มีโอกาสเสมอหากไม่ยอมแพ้

ความตั้งใจของ ดีซาซี่ คือการเจริญรอยตาม ติอาโก้ ซิลวา ขวัญใจและต้นแบบการเล่นของตนเอง ทำให้เขาเดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับทีมดังของเมืองหลวงฝรั่งเศส แต่ก็ต้องหอบเอาความผิดหวังกลับมา

กระนั้นจากเด็กหนุ่มที่เคยพบเจอกับความผิดหวัง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นของเขาจางหายไป ยังคงเดินหน้าตามหาฝันและในที่สุดก็กลายมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ตามที่ต้องการ

หลังจากเป็นเด็กฝึกของสโมสรระดับล่างมานานหลายปี จนเมื่อย่างเข้าสู่วัย 16 ปี ดีซาซี่ ถูก ปารีส แอฟเซ ดึงตัวไปร่วมทีม และที่นั่นเขาใช้เวลา 2 ปีในการไต่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ 

แม้โอกาสน้อยนิดและทีมต้องหล่นชั้นไปเล่นใน นาซิยงนาล ลีกลำดับ 3 ของแดนน้ำหอม แต่ แร็งส์ สโมสรที่ตอนนั้นเล่นในลีก เดอซ์ มองเห็นแววจึงดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2016 

ปีแรกกับสโมสรทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ดีซาซี่ ใช้ชีวิตในทีมสำรองเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาได้รับบทบาทสำคัญในการเป็นแกนหลักของทีม ก่อนที่ฤดูกาล 2017/18 จะถูกดันมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ และกลายเป็นหนึ่งในขุนที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก เดอซ์ มาครอง

เมื่อทีมคว้าตั๋วขึ้นมาเล่นใน ลีก เอิง แน่นอนว่า ดีซาซี่ คาดหวังในการได้โอกาสมากขึ้น กระนั้นการแข่งขันในทีมสูงมากโดยเฉพาะตำแหน่งปราการหลังตัวกลางที่ ดาวิด กียง กุนซือใหญ่ของทีมเลือกใช้งาน บยอร์น เอนเกลส์ และ ยูนิส อับเดลฮามิด เป็นสองอันดับแรก

"ในปีแรกบนเวที ลีก เอิง ของเรา เขาเป็นตัวเลือกหลัง เอนเกลส์ และ อับเดลฮามิด เพราะลำดับชั้นในทีม เขาต้องอดทน มีการแข่งขันเพื่อตำแหน่ง แต่เขาเฝ้าดูหลายๆ สิ่ง ทำงานอย่างหนัก และเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม เขามีร่างกายที่ดีในการสกัดบอลให้พ้นออกไป"

อย่างที่เรียนไป ฤดูกาลแรกในเวทีลีก เอิง ของ ดีซาซี่ ต้องรับบทเป็นอะไหล่สำรอง ทั้งฤดูกาลมีเกมลีกเพียงเกมเดียวที่เขาลงเล่นครบ 90 นาที กระนั้นมันคือเกมแห่งความทรงจำเพราะเขาช่วยให้ แร็งส์ เอาชนะ เปแอสเช 3-1

ฤดูกาลแรกที่ต้องเฝ้ามองรุ่นพี่ลงสนามผ่านพ้นไป แต่ซีซั่นถัดมาเขาถูกกุนซือใหญ่ดันเข้าสู่ทีมตัวจริงอย่างเต็มตัว แม้ส่วนหนึ่งมาจากการขาย เอนเกลส์ ออกไปให้ แอสตัน วิลล่า กระนั้นผลงานในสนามได้ให้คำตอบทุกอย่างเกี่ยวกับผลงานของ ดีซาซี่ ที่เข้ามาทดแทนการขาดหายไปของแกนหลักคนเก่าได้อย่างหมดจด

สถิติเสีย 21 ประตูจาก 28 เกมเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาคงบ่งบอกถึงผลงานของบรรดาแนวรับ แร็งส์ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่า ดีซาซี่ เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ทีมเสียประตูน้อยที่สุดในลีกและยังคว้าตั๋ว ยูโรปา ลีก ไปครอง

ข้อเสนอหลั่งไหลเข้ามามากมาย สโมสรทั้งใน อิตาลี, อังกฤษ และ ฝรั่งเศส แสดงความสนใจแข้งเชื้อสายฝรั่งเศส-คองโก รายนี้อย่างมาก

เซาธ์แฮมป์ตัน และ วูล์ฟแฮมป์ตัน สองสโมสรจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จับตาสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ต่างจาก โรม่า ของอิตาลีที่ส่งข้อเสนอไปให้ แร็งส์ พิจารณา เช่นเดียวกับ แรนส์ หนึ่งในสโมสรของลีก เอิง ที่มีตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นตัวล่อใจ

ท้ายที่สุด การย้ายทีมก็เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ทีมที่ว่ามาข้างต้น เพราะกลับกลายเป็น โมนาโก ที่ได้ตัวกองหลังวัย 22 ปีไปร่วมทีม

"นี่คือโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมในการได้แสดงคุณภาพของตนเองในระดับสูงที่สุดและสานต่อการพัฒนาของตนเองที่สโมสรที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่"

มันเป็นการให้สัมภาษณ์ส่วนหนึ่งในตอนย้ายไปยัง โมนาโก ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลไม่กี่สัปดาห์ และที่นั่นเขาได้โอกาสจาก นิโก้ โควัช ให้กลายเป็นแกนหลักทันที พร้อมกับถูกแต่งตั้งให้เป็นรองกัปตันทีมทั้งที่เพิ่งย้ายเข้ามา

"อักเซล เป็นนักเตะหนุ่มที่ยอดเยี่ยม คนที่กำลังพัฒนาและทำงานอย่างหนักมากๆ เขายังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยบุคลิก เขามีคุณภาพในการเป็นผู้นำอย่างมาก

"ผมรู้ว่ามีนักเตะที่ดีมากมายในฝรั่งเศสที่เล่นตำแหน่งเดียวกับเขา แต่ผมคิดว่าเขาจะเป็นอนาคตของทีมชาติ"

ด้วยความสูงถึง 190 เซนติเมตร ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศ เขายังเป็นนักเตะที่ดุดันปะทะอย่างหนักหน่วงพร้อมขู่บรรดากองหน้าฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา เขายังมีการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม และที่สำคัญคือการเติมเกมในการจังหวะตั้งเตะที่สามารถคุกคามฝ่ายตรงข้ามได้ดีอีกด้วย

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ ดีซาซี่ ต้องพัฒนาคือการเล่นกับบอลที่ต้องนิ่งกว่านี้ เพราะหลายครั้งเขายังดูลนลานและชัวร์ แต่สิ่งเหล่านี้สามารถพัฒนาได้ และเชื่อว่าหากสามารถแก้ไข เพิ่มอาวุธให้กับตนเอง ดีซาซี่ จะกลายมาเป็นกองหลังที่ถูกพูดถึงอย่างมากในอีก 1-2 ปีต่อจากนี้

การเดินทางของ ดีซาซี่ ในวัย 22 ปีกำลังไต่ระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

จากเด็กหนุ่มที่เคยพบเจอกับความผิดหวัง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นของเขาจางหายไป ยังคงเดินหน้าตามหาฝัน ในที่สุดก็กลายมาเป็นนักฟุตบอลที่หลายๆ คนให้ความสนใจและจับตามอง

ไม่มีใครรู้เรื่องราวหลังจากนี้ มีเพียง ดีซาซี่ ที่จะเป็นคนกำหนดเส้นทางของตนเองว่าจะให้ดำเนินไปในทิศทางใด