การเดินทางของ อองเดร-ปิแอร์ ชีญัก
นักเตะบนหลายล้านคนบนโลกนี้ต่างต้องการแย่งชิงความเป็นที่ 1 แต่ในจำนวนนั้นมีเพียงไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดตรงนั้นได้
อย่างไรก็ตามอาชีพ 'นักฟุตบอล' ยังคงเป็นอาชีพที่หลายๆ คนปรารถนาและต้องการเป็นให้ได้ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่เติบโตมาพร้อมความหลงใหลในเกมลูกหนัง
สิ่งเหล่านี้คงไม่ต่างจาก อองเดร-ปิแอร์ ชีญัก เด็กหนุ่มจากทางตอนใต้ของฝรั่งเศสที่เติบโตมาพร้อมความหลงใหลในเกมฟุตบอล และต้องใช้ชีวิตกับคนที่หลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งหล่อหลอมให้เขาเติบโตมาพร้อมกับการมองโลกที่กว้างขึ้น
ชีวิตในวัยเด็กของเขาเติบโตมาพร้อมกับครอบครัวที่อาศัยในรถบ้านและใช้ชีวิตด้วยการทำงานในตลาด ซึ่งทำให้เขาได้พบปะผู้คนมากมาย แต่นอกเหนือจากนั้น 'ฟุตบอล' ยังคงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่โปรดปรานของ ชีญัก
ด้วยฝีเท้าที่สะดุดตาทำให้เขาได้มีโอกาสเล่นให้กับทีมท้องถิ่นอย่าง เออแออ ฟอส-ซูร์-แมร์ และ แอฟเซ มาร์ตีกส์ ทว่าหลังจากอยู่กับฝ่ายหลังได้ 7 ปีเขามองว่าถึงเวลาที่ต้องพัฒนาและไปยังระดัยที่เหนือกว่านี้ เขาจึงแจ้งไปยังสโมสรว่าต้องการย้ายทีม
ถือเป็นการเดินทางครั้งสำคัญในชีวิต ชีญัก ในวัย 16 ปีตัดสินใจเก็บข้าวของออกจากทางตอนใต้ก่อนจะเดินทางไปยังภาคตะวันตกเฉียงเหนือโดยมีจุดหมายอยู่ที่ แอฟเซ ลอริยองต์
ที่นั่นถือเป็นก้าวสำคัญและเป็นโอกาสที่จะทำให้เด็กหนุ่มวัย 16 ปีมีโอกาสพัฒนาฝีเท้า และด้วยการที่ ลอริยองต์ ขึ้นชื่อเรื่องการปลุกปั้นดาวรุ่งทำให้ ชีญัก มั่นใจว่าเขาจะมีโอกาสลงเล่นในระดับที่สูงกว่าเดิม
ระยะเวลา 2 ปีกับการพัฒนาฝีเท้าในทีมเยาวชนและทีมสำรอง ทำให้ ชีญัก ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง และก็ถึงเวลาที่เขาจะได้โอกาสลงเล่นในเกมระดับอาชีพเป็นครั้งแรก
ฤดูกาล 2004/05 ลอริยองต์ ที่นำโดย คริสตีย็อง กูร์กกุฟฟ์ ตัดสินใจดันเด็กหนุ่มหน้ามนวัย 18 ปีให้ก้าวมาเล่นในทีมชุดใหญ่และเขาสร้างความฮือฮาได้ทันทีกับการประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองบนเวทีลีก เดอซ์
กระนั้นการเริ่มต้นของเขาไม่ต่างจาก 'พลุ' ที่สว่างวาบเพียงชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆ หายไป เพราะหลังจากนั้นเจาต้องรับหน้าที่เป็น 'สำรอง' อดทนและคอยเรียนรู้งานจากบรรดาพี่ๆ ในทีม
แม้ ลอริยองต์ จะสามรถเลื่อนชั้นไปเล่นในเวที ลีก เอิง ได้สำเร็จ แต่เส้นทางของ ชีญัก มีอันต้องเก็บกระเป๋าเดินทางอีกครั้ง แต่หนนี้เป็นการยืมตัวโดยทีมหวังจะส่งไปฝึกฝนกับ โป แอฟเซ ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่น 2005/06
ที่นั่นเหมือนกับเป็นการปลดปล่อยเพราะว่า ชีญัก ระเบิดผลงาน 8 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ กับการลงสนามไปเพียง 18 เกมเท่านั้น ซึ่งได้มอบความมั่นใจให้กับเขากับดารแย่งชิงตำแหน่งในฤดูกาล 2006/07
การเริ่มต้นซีซั่นใหม่อาจจะไม่เป็นไปตามที่ ชีญัก คาดหวัง แต่ทุกสายตาต้องหันมามองเด็กหนุ่ม 20 ปี หลังจากเขาได้รับโอกาสลงสนามในเกมดวลกับ น็องต์ อริไม่เผาผีของ ลอริยองต์ ซึ่งเขาได้ตอบแทนความเชื่อใจของโค้ชด้วยการกดแฮตทริก (ในเวลาเพียง 24 นาที) พาทีมเอาชนะคู่แค้นไปได้แบบสะใจแฟนบอล
ผลงานในฤดูกาลกล่าว (9 ประตู 5 แอสซิสต์) เพียงพอให้ทีมใหญ่ๆ ในลีก เอิง เกิดความสนใจและพยายามติดต่อดึง ชีญัก ไปร่วมทีม
โดยเฉพาะมหากาพย์การแย่งชิงตัวระหว่าง ลีลล์ และ ตูลูส ที่โจมตีกันไปมาและใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อดึงหนึ่งในดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสที่มาแรงที่สุดคนหนึ่งในตอนนั้นมาร่วมทีม ก่อนจะเป็น ตูลูส ที่คว้าตัว ชีญัก มาครองได้สำเร็จ
ที่นั่น ชีญัก ค่อยๆ คายพิษสงออกมาก่อนจะสถาปนาตนเองให้กลายมาเป็นหนึ่งในแกนหลักของสโมสร และเป็นนักเตะที่ทีมไม่สามารถขาดไปได้เลยในตอนนั้น ซึ่งฤดูกาลที่ถือเป็นเป็นตัวแจ้งเกิดของหัวหอกรายนี้คงหนีไม่พ้นซีซั่น 2008/09 ที่เขาทำไปได้ 24 ประตูในศึก ลีก เอิง พร้อมกับคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง และพาทีมไปเตะฟุตบอลยุโรปได้สำเร็จ
กระนั้นอุปสรรคกลับมาขวางกั้นและอาการบาดเจ็บกลายมาเป็นตัวที่หยุดความร้อนแรงของ ชีญัก แต่ผลงานของเขายังคงอยู่ในลำดับต้นๆ ของสโมสร
สิงหาคม 2010 การเปลี่ยนแปลงในเส้นทางอาชีพของ ชีญัก เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยหนนี้เป็นยอดทีมขอวลีกอย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย ที่ติดต่อเข้ามา และนั่นทำให้การย้ายทีมเกิดขึ้นในเวลารวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ช่วงระยะเวลา 2 ปีแรกกับ 'โอแอ็ม' ทาง ชีญัก ต้องเจออุปสรรคอย่างมากทั้งเรื่องของสภาพร่างกายที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้ง แถมยังไม่ได้รับความเชื่อใจจาก ดีดีเย่ร์ เดส์ช็องส์ กุนซือของทีมในตอนนั้น ทำให้เขาทำไปได้เพียง 9 ประตูจาก 51 เกมในลีกของช่วง 2 ฤดูกาลดังกล่าว
แต่หลังจาก 'เดเด้' แยกทางกับ มาร์กเซย สโมสรดึง เอลี่ โบ๊ป มาทำหน้าที่ ซึ่งกุนซือรายใหม่คนนี้ให้โอกาส ชีญัก พิสูจน์ตนเองก่อนที่นักเตะจะตอบแทนสโมสรด้วยการระเบิดฟอร์มถล่มประตูได้ถึง 3 ฤดูกาลติดต่อกัน (18, 22 และ 23)
ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำของ อองเดร-ปิแอร์ ชีญัก บนเวทีลีก เอิง ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่สามารถสอยตาข่ายได้ถึงหลักร้อยประตู
การเดินทางของหัวหอกชาวฝรั่งเศสเกิดขึ้นอีกครั้งซึ่งหนนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบองอย่างมากเพราะจุดหมายของเขาคือ เม็กซิโก กับสโมสรนาม 'ติเกรส' ที่ตั้งอยู่ในเมืองมอนเตร์เรย์
หลายคนมองว่านี่อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะตอนนั้นด้วยผลงานและฝีเท้ายังมีหลายๆ สโมสรในยุโรปให้ความสนใจหัวหอกวัย 29 ปี กระนั้น ชีญัก มองต่างมุมและมุ่งหน้าสู่แดนจังโก้
ความปรารถนาของ ชีญัก คือการพา ติเกรส ให้กลายมาเป็นยอดทีมของประเทศและในระดับทวีป ซึ่งเขาเกือบที่จะทำสำเร็จตามที่ลั่นวาจาไว้ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะดันแพ้ ริเวอร์เพลท ในรอบชิงชนะเลิศ โปปา ลิเบร์ตาดอเรส 2015 แบบสู้ไม่ได้ (แพ้ด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-0)
แต่มันกลายเป็นแรงผลักดันของ ชีญัก และตัวสโมสร หลังจากนั้นพวกเขาเดินหน้าประกาศศักดาในลีกสูงสุดเม็กซิโกด้วยการคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 3 ปีติดต่อกัน
นอกจากนั้นผลงานของ อองเดร-ปิแอร์ ชีญัก กลายมาเป็นกุญแจสำคัญในความสำเร็จของสโมสร และที่นั่นเขายังกลายมาเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลจากการทำไป 119 ประตูในทุกรายการ
เส้นทางของ อองเดร-ปิแอร์ ชีญัก ยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ว่าตอนนี้อายุของเขาจะมาถึงวัย 34 ปี (ครบ 35 ในช่วงปลายปีนี้) แต่เท่าที่เห็นเชื่อว่าเขายังน่าจะสร้างความยอดเยี่ยมเช่นนี้ต่อไปโดยเฉพาะกับทาง ติเกรส
นี่คือบทพิสูจน์ของ อองเดร-ปิแอร์ ชีญัก ที่ตอกหน้านักวิจารณ์ในตอนที่พวกเขามองว่ากองหน้ารายนี้คิดผิดและทิ้งโอกาสสำคัญในยุโรป แต่จากที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วว่าแข้งรายนี้ได้เลือกเส้นทางที่ถูกต้องให้ตนเอง
บางครั้ง หลายคนพยายามทำตัวเป็นคนนำทางการใช้ชีวิตของคนอื่นๆ และพยายามแนะนำความคิดของตนเองเพื่อให้ผู้อื่นทำตาม
แต่พวกเขาอาจจะลืมไปว่า 'ชีวิต' ของแต่ละคนต่างกัน และสิ่งที่จะสามารถกำหนดเรื่องนี้ได้คงหนีไม่พ้นเจ้าตัวซึ่งรู้จักตัวตนของตัวเองดีมากกว่าใครๆ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT