มาริโอ ซากัลโล่: แชมป์ที่ถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้
บททดสอบสำคัญของเขาคือการพาทีม เซเลเซา ลงสนามในฟุตบอลโลก 1970 ที่ เม็กซิโก พร้อมคำดูถูกและหยามเหยียดว่าการนำทีมของเขาคงไม่สามารถปราบพยศบรรดาสตาร์ดังในตอนนั้นได้
แต่ ซากัลโล่ พิสูจน์ ให้เห็นด้วยผลงานคว้าชัยทุกเกมที่ลงสนาม พร้อมกับการปราบ อิตาลี ในรอบชิงชนะเลิศแบบราบคาบด้วยสกอร์ 4-1
ถึงวันนี้ผ่านมา 50 ปี ซากัลโล่ มีโอกาสย้อนความทรงจำถึงอดีตที่หอมหวานทั้งในฐานะนักเตะและกุนซือที่พา บราซิล ไปยังจุดสูงสุด ...
คุณซากัลโล่ คุณเริ่มเล่นในฐานะนักเตะตำแหน่งหมายเลข 10 ซึ่งในประเทศมีนักเตะที่ยอดเยี่ยมในตำแหน่งมากมาย และเพื่อโอกาสที่ดีกว่าในการลงเล่นในฟุตบอลโลกคุณเลยเปลี่ยนไปเล่นปีกซ้ายแทนใช่หรือไม่?
"ใช่ ผมในมาตลอดกับการลงเล่นในฟุตบอลโลกให้กับ เซเลเซา ผมเคยอยู่ใน มาราคาน่า เมื่อปี 1950 (ซากัลโล่ เคยเป็นทหารที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเกมตัดสินระหว่าง บราซิล-อุรุวัย) ผมเริ่มต้นในฐานะนักเตะหมายเลข 10 ที่ อเมริกา ในตอนที่ผมย้ายไปฟลาเมงโก้ เมื่อปี 1950 กำลังคิดถึงการลงเล่นฟุตบอลโลกในสักวันหนึ่ง ผมตัดสินไปเล่นปีก นั่นคือตอนที่อาชีพของผมถูกพูดถึงอย่างมาก"
คุณไม่เคยลงสนามให้กับ บราซิล มาก่อนเลยในช่วง 1 เดือนก่อนฟุตบอลโลก 1958 ที่ สวีเดน คุณคิดอย่างไรที่คุณไม่ได้แค่ติดทีมไปฟุตบอลโลก แต่กลายมาเป็นตัวจริงของบราซิลในตำแหน่งปีกซ้าย?
"เข้าใจว่า ตอนนั้น โบตาโฟโก ลงเล่นที่ มาราคาน่า และ เปาโล อามาราล ครูฝึกด้านฟิตเนสได้บอกกับผมว่าผมกำลังถูกทีมงานผู้ฝึกสอน (ทีมชาติบราซิล) จับตาดูอยู่ สิ่งนี่ทำให้ผมตื่นเต้นมากกว่าเดิมและผมมีเกมที่ยอดเยี่ยม นั่นจุดเริ่มต้นในการถูกเรียกตัวของผมในฟุตบอลโลก 1958 มีการแข่งขันในตำแหน่งตัวจริงระหว่าง คานโญเตยโร่ และ เปเป้ พวกเขาเป็นตัวเต็ง แต่สิ่งที่ช่วยเหลือผมได้อย่างมากคือการปรับแผนจาก 4-2-4 เป็น 4-3-3 เฟโอล่า เปลี่ยนแผนเพราะผม ผมจะเป็นมิดฟิลด์ในตอนที่เราเสียบอล ในตอนที่เราครองบอล ผมจะทำหน้าที่ปีกซ้ายอย่างแท้จริง ผมเอาชนะการแข่งขันระหว่าง เปเป้ เพราะว่า เปเป้ ลงเล่นในระบบ 4-2-4 มาตลอด ผมไม่ ผมทำได้ทั้งสองบทบาท ผมเป็นเหตุผลที่ทีมชาติบราซิลได้ปฏิเสธการเล่นแบบบราซิเลี่ยนและเปลี่ยนเป็น 4-3-3 ครั้งแรก และเราก็คว้าแชมป์โลกมาครอง"
และก็เป็นอาการบาดเจ็บที่เกือบทำให้คุณพลาดรายการนั้น ...
"ผมอยู่ที่ มาราคาน่า ทัพเซเลเซากำลังลงฝึกซ้อม มันเป็นการซ้อมแบบการเล่นสองจังหวะ ผมอยู่ที่หน้าประตูด้านหนึ่ง และ เปเป้ อยู่อีกฟาก ลูกบอลพุ่งโดนนิ้วมือผมและมันก็ฉีกออก ผมถูกส่งไปโรงพยาบาล แม้ว่าแพทย์ (ทีมบราซิล) บอกว่าจะไม่ปล่อยให้ผมไปเล่นฟุตบอลโลก แต่เขาทราบดีว่าผมมีโอกาสสำคัญในการเป็นตัวจริง ดังนั้นเขาเย็บแปลให้ผม 12 เข็ม (เกือบเป็นหมายเลข 13 ซึ่งถือเป็นเลขนำโชคของ ซากัลโล่) และให้อยู่กับทีมต่อ ผมพลาดไป 3 เกม แต่ในเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายผมได้ลงสนามและทำประตูในการดวลกับ อินเตอร์ มิลาน ผมไม่ทราบเลยว่าตนเองจะได้เล่นหรือไม่ แต่ในตอนนั่งเครื่องบินไปที่ สต็อคโฮล์ม ทาง ริคาร์โด้ แซร์ราน ผู้สื่อข่าวที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ O Globo เข้ามาและนั่งข้างๆ ผม เขาพูดว่า 'นายกำลังจะได้เป็นตัวจริง' เฟโอล่า ได้บอกกับเขาเอาไว้"
อะไรคือความทรงจำที่คุณชอบมากที่สุดจาก สวีเดน 1958?
"การประเดิมสนามดวลกับ ออสเตรีย เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เราเอาชนะ 3-0 (นิลตัน ซานโต๊ส ทำประตู) สื่อกล่าวกันว่า เฟโอล่า สั่งให้เขากลับลงมา แต่ผมตะโกนกลับไปว่า 'ไปเลย นิลตัน ฉันคุ้มกันนายเอง' ผมทำหน้าที่ของตนเองในระบบ 4-3-3- และในรอบชิงชนะเลิศ เรากำลังตามหลัง สวีเดน 0-1 เราพลิกสถานการณ์ ผมทำประตูที่ 4 และเปิดบอลให้ เปเล่ โหม่งทำประตูที่ 5 ดังนั้นผมมีส่วนร่วมกับสองลูกสุดท้ายซึ่งทำให้บราซิลคว้าแชมป์โลกครั้งแรกของพวกเรามาครอง"
คุณถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือทีมชาติบราซิลก่อนฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก ปี 1970 เพียง 75 วัน คุณอะไรในตอนที่คุณทำหน้าที่?
"มันคือทุกๆ สิ่งที่ผมต้องการ มันเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ในตอนที่ผมอยู่กับ โบตาโฟโก ทางเจ้าหน้าที่ของ CBF มายังสนามซ่อม และผมได้รับแจ้งจากเทรนเนอร์ด้านร่างกายของพวกเราว่า 'ไปที่รถของนาย นายกำลังถูกเรียกไปคุม เซเลเซา' ตอนนั้นทีมอยู่ในค่ายฝึกซ้อมกันแล้ว พวกเขาพาผมกลับบ้าน เก็บเสื้อผ้าบางชุดและเดินทางออกไป มันสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในชีวิต มันเป็นเรื่องที่สนุกเพราะในตอนที่ (ชูเอา) ซาลดานโญ่ ทำหน้าที่คุม เซเลาเซา ก่อนหน้านี้ 1 ปี ผมเคยไปร่วมรายการวิทยุของเขา และในตอนที่เขาอำลา เซเลเซา ผมก็ไปแทนที่เขาที่นั่น"
แจร์สัน, ริเวลลิโน่, ทอสเทา, แชร์ซินโญ่ และ เปเล่ ต่างเป็นนักเตะหมายเลข 10 ให้กับสโมสรของพวกเขา คุณบอกกับพวกเราได้หรือไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจปรับเปลี่ยนบทบาทของพวกเขาและส่งพวกเขาลงสนามลงเล่นในทีมเดียวกัน?
"ผมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยกับระบบ 4-3-3 และในตอนที่ผมคุมทีม เซเลเซา ผมมีมันในหัวว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมกำลังจะทำ ความเปลี่ยนแปลงที่ผมทำคือการโยก ปิอัซซ่า ไปเล่นกองหลังตัวกลาง เรียกตัว โคลโดอัลโด้ เข้ามา และจัดการบรรดาแข้งหมายเลข 10 ริเวลลิโน่, ทอสเทา, เปเล่, แชร์ซินโญ่ และ แจร์สัน พวกเขาเคยพูดว่าเป็นไปไม่ได้ มันมีเวลาน้อยไป เพื่อให้พวกเขาหลอมรวม แต่เราคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก"
มีความรู้สึกกันว่า อังกฤษ พัฒนาจากทีมที่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1996 และนั่นเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดของ บราซิล ในฟุตบอลโลก 1970 ที่ เม็กซิโก หรือไม่?
"เป็นเกมที่ยากมากๆ เกมที่ยากที่สุดเกมหนึ่ง แต่ผมได้คุยกับทาง ทอสเทา และเขาคิดว่าเกมที่ยากที่สุดคือการดวลกับ อุรุกวัย เพราะทาง อุรุกวัย นำ 1-0 และผมกำลังคิดที่จะส่ง เปาโล เซซ่าร์ คาชู ลงไปและโยก ริเวลลิโน่ ไปเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่ผมโชคดีเพราะว่านักเตะที่ผมกำลังจะถอดออกอย่าง โคลโดอัลโด้ ทำประตูในนาที 45 - ทันเวลาพอดี! ช่วงพักครึ่งในเกมนั้นผมคลั่งไปเลย ผมตำหนิทั้งทีม ผมบอกพวกเขาไปว่าพวกเขาไม่ต้องทำอะไรที่แตกต่างไปจากที่พวกเขารู้ แต่พวกเขาไม่ได้ทำอย่างนั้นในการเจอกับ อุรุกวัย"
ใครคือนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในฟุตบอลโลก 1970?
"โอ้ นั่นยากนะ แชร์ซินโญ่ ยอดเยี่ยมอย่างมากในฟุตบอลโลก แต่คุณต้องมองไปที่ เปเล่, ทอสเทา, ริเวลลิโน่, โคลโดอัลโด้, แจร์สัน สำหรับ แจร์สัน เป็นนักเตะหมายเลข 10 ที่ยอดเยี่ยมที่สุด กองกลางที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในชีวิต"
คุณลงเล่นให้กับในฟุตบอลโลก 1958 และคุมทีมชาติในปี 1970 แล้วทีมไหนดีกว่ากัน?
"ผมไม่อยากนำมาเปรียบเทียบ ทั้งสองทีมต่างน่าเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตาม ทีมในปี 58 เป็นทีมที่ดีจริงๆ เพราะเรามีการป้องกันที่ยอดเยี่ยม แผงมิดฟิลด์ที่ยอดเยี่ยม และแนวรุกอย่าง การ์รินชา, เปเล่ และ วาว่า โอ้ ... และเรามี มาริโอ ซากัลโล่ ในตำแหน่งปีกซ้ายด้วย (หัวเราะ)"
ด้วยการคว้าฟุตบอลโลก 3 สมัย ครึ่งไหนที่มีความหมายกับคุณมากที่สุด?
"มันเป็นคำตอบที่ง่ายมากๆ 1958 ในฐานะนักเตะ และ 1970 ในฐานะโค้ช ผมมีส่วนร่วมกับฟุตบอลโลก 7 ครั้งและเข้าชิงชนะเลิศ 4 หน รอบชิงชนะเลิศหนล่าสุดคือปี 1998 ในตอนที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับ โรนัลโด้ นักเตะที่ดีที่สุดของโลก นั่นเป็นทีมที่น่าเหลือเชื่อ เราไม่ควรพ่ายแพ้"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT