อุปสรรคที่ต้องก้าวผ่าน
มิตเชล บัคเคอร์ ในวัย 10 ปี กลายมาเป็นหนึ่งนักเตะทีมเยาวชนของ อาแจ็กซ์ ที่นั่นเขาได้พัฒนาฝีเท้าตนเองให้รุดหน้า และใช้เวลาเพียง 7 ปีในการก้าวขึ้นมาในทีมสำรองของสโมสร
แม้โอกาสในทีมชุดใหญ่จะมีน้อยนิด มีได้แค่เพียงบอลถ้วยในประเทศที่เจอกับทีมเล็กรอบแรกๆ แต่นั่นก็ถือเป็นการเติมเต็มความฝันของ บัคเคอร์
ไม่มีใครรู้ถึงอนาคตของเส้นทางที่รอทอดยาวตรงหน้า เช่นเดียวกับ บัคเคอร์ ที่ในใจลึกๆ เขาอาจจะฝันในการเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่ อาแจ็กซ์ แต่แล้วการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงหน้าร้อนปี 2019
อย่างที่ไม่มีใครทราบหรือหยั่งรู้ได้ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เดินหน้าเข้ามาติดต่อเด็กหนุ่มวัย 19 ปีรายนี้ ก่อนจะคว้าตัวไปครองแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ อาแจ็กซ์ เพราะตอนนั้นสัญญาของนักเตะกับทีมดังจากฮอลแลนด์หมดลงพอดี
มันคือการเดินทางที่เต็มไปด้วยความฝัน ความหวัง และแน่นอนว่าคือความเสี่ยงในการย้ายมาอยู่กับมหาอำนาจเบอร์ 1 ของฝรั่งเศสในยุคนี้ แม้ในมุมหนึ่งมันคือการการันตีความสำเร็จ (สำหรับการคว้าแชมป์ในประเทศ) แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือการแย่งตำแหน่งแบ็กซ้ายเพราะในทีมมีทั้ง ฆวน เบร์นาต ที่รับหน้าที่ตัวเลือกหมายเลข 1 และ เลย์วิน กูร์ซาว่า ที่รับหน้าที่หมายเลข 2
และมันก็เป็นไปเช่นนั้น
บัคเคอร์ ทำได้เพียงลงซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ทำได้เพียงแค่รอว่าเมื่อไหร่โอกาสของตนเองจะมาถึง และมันไม่ต่างจากการเล่นให้ อาแจ็กซ์ เพราะเกมแรกที่เขาได้ลงประเดิมสนามให้ เปแอสเช เกิดขึ้นในเกม เฟร้นช์ คัพ กับ โป แอฟเซ ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา
แม้เส้นทางจะไม่ราบรื่นและเต็มไปด้วยอุปสรรคที่เขาต้องก้าวผ่าน รวมไปถึงการรอเวลาพิสูจน์ตนเองว่าดีพอสำหรับ โธมัส ทูเคิ่ล แต่เด็กหนุ่มจากเมืองปือร์เมอแร็นด์ไม่ย่อท้อและยังคงทำงานในส่วนของตนเองอย่างแข็งขัน จนในที่สุดโอกาสของเขาก็มาถึง
ด้วยปัญหาที่แบ็กซ้ายของทีมนัดกันเจ็บระนาวในช่วง 'รีสตาร์ต' เกมลูกหนังหลังจากโดนโควิด-19 เล่นงาน บัคเคอร์ ได้โอกาสสำคัญของตนเองในการลงสนามรอบชิงชนะเลิศ เฟร้นช์ คัพ กับ แซงต์-เอเตียน
ก่อนหน้านั้นเขามีโอกาสลิ้มลองรสชาติของเกม ลีก เอิง มาบ้างแล้ว แต่หนนี้ต่างกันสิ้นเชิงเพราะมันเดิมพันด้วยเกียรติยศของสโมสรและของตัวเขาเอง
กระนั้นแข้งหนุ่มชาวดัตช์กลับทำผลงานเข้าตาและแสดงความยอดเยี่ยมในการเป็นส่วนหนึ่งบนความสำเร็จของสโมสร ยังรวมไปถึงเกมรอบชิงชนะเลิศ เฟร้นช์ ลีก คัพ กับ โอลิมปิก ลียง ที่เขาได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง และมันยังต่อยอดไปถึงเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเขาจบลงในฐานะรองแชมป์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา
คล้ายเป็นการเปิดประตูแห่งโอกาสให้กับ บัคเคอร์ แม้ว่าส่วนหนึ่งมาจากการขาดหายไปของ เบร์นาต และ กูร์ซาว่า แต่นั่นทำให้ ทูเคิ่ล ไม่ต้องคิดมากในการส่งแข้งฮอลแลนด์ลงไปทำหน้าที่แทนรุ่นพี่ทั้งสอง เพราะผลงานในสนามมันแสดงให้เห็นกับตาแล้วว่าเขาสามารถเติมเต็มและลงไปทำงานร่วมกับซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ ในทีมได้อย่างลงตัว
เท้าซ้ายอันฉมัง การเติมเกมที่สนุก รวดเร็ว และมีจังหวะครอสสวยๆ ให้แนวรุกได้ลุ้น เขายังมีการเล่นเกมรับที่ดุดัน แข็งแกร่ง และทรงพลัง แสดงให้เห็นว่า บัคเคอร์ สามารถเล่นได้ทั้งบู๊และบุ๋น หรืออีกนัยหนึ่งคือสามารถเป็นได้ทั้งตัวทำลายล้าง (ฝ่ายตรงข้าม) และสร้างสรรค์ (ให้กับฝ่ายตนเอง) ในเวลาเดียวกัน
เป้าหมายหลังจากนี้คือการพัฒนาฝีเท้าให้รุดหน้าไปกว่าเดิม และแน่นอนว่าการแข่งขันเพื่อยึดตำแหน่งแบ็กซ้ายในทีมมาครองให้จงได้ แม้อุปสรรคตรงหน้าจะลำบากยากเย็น แต่ด้วยทัศนคติและการทำงานที่มุ่งมั่น ทำให้ บัคเคอร์ เชื่อว่าไม่มีอะไรยากเกินความตั้งใจ
"ก่อนอื่นเลย ผมอยากลงสนามให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมจะทำทุกๆ อย่างว่าตนเองสมควรได้รับโอกาสลงสนาม"
นั่นคือคำพูดในตอนย้ายมาเล่นที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ซึ่งตอนนี้เขาได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า 'มีดี' พอในการกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง
ความเชื่อมั่นคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการนักเตะอาชีพ ที่ต้องแสดงออกมาทั้งสีหน้า ความคิด และที่สำคัญเมื่อโอกาสลงสนามมาถึง
สิ่งเหล่านี้ถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่าน บัคเคอร์ ที่แสดงให้ ทูเคิ่ล ได้เห็นจนได้โอกาสสำคัญที่เขารอคอย
ต่อจากนี้คือการสานต่อการทำงานที่เขาได้เริ่มไว้ให้พัฒนาและกลายมาเป็นแกนหลักของ เปแอสเช ในอนาคต
น่าสนใจว่าจากเด็กหนุ่ม 'โนเนม' รายนี้ จะสามารถไปได้ไกลและสร้างชื่อให้กับตนเองได้มากน้อยเพียงใด เขาจะสามารถไปยังจุดที่ตนเองตั้งเป้าหมายและฝันเอาไว้ได้หรือไม่ ... น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT