครื่องการันตี แต่พอถึงรายการสำคัญๆ อังกฤษ กลับเป็นเพียงไม้ประดับให้คนอื่นพูดถึง แทนที่จะเป็นยักษาหรือมังกรตัวใหญ่ให้ทีมอื่นๆเกรงกลัว

เกือบ 4 ปีผ่านไป นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกหนล่าสุดที่ บราซิล คั่นกลางด้วย ยูโร 2016 ที่ เมืองน้ำหอม พัฒนาการของพวกทีมชาติอังกฤษรุดหน้าไปมากเพียง และพวกเขาจะสามารถไปได้ไกลเพียงใดกับการเดินทางไปที่ รัสเซีย กลางปีหน้า

ผู้รักษาประตู

ฟุตบอลโลก 2014 - เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ (เซลติก), เบน ฟอสเตอร์ (เวสต์บรอมวิช), โจ ฮาร์ท (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ยูโร 2016 - ทอม ฮีตัน (เบิร์นลี่ย์), เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ (เซาธ์แฮมป์ตัน), โจ ฮาร์ท (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ตำแหน่งนี้มีเรื่องน่าปวดหัวให้กับ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซืออังกฤษคนปัจจุบันได้นำไปพินิจพิจารณาทั้งในด้านบวกและลบ

ด้านบวก - พวกเขามีผู้รักษาประตูฝีมือดีหลายรายให้เลือกใช้งานมากกว่า 2 ทัวร์นาเม้นต์ที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

แน่นอน โจ ฮาร์ท ดูจะเป็นที่ชื่นชอบของ เซาธ์เกต แต่ล่าสุดนายใหญ่ ทรี ไลออนส์ ออกมาระบุว่าหาก ฮาร์ท ยังคงทำผลงานออกมาไม่ดีและไม่มีความกรือตือรือร้น ก็อาจจะไม่การันตีตำแหน่งเหมือนที่ผ่านมา

เพราะที่เหลือ เขายังมีตัวเลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์, ทอม ฮีตัน, แจ็ค บัตแลนด์ และ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาและถือว่าคู่คี่สูสีไม่แพ้กัน

แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้นคือผลงานของแต่ละคนที่ยังต้องบอกว่านึกจะหลุดก็หลุดเอาเสียง่ายๆ

แฟนบอลพรีเมียร์ลีกคงเคยเห็นฟอร์มการเซฟประตูของนายด่านที่ไล่ชื่อมาทั้งหมด

ทุกคนมีจังหวะป้องกันที่ยอดเยี่ยม แต่ ... บทจะเสียแบบโง่ๆ ก็ทำเอาแฟนบอลไม่เข้าใจได้เช่นกัน

นั่นคือปัญหาที่ เซาธ์เกต ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าใครจะเป็น 3 นายด่านที่จะได้ไปโชว์ตัวที่แดนหมีขาว

กองหลัง

ฟุตบอลโลก 2014 - เลห์ตัน เบนส์ (เอฟเวอร์ตัน), แกรี่ เคฮิลล์ (เชลซี), ฟิล จากีลก้า (เอฟเวอร์ตัน), เกล็น จอห์นสัน (ลิเวอร์พูล), ฟิล โจนส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ลุค ชอว์ (เซาธ์แฮมป์ตัน), คริส สมอลลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

ยูโร 2016 - ไรอัน เบอร์ทรานด์ (เซาธ์แฮมป์ตัน), แกรี่ เคฮิลล์ (เชลซี), เนธาเนี่ยล ไคลน์ (ลิเวอร์พูล), แดนนี่ โรส (สเปอร์ส), คริส สมอลลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), จอห์น สโตนส์ (เอฟเวอร์ตัน), ไคล์ วอล์คเกอร์ (สเปอร์ส)

เซาธ์เกต ดูจะมีทางเลือกในตำแหน่งแนวรับของ สิงโตคำราม มากกว่า ฮ็อดจ์สัน นั่นก็คงมาจากมีนักเตะในตำแหน่งนี้ที่พัฒนาและก้าวขึ้นมาทำผลงานได้ดี

โดยเฉพาะตำแหน่งปราการหลังตัวกลางที่ได้ ฟิล โจนส์ กับ จอห์น สโตนส์ ยืนพื้น ซึ่งดูเหมือนทั้งสองกำลังอยู่ในช่วงที่ดีของเส้นทางอาชีพ แม้ฝ่ายแรกจะมีปัญหาบาดเจ็บติดตัวบ่อยครั้ง แต่ด้วยความมั่นใจและฟอร์มที่แสดงออกมาทำให้ เซาธ์เกต ดูจะพอใจ

นอกจากนั้น ตำแหน่งฟูลแบ็กก็ถือว่ามีตัวเลือกให้ใช้งานมากขึ้นทั้งซ้ายและขวา โดยตอนนี้มีทั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์, คีแรน ทริปเปียร์, แดนนี่ โรส และ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่ฝีเท้าทัดเทียมกัน

ไหนจะมีคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลิกทั้ง แอชลี่ย์ ยัง ที่พร้อมสแตนด์บายได้ทั้งสองฝั่ง

แถมยังมีแนวรับที่ฝีเท้าดีที่พร้อมเป็นตัวเลือกไม่ว่าจะเป็น แกรี่ เคฮิลล์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ไมเคิ่ล คีน หรือแม้กระทั่ง คริส สมอลลิ่ง และ เบน กิ๊บสัน

กองกลาง

ฟุตบอลโลก 2014 - รอสส์ บาร์คลี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน), สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล), อดัม ลัลลาน่า (เซาธ์แฮมป์ตัน), แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี), เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), แจ็ค วิลเชียร์ (อาร์เซน่อล)

ยูโร 2016 - เดเล่ อัลลี่ (สเปอร์ส), รอสส์ บาร์คลี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน), เอริค ดายเออร์ (สเปอร์ส), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล), อดัม ลัลลาน่า (ลิเวอร์พูล), เจมส์ มิลเนอร์ (ลิเวอร์พูล), แจ็ค วิลเชียร์ (อาร์เซน่อล)

สิ่งที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องพยายามค้นพบและหาจุดลงตัวก่อนที่จะเดินทางไปยัง รัสเซีย คือความสมดุลในแดนกลางโดยเฉพาะในตำแหน่งตัวสร้างสรรเกม

จุดสำคัญที่สุดคืออาการบาดเจ็บของ อดัม ลัลลาน่า ที่หายหน้าไปนาน และนั่นจะส่งผลโดยตรงต่อแดนกลางของ สิงโตคำราม

สถิติมันบ่งชี้ยามที่มี ลัลลาน่า ในสนาม อังกฤษ มักจะทำได้ดีและมีโอกาสสร้างสรรเกมที่หลากหลาย ซึ่งอีกหนึ่งจุดที่สำคัญคือมันจะช่วยให้ เซาธ์เกต สามารถปรับรูปแบบการเล่นให้เข้ากับคู่แข่งได้เป็นอย่างดี

แดนกลางถือเป็นจุดที่เขาต้องพิจารณากันอย่างละเอียดและรอบคอบ โดยจุดนี้ เขามีตัวยืนพื้นอยู่แล้วคือ เดเล่ อัลลี่ กับ เอริค ดายเออร์ สองแกนหลักจาก ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ คนหนึ่งทำหน้าที่เดินเกม - คนหนึ่งทำหน้าที่ตัดเกม ซึ่งต้องการอีกหนึ่งฟันเฟืองในการเข้ามาเติมเต็มให้ทีมเดินหน้าแบบไม่สะดุด

แต่ถ้าดูจากนักเตะชุดปัจจุบันก็น่าเป็นห่วง เพราะทีมไม่มีกองกลางฝีเท้าดีเหมือนอย่างในอดีต 

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อาจจะเป็นแกนหลักในทีมแต่ผลงานของนักเตะรายนี้ยังไม่ดีพอในรายการใหญ่ๆ ทำให้ นักวิจารณ์ของอังกฤษหลายรายเชียร์และจิ้มไปที่ดาวรุ่งอย่าง ทอม เดวิส, แฮร์รี่ วิงค์ส, เนธาเนี่ยล ชาโลบาห์ และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค

กองหน้า

ฟุตบอลโลก 2014 - อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (อาร์เซน่อล), ริคกี้ แลมเบิร์ต (เซาธ์แฮมป์ตัน), เวย์น รูนี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (ลิเวอร์พูล), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (ลิเวอร์พูล), แดนนี่ เวลเบ็ค (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

ยูโร 2016 - แฮร์รี่ เคน (สเปอร์ส), มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), เวย์น รูนี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (ลิเวอร์พูล), เจมี่ วาร์ดี้ (เลสเตอร์)

สองรายการใหญ่ที่ผ่านมาแนวรุกของ สิงโตคำราม ถือว่าสอบตกอย่างชัดเจน

พวกเขาไม่ต่างจากสิงโตไร้เขี้ยวยามที่ต้องลงสนามในรอบสุดท้าย เพราะบ่อยครั้ง อังกฤษ จะมีปัญหาในการเจาะแนวรับฝ่ายตรงข้าม

เรื่องที่เกิดขึ้นต่อยอดมาจากการที่พวกเขาขาดตัวสร้างสรรเกมที่ดี แม้จะมี แฮร์รี่ เคน เป็นอาวุธหนัก แต่ปัญหาหลักก็อย่างที่บอกไป คือ การเข้าทำที่ถูกอ่านออกได้ง่าย

สิ่งเหล่านี้จะถูกพิสูจน์อีกครั้งในฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย กลางปีหน้า

ไม่มีใครทราบว่าท้ายที่สุดแล้ว อังกฤษ จะเหลวไม่เป็นท่าและไม่สามารถทำประตูได้ตามที่ต้องการได้อีกหรือไม่

แต่ สิ่งหนึ่งที่แฟนบอล อังกฤษ สามารถคาดหวังได้คือการที่พวกเขามี เคน เป็นความหวังอันสูงสุดรวมไปถึงเจ้าหนู มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กำลังพัฒนา

ทางเลือกอาจจะจำกัดจำเขี่ย เพราะหลุดจากสองรายข้างต้นนั้นไปที่ดูดีที่สุดคงหนีไม่พ้น เจมี่ วาร์ดี้ ของ สเปอร์ส

ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่จะกำหนดชะตาของ อังกฤษ ในฟุตบอลโลก 2018 คือนักเตะ ทั้ง 23 คนและทีมงานกุนซือว่าจะสามารถรีดศักยภาพและยกความกดดันออกจากบ่าได้มากน้อยเพียงใด