ฮัมเรน, ไอซ์แลนด์ และ ยูโร 2020
นอจากนั้นยังถือเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในแถบสแกนดิเนเวียน จากผลงานการคว้าแชมป์ลีกใน นอร์เวย์ และ เดนมาร์ก และบอลถ้วยในบ้านเกิดสวีเดน
ตอนนี้การเดินทางของกุนซือวัย 63 ปีคือการพา ไอซ์แลนด์ เดินหน้าไปยังเป้าหมาย (อีกครั้ง) หลังจากทีมนี้เคยสร้างปรากฏการณ์ในการหลุดไปเล่น ยูโร 2016 และ ฟุตบอลโลก 2018 มาแล้ว
นี่คืองานที่ท้าทาย และโดนปรามาสเอาไว้มาก แต่สำหรับ ฮัมเรน นี่คือภารกิจสำคัญที่เขาอยากจะพิสูจน์ให้ได้ทุกคนได้เห็น
แม้จะไม่ได้ตั๋วรอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ แต่ ไอซ์แลนด์ ยังคงมีลุ้นในการแย่งชิงโควตาเพลย์ออฟ ซึ่งมีกำหนดการลงสนามในวันที่ 8 ต.ค. นี้ (พบ โรมาเนีย ในรอบชองชนะเลิศ มีโอกาสพบกับ บัลแกเรีย หรือ ฮังการี ในรอบชิงชนะเลิศ)
เวลากระชั้นชิดมาทุกขณะ และตอนนี้ ฮัมเรน กำลังเตรียมทีมเพื่อเกมนัดสำคัญ ...
ฮัมเรน คุณรับมือกับช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง?
"โชคดีที่ครอบครัวของผมทุกๆ คนแข็งแรงดี ดังนั้น แม้มันจะรู้สึกว่างเปล่าเมื่อไม่มีฟุตบอล ผมก็ไม่สามารถบ่นเรื่องทั้งหมดได้ คุณทราบดีว่าคนที่อยู่ข้างนอกนั้นกำลังเสียชีวิตและเจ็บป่วยอย่างมาก และผมอยู่ในฐานะที่โชคดีอย่างมาก ผมคิดว่าบรรดาโค้ชฟุตบอลปรับตัวได้อย่างมากเช่นกัน บางทีอาจจะเพราะเราเคยเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างอยู่บ่อยครั้ง และเราชอบที่จะได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุด มีหลายๆ เรื่องที่เป็นเรื่องดี อาทิ การได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้นและมีโอกาสตีกอล์ฟมากกว่าที่ผ่านมา ทุกๆ อย่างเหมือนเดิม ผมคิดว่าฟุตบอลอย่างมากและผมมองไปถึงการได้เริ่มต้นที่เหมาะสมอีกครั้ง หนสุดท้ายที่ผมเจอกับนักเตะคือในเดือนพฤศจิกายน ดังนั้นมันนานมากแม้ว่าก่อนช่วง ล็อคดาวน์ และเราทุกๆ คนกำลังมองไปข้างหน้า และมีแผนการมากมาย เพยล์ออฟ ยูโร ดังนั้นมันเป็นเรื่องเยี่ยมที่ได้เห็นพวกเขาอีกครั้ง"
คุณทำงานที่ ไอซ์แลนด์ มาเกือบ 2 ปีแล้ว คุณได้พบประสบการณ์อะไรใหม่ๆ บ้าง?
"ผมสนุกกับมันมากๆ มันเป็นช่วงเวลา 2 ปีที่ดีสำหรับผม ไม่ใช่แค่ในส่วนของฟุตบอลเท่านั้น แต่ในส่วนของการเรียนรู้เกี่ยวกับผู้คนชาวไอซ์แลนด์และไอซ์แลนด์ในฐานะประเทศ มันเริ่มต้นได้ไม่ดี ผมเริ่มต้นได้ยากลำบากจริงๆ ลงเล่น 2 เกมกับ เบลเยียม (อันดับ 1 ของ ฟีฟ่า) และมีเกมที่ยากในการดวลกับ ฝรั่งเศส และ สวิตเซอร์แลนด์ แต่มันเป็นช่วงที่สำคัญในการทำความรู้จักนักเตะ และเราดำเนินไปได้ดีในรอบคัดเลือก เราหวังที่จะสู้เพื่อได้ตำแหน่ง 1 ใน 2 อันดับแรก แต่ ตุรกี ทำได้ดีในการคว้า 4 แต้มจากการพบกับ ฝรั่งเศส และแต้มเหล่านั้นทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างเรากับพวกเขา แต่เรายังคงเหลือโอกาสในรอบเพลย์ออฟ (ผมเชื่อว่าเป็นโอกาสที่ดี) แม้ว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก เรารู้ว่ามันจะขึ้นอยู่กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และถ้าเราสามารถทำทุกๆ อย่างได้ถูกต้อง ผมก็มีความหวังอย่างมาก"
คุณเห็นว่ามันแตกต่างกันอย่างไร กับการทำหน้าที่โค้ชคุมทีมชาติบ้านเกิด สวีเดน และการคุมทีมต่างประเทศ? มันต้องปรับตัวมากน้อยเพียงใด?
"หลายๆ สิ่งมีความคล้ายคลึงกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีบางสิ่งที่แตกต่างกันเมื่อมันไม่ใช่ประเทศของคุณ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเรื่องของภาษา แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับผมและนักเตะที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษระหว่างกัน ชัดเจนว่ามันจะแตกต่างกันกับโค้ชที่ทำหน้าที่ในภาษาอื่น และผมมั่นใจว่านักเตะก็ต้องปรับตัวบางอย่างเช่นกัน แต่ผมเคยคุมทีมใน เดนมาร์ก และ นอร์เวย์ และผมก็เคยทำงานที่ แอฟริกาใต้ (หน้าที่ผู้อำนวยการเทคนิคของสโมสร มาเมโลดี้ ซันดาวน์ส) มาประมาณ 10 เดือนก่อนจะมารับงานนี้ และผมรู้สึกว่าคุณพัฒนาในฐานะโค้ชและบุคคลด้วยการทำงานต่างประเทศ มันเป็นการเรียนรู้ที่แท้จริง ทั้งในด้านฟุตบอลและชีวิต"
กับการที่ ไอซ์แลนด์ เคยทำงานภายใต้กุนซือชาวสวีเดนมาก่อน (ลาร์ส ลาเกอร์บัค) มันช่วยได้หรือไม่ในเรื่องของการยอมรับและการเป็นมิตรระหว่างกัน?
"ผมคิดว่าใช่ พวกเขาเคยมีประสบการณ์ที่ดีกับ ลาร์ส มาก่อน และผมเห็นฟุตบอลในทิศทางที่คล้ายคลึงกับเขา ซึ่งช่วยได้เช่นกัน ผมคิดว่าสหพันธ์มีความคิดในใจในตอนที่พวกเขาเสนองานนี้ให้กับผม"
คุณเคยปรึกษากับ ลาร์ส ก่อนที่จะรับงานนี้หรือไม่?
"ก่อนรับงานนี้ผมไม่เคยถามเลย แม้ว่าผมจะได้คุยกับเขาหลังจากนั้น ข้อเสนอเข้ามาตอนที่ผมอยู่ที่ แอฟริกาใต้ แม้ว่าผมจะสนุกกับประสบการณ์นั้น (กำลังทำงานที่แตกต่างจากเดิมในซีกโลกที่ต่างออกไป) ผมต้องการกลับไปยังยุโรป และผมคิดว่าถึงการฝึกสอน ผมรู้ว่ามันเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ แน่นอนว่าเป็นเพราะการสานต่อความสำเร็จที่ ไอซ์แลนด์ ทำไว้ในช่วงที่ผ่านมา (ประเทศเล็กๆ ที่เข้ารอบสุดท้ายรายการใหญ่ 2 รายการ) เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย คนส่วนใหญ่บอกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และว่าผมบ้าที่รับงานนี้ พวกเขาคิดว่าหลายๆ สิ่งน่าจะเลวร้าย แต่ถึงมันจะยากในการทำให้ได้เหมือนกับ ยูโร 2016 จากนั้นต้องเจองานยากในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกที่มีทั้ง โครเอเชีย, ยูเครน และ ตุรกี ผมมองเห็นความท้าทายและความตื่นเต้น ผมคิดว่า 'เราทำมันได้'"
ไม่ต้องสงสัยว่ามีความกังวลเช่นเดียวกัน เพราะนักเตะในยุคทองของ ไอซ์แลนด์ ต่างอยู่ในวัย 30 ปี และบางรายอยู่ในวัยกลาง 30 ปีแล้ว เขาการเรียกร้องในการปรับทีมใหม่หรือไม่ ถ้ามี ขั้นตอนต่างๆ ไปถึงไหนแล้ว?
"ด้วยความเคารพผมพอใจกับนักเตะจริงๆ มันเป็นอีกหนึ่งคำถามเช่นเดียวกันในตอนที่ผมรับงาน นักเตะที่อายุมากเหล่านี้ยังมีคุณภาพและความกระหายที่จะประสบความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมกับ ไอซ์แลนด์ มากกว่านี้หรือไม่? และสิ่งที่ผมเห็นคือพวกเขายังคงเป็นเช่นนั้น ผมชอบทัศนคติของพวกเขาอย่างมาก ปัญหาเดียวที่เรามีซึ่งส่งผลกระทบกับโค้ชคนก่อนหน้านี้ด้วย คืออาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลัก คนที่นี่เคยบอกกับผมว่าพวกเขาลงเล่นด้วย 11 นักเตะชุดเดิมมาประมาณ 4 ปี และความต่อเนื่องแบบนั้นเหมือนสิ่งที่ช่วยอย่างมาก มันไม่ได้เป็นเรื่องราวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และรับมือกับอาการบาดเจ็บของนักเตะแกนหลักบางรายซึ่งเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับประเทศเล็กๆ เพราะคุณไม่มีนักเตะให้เลือกมากนัก มันเปิดโอกาสให้เรานำเด็กเข้ามาและทดสอบพวกเขา และมีบางรายที่คว้าโอกาสได้ ผมเห็นอนาคตของ ไอซ์แลนด์ อย่างชัดเจนเมื่อถึงตอนที่ยุคทองเหล่านี้เลิกเล่น"
คุณีสถิติส่วนตัวที่ดีในรอบคัดเลือก ยูโร โดยก่อนหน้านี้นำ สวีเดน เข้ารอบสุดท้ายมา 2 ครั้ง แต่มันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือไม่ถ้าหากคุณพา ไอซ์แลนด์ เข้ารอบสุดท้ายในปีหน้า?
"อาจจะเป็นแบบนั้น เอาง่ายๆ เลยเพราะว่าขนาดของทั้งสองประเทศ และความจริงที่ว่าทุกๆ คนใกล้ตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่ผมรับงานนี้ สำหรับประเทศที่เล็กอย่าง ไอซ์แลนด์ ที่จะเข้ารอบรายการใหญ่ได้ 3 ครั้งติดต่อกันจะเป็นสิ่งที่แสนวิเศษ และ ใช่ ผมคิดว่ามันจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฐานะโค้ชของผม"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT