ดาวที่รอจรัสแสง
เส้นทางของ คาเดเวเร่ ผ่านเรื่องราวมากมายกว่าจะมาถึงจุดที่เป็นอยู่ เด็กหนุ่มจากประเทศที่มีปัญหาปัญหาภายในอย่างซิมบับเว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม และคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ ทำให้เขาต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
สิ่งหนึ่งที่เขามองเห็นนั่นคือการเดินทางไปยังยุโรป และแน่นอนว่าประตูที่จะเปิดทางให้กับเขาคือ 'ฟุตบอล'
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ พรินซ์ เอ็ดเวิร์ด สคูล แม้จะเป็นสถานที่ที่มีชื่อเรื่องการเรียนแต่กลับเป็นสนามฟุตบอลที่ทำให้ คาดาเวเร่ ได้โอกาสเฉิดฉาย ก่อนจะถูก ฮาราเร่ ซิตี้ ทีมในเมืองหลวงของซิมบับเวดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2014
คาเดเวเร่ ใช้เวลาเพียงปีเดียวในการฉายแววจนไปเตะตาแมวมองจากเวทียุโรป และนั่นถือเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสที่เขาต้องการ แม้เป็นเพียงการเดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับทีมเล็กๆ อย่าง โซโชซ์ ของฝรั่งเศส, ออสเตนเด้ ทีมในเบลเยียม และ เยอร์การ์เด้นส์ จากสวีเดน แต่นั่นถือเป็นสิ่งที่เขาต้องคว้าไว้
ด้วยความมุ่งมั่นและฝีเท้าที่แสดงออกมา เพียงพอให้ เยอร์การ์เด้นส์ ตกลงตัดสินใจเซ็นสัญญากับ คาเดเวเร่ ด้วยสัญญาล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้เขาเดินทางเตะในแถบสแกนดิเนเวียเมื่อขึ้นปี 2016
แต่กลับมีเรื่องราวที่ทำให้แข้งวัย 19 ปี (ในตอนนั้น) มีโอกาสโชว์ตัวเร็วกว่ากำหนด
"เขาสามารถกลายมาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเรา" บอสเซ่ อันเดอร์สสัน ผู้อำนวยการกีฬาของเยอร์การ์เด้นส์ย้อนความหลังในวันที่เซ็นสัญญากับ คาเดเวเร่
"ในตอนที่เขาเซ็นสัญญากับเรา เขาเริ่มร้องไห้ และพูดว่าเขาไม่อยากกลับไป (ซิมบับเว) ดังนั้นเราจึงเซ็นสัญญากับเขาแบบยืมตัว
"เราเห็นถึงพรสวรรค์และแน่นอนว่าเชื่อมั่นในตัวเขา หลังจากผ่านไป 2 เดือน เราซื้อตัวเขาและมอบสัญญาระยะยาวให้กับเขา"
มันคือการซื้อใจ และผลที่ออกมาก็ถือประสบความสำเร็จทั้งในตัวนักเตะและสโมสรจากสวีเดน
"ในวันสุดท้ายที่ผมทดสอบฝีเท้ากับ เยอร์การ์เด้นส์ ผู้อำนวยการทั่วไปบอกกับผมว่า 'นายไม่ต้องกลับไปซิมบับเวหรอกนะ'
"พวกเขาบอกกับง่ายๆ แบบนั้น สโมสรจะดูแลทุกๆ อย่าง พวกเขาซื้อเครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นให้กับผม"
แต่ คาเดเวเร่ ต้องใช้เวลาปรับตัว ซึ่งหนึ่งในปัญหาสำคัญของเด็กหนุ่มในวัยนั้นคือการคิดถีงบ้าน แต่เมื่อพิจารณาถึงความฝัน อนาคต และสิ่งที่รอเขาอยู่ ส่งผลให้ คาเดเวเร่ เดินหน้าและมุ่งมั่นกับการทำงานของตนเอง
"ในตอนที่ผมเพิ่งย้ายมา ผมเล่นเหมือนเด็ก แต่ในสวีเดน ผมได้เรียนรู้ถึงการเล่นแบบผู้ใหญ่"
ไม่นานหลังจากนั้น คาเดเวเร่ กลายมาเป็นแกนหลักของ เยอร์การ์เด้นส์ และเอาชนะใจแฟนบอล รวมไปถึงเริ่มถูกจับตามองจากทีมที่ใหญ่กว่า และการเดินทางก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ...
... แม้ก่อนหน้านี้จะพลาดโอกาสเดินทางไปเล่นในฝรั่งเศส แต่ด้วยฝีเท้าที่ผ่านการคัดกรองและพิสูจน์ผลงานในลีกสวีเดนทำให้ เลอ อาฟร์ ไม่รอช้าในการดึงแข้งหนุ่มชาวิมบับเวไปร่วมทีมในปี 2018
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดินทางไปยังสโมสรที่ตั้งอยู่ในแถบอ่าวนอร์มังดีถือเป็นการเปิดประตูแห่งโอกาสอีกบานของ คาเดเวเร่ เพราะที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องการปั้นดาวรุ่ง และที่ผ่านมามีหลักฐานสำคัญมากมายไม่ว่าจะเป็น ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, ปอล ป็อกบา, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้, รียาด มาห์เรซ และ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ที่เคยผ่านศูนย์ฝึกแห่งนี้
"ผมพิจารณาไปที่ประวัติศาสตร์ของสโมสร และผมเห็นนักเตะชื่อดังก้าวมาจากที่นี่ ผมเลยพูดกับตนเอง ทำไมจะไม่ใช่ฉันล่ะ?"
ฤดูกาลแรกอาจจะยากลำบากสำหรับ คาเดเวเร่ เพราะผลงานในเวที ลีก เดอซ์ 23 เกม เขาทำประตูได้เพียง 5 ลูกเท่านั้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้ไฟแห่งความมุ่งมั่นในตัวของเขามอดดับลง มันกลับกลายเป็นเชื้อเพลิงเพื่อให้เขาพัฒนาตนเอง
สิ่งนี้พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนกับผลงานในซีซั่นที่ผ่านมา เพราะ คาเดเวเร่ กดไป 20 ประตูจากการลงสนามในลีกลำดับสองของแดนน้ำหอมไป 24 เกม
ผลงานส่วนตัวของเขาไปเข้าตาทีมดังมากมายในยุโรป ถึงตรงนี้ชื่อของ คาเดเวเร่ เริ่มรู้จักในหมู่แมวมองและเอเย่นต์มากมายที่พยายามส่งชื่อให้สโมสรอื่นๆ พิจารณา
ข่าวคราวการย้ายทีมเริ่มเข้ามาเคาะประตูเรียกเขาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในอังกฤษหรือสกอตแลนด์ โดยเฉพาะ กลาสโกว์ เซลติก ที่จ้องมองแข้งจากซิมบับเวแบบตาไม่กระพริบ (ยังเคยมีข่าวลือกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เช่นเดียวกัน)
ท้ายที่สุด โอลิมปิก ลียง อาศัยความเร็วด้วยการมอบหมายงานให้ จูนินโญ่ แปร์นันบูกาโน่ เดินหน้าคว้าตัวหัวหอกรายนี้มาครอง (แบบล่วงหน้า) เมื่อช่วงตลาดหน้าหนาวต้นปี 2020 ที่ผ่านมา
คำถามสำคัญไม่ได้อยู่ที่ฝีเท้า แต่อยู่ที่การแย่งตำแหน่งในแนวรุกของ โอแอล เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าพวกเขามีทั้ง เมมฟิส เดอปาย, มุสซ่า เดมเบเล่ และ คาร์ล โตโก เอก็อมบี้ (ที่ทีมตกลงซื้อขาดมาจากบียาร์เรอัล)
นั่นคือคำถามสำคัญที่แฟนบอลอยากรู้ และอาจจะรวมไปถึงตัวนักเตะด้วยว่าสถานะของ คาเดเวเร่ จะอยู่ในจุดไหน
"ทีโน่ เป็นนักเตะที่สามารถเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า แต่ยังรวมไปถึงการเล่นข้างหลังแนวรุกคนอื่นๆ" จูนินโญ่ ระบุ
"รูปแบบการเล่นของเขาไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัว เขาสามารถเติมเต็มในส่วนของ มุสซ่า เดมเบเล่ ได้ดี
"การมาของ คาร์ล โตโก เอก็อมบี้ ทำให้พวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงการเล่นในทีม และ ทีโน่ คาเดเวเร่ จะโดดเด่นดวยการมีพื้นที่มากมายในการเล่น เราต้องการมีฤดูกาลที่ดีกว่าเดิม และ ทีโน่ จะมอบสิ่งนั้นให้พวกเราได้มากมาย"
มันอาจจะเป็นไปตามที่ผู้อำนวยการกีฬาจากถิ่น กรูปาม่า สเตเดียม คาดหวัง โดยเฉพาะผลงาน 4 เกมหลังสุดที่แข้งวัย 24 ทำไป 3 ประตูและ 1 แอสซิสต์
แม้เริ่มต้นในฐานะสำรองข้างสนาม แต่เมื่อได้โอกาสจาก รูดี้ การ์เซีย กุนซือใหญ่ของทีม คาเดเวเร่ ก็ไม่ทำให้กุนซือผิดหวังกับการแสดงผลงานอันยอดเยี่ยมออกมา
ที่สำคัญ คาเดเวเร่ แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่หลากหลาย ตำแหน่งที่เขาถนัดอาจจะเป็นกองหน้าตัวปิดบัญชีหรือทำเกมข้างหลังกองหน้า แต่ที่ผ่านมา การ์เซีย ถ่างให้แข้งซิมบับเวไปยืนริมเส้นซึ่งเขากลับทำผลงานได้ดีและเหมือนเป็นการยกระดับการเล่นของเขาไปอีกขั้น
อย่างที่ อันเดอร์สสัน หรือ จูนินโญ่ ได้กล่าวถึง คาเดเวเร่ นอกจากพรสวรรค์ที่มีติดตัว มุมมองและทัศนคติในการเล่นของแข้งรายนี้ยังเต็มไปด้วยคุณภาพในเชิงบวกที่พร้อมส่งเสริมทีมให้เดินหน้า
เส้นทางของ คาเดเวเร่ ยังคงทอดยาวไปอีกไกล แต่เมื่อมองถึงที่มาและสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ต้องยอมรับว่านี่คืออีกหนึ่งนักเตะที่ต่อสู้อย่างหนักในเส้นทางฟุตบอล เขาใช้ทั้งพรสวรรค์และความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อจนมีโอกาสฉายแสงในเวทียุโรป
ตอนนี้ด้วยเวทีและทีมที่ใหญ่ ทำให้ คาเดเวเร่ มีโอกาสแสดงผลงานของตนเองให้โลกเห็นมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา และหวังว่าเขาจะสามารถก้าวไปยังระดับที่สูงขึ้น พร้อมกับเจิดจรัสฉายแววออกมาอย่างเต็มที่
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT