บรูโน่ กีมาเรส

ว่ากันว่าเด็กหนุ่มในบราซิลเกือบทั้งหมดเติบโตมากับกีฬาชนิด และพวกเขาถูกปลูกฝังให้รักเกมที่ชื่อว่า 'ฟุตบอล'

ไม่ต่างไปจากชายที่ชื่อว่า บรูโน่ กีมาเรส เขาเติบโตมาพร้อมกับหลงใหลในเกมฟุตบอล และไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ เขาฝันว่าสักวันหนึ่งจะสามารถเดินตามรอยไอดอลอย่าง โรนัลดินโญ่, ซีเนดีน ซีดาน และ อันเดรส อิเนียสต้า

กีมาเรส เริ่มต้นจากการฝึกฟุตซอล ซึ่งนั่นทำให้เขาพัฒนาทักษะการผ่านบอลและกลายมาเป็นอาวุธอันโดดเด่นของเขาในตอนนี้

"ผมเชื่อมั่นในรูปแบบการเล่นของตนเอง โดยเฉพาะการผ่านบอล ซึ่งมันมาจากฟุตซอล" กีมาเรส เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับสื่อบราซิล 

"เพราะว่ามันเป็นเกมที่สั้นกว่า คุณต้องคิดเร็วกว่าเดิมและนั่นช่วยเหลือผมได้อย่างมาก"

อย่างที่กองกลางวัย 22 ปีเคยกล่าวเอาไว้การได้ฝึกปรือ 'ฟุตซอล' ในวัยเด็กส่งผลให้เขาผ่านบอลได้ดีและกลายมาเป็นทีเด็ดในการเล่นของเขา ซึ่งนิยามง่ายๆ และสั้นๆ เกี่ยวกับ บรูโน่ กีมาเรส คงหนีไม่พ้นนักเตะสไตล์ 'ปิดทองหลังพระ' หรือตัวคอยบัญชาการในแดนกลางให้กับฝ่ายตนเอง

"ผมเป็นพวก 'คนแบกเปียโน' ผมเป็นคนผ่านบอลได้ดีและใช้ความหลักแหลมของผม ผมยังชอบอยู่ใกล้บอลเพื่อให้มีส่วนในการเล่นมากขึ้น ผมชอบมีบอลกับตัว แต่ผมก็ชอบแย่งมันมาจากฝ่ายตรงข้ามและพาขึ้นหน้าไปด้วย"

การเดินทางในเส้นทางสายฟุตบอลของเขาถูกจับตามองมากขึ้นในตอนที่ย้ายไปเล่นให้กับ อัตเลติโด พาราเนนเซ่ สโมสรในลีกสูงสุดของลีกบราซิล 

หลายคนอดสงสัยไม่ได้ในตอนที่ พาราเนนเซ่ ยืมเด็กหนุ่มวัย 19 ปีมาจากสโมสร เกรมิโอ โอซาสโก้ แต่ก็มีแฟนบอลท้องถิ่นที่เชื่อว่าเด็กรายนี้จะสามารถแจ้งเกิดได้แน่นอนหลังจากทำผลงานยอดเยี่ยมในเกมระดับเยาวชน

ที่ พาราเนนเซ่ เขาค่อยพัฒนาฝีเท้าของตนเอง และหลังจาก อัตเลติโก้ ตกลงดึง กีมาเรส ไปร่วมทีมแบบถาวร นักเตะผู้นี้เริ่มฉายแววเด่นออกมาให้เห็นโดยเฉพาะฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นในลีกหรือ โกปา ลิเบร์ตาดอเรส 

จึงไม่แปลกใจที่บรรดาสโมสรดังๆ ในยุโรป อาทิ อาร์เซน่อลล แอตเลติโก มาดริด และ เบนฟิก้า ต่างต้องการดึง กีมาเรส ไปร่วมทีม รวมไปถึง ฟลาเมงโก้ ยักษ์ในลีกบราซิล สนใจดึงตัวไปร่วมทีม

กระนั้นกลายเป็น โอลิมปิก ลียง ที่จัดการตัดหน้าทีมอื่นๆ ก่อนจะคว้าลายเซ็นของกองกลางชาวงบราซิลไปร่วมทีม ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ ที่ตอนนี้รับบทบาทผู้อำนวยการของ โอแอล เป็นคนเจรจาและโน้มน้าวดึง กีมาเรส มาร่วมทีม

"จูนินโญ่ มีส่วนสำคัญในการที่ผมตัดสินใจมาที่นี่ (โอลิมปิก ลียง) เขาโทร.ไปหาครอบครัวและเอเย่นต์ของผม เขาซื่อสัตย์และซื่อตรงมาก เขาเสนอแผนงานที่สวยงามเพื่อเส้นทางอาชัพของผม"

"นั่นจึงทำให้ผมอยากย้ายมาเล่นกับ โอลิมปิก ลียง ผมมีพาสสปอร์ตของสเปนและผมสามรถย้ายไป เบนฟิก้า หรือ แอตเลติโก มาดริด ผมคิดว่าพวกเขาสนใจ แต่ผมรู้ว่าที่นี่เหมือนบ้านและยินดีกับการตัดสินใจของตนเอง"

ถึงตอนนี้ แฟนบอล โอแอล กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นของ กีมาเรส หลังจากต้องรอเวลาพอสมควรเพราะนักเตะต้องเดินทางไปรับใช้ทีมชาติบราซิลทำศึก โอลิมปิก รอบตัดเลือก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ประเดิมสนามในเกมที่เอาชนะ เม็ตซ์ 2-0 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กีมาเรส ก็กลายมาเป็นตัวเลือกแรกๆ ในแดนกลางของ รูดี้ การ์เซีย ซึ่งนักตะกำลังได้รับคำชมถึงผลงานของเขาในตอนนี้ โดยเฉพาะในเกมดวล ยูเวนตุส บนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเกมแรก ที่ส่งผลให้ชื่อของ บรูโน่ กีมาเรส ถูกพูดถึงอย่างมาก 

ผลงานของกองกลางวัย 22 ปีไม่ได้โดดเด่นและเตะตาเฉพาะแฟนบอลในยุโรป แต่ยังรวมไปถึงทีมชาติบราซิลที่ได้เรียกตัว กีมาเรส ให้เป็น 1 ใน 24 นักเตะที่จะใช้ทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ปลายเดือนนี้

ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวกระโดดของ บรูโน่ กีมาเรส ที่จะได้โชว์ในทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางอาชีพของเขา

คงพูดไม่ผิด หากจะกล่าวว่าเส้นทางของ บรูโน่ กีมาเรส กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น จากกองกลางดาวรุ่งที่ถูกหลายทีมหมายตา ตอนนี้เขากำลังสนุกกับการใช้ชีวิตในแดนน้ำหอม ซึ่งว่ากันว่าจะช่วยผลักดันให้เขาเป็นนักเตะที่ดีกว่าเดิม

กับฝีเท้าที่มีติดตัว รวมไปถึงการย้ายมาอยู่กับ โอแอล สโมสรที่ขึ้นชื่อว่าให้โอกาสดาวรุ่งและแข้งอายุน้อยเสมอ ที่นี่จึงเหมาะกับ บรูโน่ กีมาเรส ในการพัฒนาตนเองให้ไปยังอีกระดับหนึ่ง

"ตอนที่ผมเห็นเขาครั้งแรก ในตอนนั้นผมเป็นกูรูอยู่ที่บราซิล และผมประทับใจกับคุณภาพของเขาอย่างมาก เขาเป็นกองกลางที่สมบูรณ์แบบ เขาเห็นสิ่งต่างๆ ก่อนคนอื่น เขารับความเสี่ยง"

นั่นคือคำพูดของ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ ชายประทับใจผลงานของ บรูโน่ กีมาเรส ก่อนจะดึงตัวมาเล่นที่ยุโรปในเวลาต่อมา

นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นความฝันของเด็กหนุ่มวัย 22 ปี ซึ่งเขามีโอกาสลงเล่นในรายการใหญ่ แชมเปี้ยนส์ ลีก เหมือนไอดอลของเขา และหวังว่าจะสามารถก้าวไปยังจุดที่บรรดารุ่นพี่เคยทำไว้

ชีวิตต้องมีความฝัน และสำหรับตัว บรูโน่ กีมาเรส ก็คงมีสิ่งที่เขาต้องการไปให้ถึงอยู่ในใจอย่างแน่นอน