42 ยังแจ๋ว
กับเกียรติประวัติในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนน้ำหอมถึงสองครั้ง ทั้งหับ โอลิมปิก มาร์กเซย และ มงต์เปลลิเย่ร์ ส่งผลให้กองหลังชาวบราซิลกลายมาเป็น 1 ในตำนานของลีก เอิง แบบไม่ต้องสงสัย
ชื่อเสียงของ ฮิลตัน เป็นที่รู้จักกันดีในฝรั่งเศส เพราะนับตั้งแต่ที่เขาย้ายไปเล่นในแดนน้ำหอมเมื่อปี 2004 นับจากนั้นกองหลังร่างใหญ่สร้างผลงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการเล่นให้กับ มงต์เปลลิเย่ร์ ที่เขากลายมาเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับที่ผนักกำลังกับคนอื่นๆ จนสามารถพาทีมที่เป็นม้านอกสายตาพลิกคว้าแชมป์เหนือ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ได้สำเร็จ
ย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้น ฮิลตัน ไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ ใยบราซิลที่หลงรักเกมฟุตบอลและต้องการผันตัวเองให้มาเป็นนักเตะอาชีพ หลังจากไต่เต้าขึ้นในทีมชาเปโคเอนเซ่ และ พาราน่า เขามีโอกาสย้ายไปเล่นในยุโรปกับ เซอร์เว็ตต์ สโมสรในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี 2002
ที่นั่นช่วยทำให้บรรดาทีมที่ใหญ่กว่ามองเห็นถึงฝีมือ ก่อนจะเป็นบาสเตียที่ยืมไปใช้งาน 6 เดือน ก่อนจะกลายเป็น ล็องส์ ที่ตัดหน้าดึงตัวไปร่วมทีมด้วยสัญญาถาวรหลังจบฤดูกาล 2004
ฮิลตัน กลายมาเป็นแกนหลักของ ล็องส์ และมีส่วนช่วยให้แนวรับของทีมแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก นอกจากนั้นยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันทีมให้ติดพื้นที่ ท็อป 5 ของ เวที ลีกเอิง พร้อมกับได้สิทธิ์ไปเตะ ยูฟ่า คัพ (ในตอนนั้น)
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี จนเมื่อปี 2008 หรือในตอนที่อายุได้ 30 ปี โอลิมปิก มาร์กเซย จัดการทุ่มเงิน 5 ล้านยูโรดังกองหลังชาวบราซิลรานี้ไปร่วมทีม
ณ สต๊าด เวโลโดรม กองหลังแซมบ้ากลายมาเป็นแกนหลักและช่วยทีมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ผลงานยังไม่ถึงเป้าที่สโมสรวางไว้เนื่องจาก 'โอแอ็ม' ได้เพียงที่ 2 ในลีกเท่านั้น
หลังจากนั้น โอลิมปิก มาร์กเซย เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา ดีดีเย่ร์ เดส์ช็องส์ ถูกดึงมาคุมทีม และสามารถเสกแชมป์ให้กับสโมสรได้สำเร็จ แต่ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่หวานอมขมกลืนของ ฮิลตัน เพราะหลังจากเป็นแกนหลักในปีแรก ทว่าฤดูกาลถัดมาที่ทีมได้แชมป์เขากลับได้โอกาสลงสนามไปเพียง 12 เกมเท่านั้น
ฮิลตัน อยู่กับ โอแอ็ม ได้อีก 1 ซีซั่น ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปเล่นกับ มงต์เปลลิเย่ร์ ในปี 2011 (โดยมีเหตุผลจากการไม่ได้ลงสนามและโดนโจรงัดบ้าน) ซึ่งหลายคนคาดว่าคงเป็นจุดหมายสุดท้ายก่อนที่กองหลังรายนี้จะกลับบ้านที่บราซิล เพราะทาง 'La Paillade' ได้เซ็นสัญญากับแนวรับราบนี้เพียง 1 ปีเท่านั้น
แต่กลับกลายเป็นการย้ายทีมที่ลงตัวและสร้างผลกระทบที่รุนแรงไปทั้งสโมสร เพราะในฤดูกาล 2011/12 ฮิลตัน และผองเพื่อนช่วยกันงัดฟอร์มอันยอดเยี่ยมก่อนจะหักปากกาเซียนคว้าแชมป์ ลีก เอิง มาครอง
ฝั่ง มงต์เปลลิเย่ร์ ไม่รอช้าจัดการขยายสัญญาออกไปอีก 1 ปี หลังจาก ฮิลตัน ลงสนามไป 35 จาก 38 เกมในซีซั่นแรกกับสโมสร
"มงต์เปลลิเย่ร์ ให้โอกาสผมเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ไม่มีใครเชื่อผมเลยเมื่อผมต้องการเริ่มต้นอีกครั้งในช่วงอายุ 33 ปี ผมจะไม่มีวันลืม ผมมีฤดูกาลแรกที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก คว้าแชมป์ลีก"
"ผมได้พบความสุขกับการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ปีสุดท้ายของผมที่ มาร์กเซย เป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับผม และโค้ชก็ไม่ได้มีความเชื่อใจในตัวผมเลย"
นับจากนั้น วิตอริโน่ ฮิลตัน ยังคงโลดแล่นในเวทีฟุตบอลและลงสนามให้กับ มงต์เปลลิเย่ร์ อย่างเนื่อง (หากไม่เจ็บหรือติดโทษแบน) ซึ่งตอนนี้ต้องบอกว่าอายุอานามของเขาปาไป 42 ปีแล้ว
ถือเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อกับนักเตะที่ไม่ใช่ตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่ยังคงโลดแล่นบนผืนหญ้าและต่อกรกับความเร็วรวมไปถึงพลังหนุ่มของคลื่นลูกใหม่
ที่สำคัญคือ ฮิลตัน ยังคงปักหลักเป็นแกนหลักในทีมและลงบัญชาการแนวรับให้กับสโมสร ซึ่งเขามีเคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลตนเองจนสามารถยืนหยัดลงสนามได้จนถึงอายุ 42 ปี
"ผมโชคดีอย่างมากที่มีความคิดแบบนี้ ผมยังปรับตัวในเรื่องการใช้ชีวิตของตนเอง ผมไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผมไม่ออกไปเที่ยวกลางคืน ผมหลับตั้งแต่ราวๆ 2 ทุ่ม ผมทานอาหารสุขภาพ ทุกๆ อย่างอยู่ในหัวของผม"
เคล็ดลับง่ายๆ ที่บางครั้งกลับกลายเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ คน เพราะมันมีสิ่งที่ยั่วยาล่อใจอย่างมากมายในโลกปัจจุบัน แต่สำหรับนักกีฬาที่ต้องรักษาวินัยและสภาพร่างกายให้ดีแล้ว มันเป็นสิ่งที่สมควรต้องได้รับการปฏิบัติที่ดีอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือเรื่องราวของ ฮิลตัน ในวัย 42 ปีที่ยังคงลงเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุข แต่หลังจากนี้การเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากนี้เขากับ มงต์เปลลิเย่ร์ จะได้ไปกันอีกปีหรือไม่ หรือทั้งสองจะตกลงยุติความสัมพันธ์และเหลือไว้ซึ่งความทรงจำที่ดีแบบนี้ตลอดไป
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT