ความมุ่งมั่นนำมาซึ่งโอกาสที่สำคัญ
สำหรับเส้นทางของ กาเบรียล โดส ซานโตส มากัลเญส คงไม่ต่างกัน เพราะกว่าที่เขาจะลายมาเป็นที่รู้จักของแฟนบอล และถูกสื่อหยิบยกมาพูดถึงแทบทุกวัน เขาต้องผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมาย
ในวัย 22 ปี ถือเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นในฐานะนักฟุตบอล กระนั้นกว่าที่เขาจะมาถึงวันนี้ต้องเจอกับอุปวรรคมากมาย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความมุ่งมั่น ตั้งใจ และอดทนทำงานของ กาเบรียล ตลอดช่วงระยะเวลาปีแรกในทวีปยุโรปเขาอาจจะมีข้อจำกัดในการลงสนาม แต่เมื่อโอกาสมาถึงแข้งชาวบราซิลรายนี้สามารถคว้ามันมาได้ในทันที
ถึงตอนนี้ กาเบรียล กลายเป็นกองหลังหนุ่มที่ถูกพูดถึงอย่างมาก และถูกโยงกับบรรดาทีมดังๆ ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และนี่คือเรื่องราวความเป็นมาของ กาเบรียล ที่กลายมาเป็นหนึ่งในกองหลังเนื้อหอมที่สุดคนหนึ่ง
1. ลูกศิษย์ โชเซ่ ฟอนต์
"ผมทำงานสำเร็จด้วยดี!" โชเซ่ ฟอนต์ ปล่อยมุกตลกเมื่อถูกถามเกี่ยวกับ กาเบรียล คู่หูในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตลอดช่วงฤดูกาลนี้ ซึ่งไม่แปลกใจที่บทบาท 'อาจารย์และศิษย์' ระหว่างพวกเขาสองคนจะเกิดขึ้นมา เพราะช่วงอายุที่ห่างกันมาถึง 14 ปี จนบางครั้งมีคนแซวว่าไม่ต่างจากคู่พ่อลูกที่ลงสนามด้วยกัน
ช่วงเวลาของทั้งสองอาจจะไม่ประจวบเหมาะในทีแรก เพราะ กาเบรียล ย้ายมาร่วมทีมเมื่อปี 2017 ก่อนจะถูกปล่อยตัวไปให้ ทรัวส์ และ ดินาโม ซาเกร็บ ยืมใช้งาน แต่ท้ายที่สุดกองหลังชาวบราซิลถูกดึงกลับมาและกลายเป็นตัวจริงร่วมกับ ฟอนต์ ในที่สุด
"เขาเข้ามาพูดกับผมทันทีตอนที่เขาย้ายมาร่วมทีม เขากระตุ้นให้ผมทำงานหนัก, คว้าโอกาสที่จะเข้ามาหาผมในวันหนึ่ง เขาสอนหลายๆ อย่างให้กับผม ทั้งในและนอกสนาม ถ้าวันหนึ่งผมจากลีลล์ไป ถ้าผมสามารถทำได้ ผมก็จะพาเขาไปกับผมด้วย! เขาช่วยให้ผมพัฒนาอย่างมาก" กาเบรียล เผย
แน่นอนว่าผลงานของทั้ง ฟอนต์ และ กาเบรียล ต่างผสานกันได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการเล่นกองหลัง 2 รายหรือการปรับไปเป็นหลัง 3 คนในบางเกม (โดยการส่ง ติอาโก้ ชาโล่ ลงสนาม) ซึ่งฤดูกาลนี้ 'ตราหมา' เสียประตูในลีก เอิง ไป 27 จาก 28 เกมเท่านั้น (เป็นรองเพียง แร็งส์ (21) และ เปแอสเช กับ แรนส์ (24) เท่านั้น และเท่ากับทาง โอลิมปิก ลียง)
ฝั่ง ฟอนต์ เองก็ยังคงให้คำแนะนำกับรุ่นน้องคนนี้ ซึ่งคนอื่นๆ มองว่าเป็นลูกศิษย์ที่จะสานต่อความสำเร็จและยอดเยี่ยมในอนาคต
"กาบี ต้องสานต่อการป้องกันที่ดีโดยมีความดุดัน, รักษาตำแหน่งให้ดี และอย่าเสี่ยงมากเกินไป เขาต้องการพัฒนาการเล่นระหว่างแนวและการผ่านบอลยาวของเขา"
2. จาก อาไว สู่ ซาเร็บ
จุดแจ้งเกิดและเป็นที่หมายปองของทีมในยุโรปหนแรกคือการที่ กาเบรียล เป็นหนึ่งในนักเตะทีมชาติบราซิลรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ที่เดินทางไปเล่นศึกชิงแชมป์อเมริกาใต้ที่ เอกวาดอร์ เมื่อปี 2017
ชุดนนั้นประกอบไปด้วยดาวดังอย่าง ริชาร์ลิซอน ของ เอฟเวอร์ตัน รวมไปถึง ดาวิด เนเรส สตาร์ อาแจ็กซ์ และ ดั๊กล่า ลุยซ์ ของ แอสตัน วิลล่า
แม้ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวจะไม่เป็นที่น่าพอใจของทีมแซมบ้า แต่ผลงานส่วนของ กาเบรียล กลับไปเข้าตา ลีลล์ ที่เดินเกมตัดหน้าทีมต่างๆ ก่อนจะเจรจากับ อาไว และคว้าตัวแข้งรายนี้ไปครอง
ช่วงแรกในเวทียุโรปอาจจะเป็นงานหนักที่ กาเบรียล ต้องผ่านไปให้ได้ เขาได้โอกาสลงสนามเพียงนัดเดียวก่อนจะถูก มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ปล่อยไปให้ ทรัวส์ (ที่ตอนนั้นเล่นบนเวที ลีก เอิง) ในฤดูกาล 2017/18 ทว่าเขากลับได้ลงสนามในลีกเพียงนัดเดียว ก่อนที่ ลีลล์ จะส่งตัว กาเบรียล ไปให้ ดินาโม ซาเกร็บ ยืมใช้งานในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง
"มันเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัวให้เข้ากับทิศทางการเล่น, สภาพอากาศ, ของทวีปอื่นๆ"
"ผมทำงานอย่างหนัก (ในโครเอเชีย) และผมรักสโมสร ผมต้องการที่จะอยู่ที่นั่นต่อไป ผมได้คุยเรื่องนี้กับท่านประธาน แต่ หลุยส์ คัมโปส (ผู้อำนวยการกีฬาลีลล์) บอกว่า 'ไม่ นายกำลังจะกลับไปที่ ลีลล์' บางที ในสักวันหนึ่ง ผมอาจจะกลับไปที่นั่น ผมรู้สึกดีกับที่นั่น แม้ว่าผมจะไม่ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่มากนัก แต่ตลอด 6 เดือนนั้นมันดีสำหรับผมมากๆ"
3. พลังของการโน้มน้าว
ว่ากันว่าก่อนที่ กาเบรียล จะตัดสินใจข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมายังทวีปยุโรป มีสโมสรดังๆ ในบราซิล อาทิ พัลเมรัส และ ฟลาเมงโก้ ที่ให้ความสนใจกองหลังรายนี้อย่างมากเช่นกัน
มันเป็นการง่ายสำหรับเด็กหนุ่ม 19 ปีในตอนนั้นที่จะเลือกเส้นทางอาชีพของเขากับยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิด
อย่างไรก็ตาม ลีลล์ เป็นสโมสรที่ให้ความสนใจ กาเบรียล อย่างชัดเจน จนถึงขั้นที่ส่งตัวแทนเดินทางไปชมผลงานของแนวรับรายนี้ถึง เอกวาดอร์ ในตอนที่เขาลงเล่นให้ทีมชาติบราซิลชุดเล็ก
"สิ่งสำคัญคือการที่ พัลเมรัส และ ฟลาเมงโก้ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอแบบเป็นรูปธรรม ผิดกับทาง ลีลล์ ที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างชัดเจนด้วยทั้งจำนวนเงินและวิธีการที่เขาจะทำต่อไปข้างหน้า นั่นคือส่วนสำคัญและความจริงที่ว่า ลีลล์ เป็นสโมสรในยุโรป ซึ่งถือเป็นความฝันของผม"
แม้ว่าช่วงแรกเขาจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากกุนซือ กระนั้นมันผิดตอนที่ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ เข้ามาคุมทีม เพราะกุนซือรายนี้พาทีมหนีตกชั้นในฤดูกาล 201/18 ก่อนจะพลิกสถานการณ์พา 'ตราหมา' เข้ารองแชมป์เมื่อซีซั่น 2018/19 ซึ่งทาง กาเบรียล ได้โอกาสลงสนามไป 13 จาก 15 เกมหลังสุด (แม้ว่าปัจจัยสำคัญมาจากอาการบาดเจ็บของ อาดาม่า ซูมาโอโร่ ก็ตาม)
โดยในฤดูกาลนี้ กาเบรียล ได้โอกาสลงสนามทุกนาทีในรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และนั่นทำให้ผลงานของเขาไปเข้าตาทีมใหญ่ๆ และถูกโยงเป็นข่าวอย่างหนัก
4. แฟนคลับ มาร์กินโญส
"มาร์กินโญส เป็นแรงบันดาลใจสำหรับผม"
แม้จะกล่าวไปเช่นนั้น แต่เมื่อเดือนเมษายนปี 2019 กาเบรียล ลงสนามเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังก่อนจะทำได้ 1 ประตู (นาทีที่ 71) ในเกมที่ ลีลล์ เปิดบ้านถล่ม เปแอสเช 5-1
ถือเป็นเกมในความทรงจำที่ กาเบรียล คงไม่มีทางลืมเพราะมันถือเป็นการทำประตูในเวที ลีก เอิง ของเขา นอกเหนือไปจากนั้นคือการได้ดวลกับ ไอดอล และบรรดาดาวดังระดับโลกของ เปแอสเช
"มันเป็นเกมที่ไม่มีทางลืมไปได้เลย โค้ชเรียกผมตั้ง 3 ครั้ง และผมมีสมาธิกับเกมมากจนไม่ได้ยินอะไรเลย ท้ายที่สุด ในตอนที่ผมเห็นเขา ผมมวนท้องไปหมดเลย ผมอบอุ่นร่างกายไม่ถึง 2 นาที และผมลงไปดวลกับนักเตะที่ยอดเยี่ยมบางราย และบางคนคนที่สุดของโลก คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์โก แวร์รัตติ, ดานี่ อัลเวส ... มันคือความฝัน"
5. ความปรารถนาในสีเสื้อแซมบ้า
"ความฝันของผมคือการเล่นให้ทีมชาติ"
นั่นคือความฝันของ กาเบรียล กองหลังหนุ่มที่มีความฝันไม่ต่างจากนักเตะบราซิลรายอื่นๆ ที่ต้องการสวมชุดแห่งเกียรติยศ ที่ถือเป็นความฝันสูงสุดของนักเตะแซมบ้า
และด้วยการที่เขาเป็นกองหลังตัวกลางที่ถนัดซ้าย ซึ่งหาได้ยากพอสมควรในตำแหน่งดังกล่าว ทำให้เขาหวังว่าจะพัฒนาฝีเท้าและถูกพิจารณาในอนาคต
"ผมคิดว่านั่นอาจจะมีส่วนสำคัญ มีนักเตะที่ถนัดเท้าซ้ายไม่มากเท่าไหร่ ผมทำงานทุกๆ วันเพื่อที่จะไปอยู่ในจุดนั้น และด้วยนักเตะอย่าง มาร์กินโญส และ ติอาโก้ ซิลวา มันจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม เพราะพวกเขาเป็นนักเตะที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมอย่างมาก"
เส้นทางในอนาคตนอกจากความตั้งใจของนักเตะแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ 'โค้ช' ที่ถือเป็นผู้มอบโอกาสให้กับนักเตะ ซึ่งสำหรับ กัลติเย่ร์ ที่อาจจะไม่ได้ใช้งาน กาเบรียล ในช่วงแรก เพราะยังสงสัยในฝีเท้า
แต่ด้วยการทำงานที่หนักและมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอกาสลงสนามมาถึงในที่สุด
"เขาทำงานหนักและไม่เคยบ่นเลย" กัลติเย่ร์ นายใหญ่ของ ลีลล์ เผย
"ผมเห็นว่าเขามีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมและเขาสามารถคว้าโอกาสแรกของตนเองเอาไว้ได้ เขากระหายลงสนาม ในขณะที่เขารอโอกาส เขาทำงานอย่างหนัก เขาเป็นตัวอย่างให้กับนักเตะดาวรุ่งคนอื่นๆ ได้ทำตาม"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT