ช้าๆ แต่ต่อเนื่องอย่างมั่นคง
เราจะเห็นอยู่ตลอดเวลาว่านักเตะหลายคนต้องดิ้นรนกับชีวิต กว่าจะประสบความสำเร็จต้องพบเจอหรือผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์เพื่อเป็นนักเตะโดยกำเนิด
วงการฟุตบอลถือเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่โต รายได้สำหรับนักเตะลีกชั้นนำถือว่างดงาม แม้บางครั้งจำนวนปีของการเป็นมืออาชีพในวงการนี้จะไม่นาน แต่หลายๆ คนใฝ่ฝันถึงมัน ลุ่มหลง และพยายามผลักดันตนเองอย่างสุดความสามารถ
โดยเฉพาะนักเตะจากกาฬทวีปที่ยอมรับว่าส่วนใหญ่มีฐานะยากจนข้นแค้น ใครก็ตามที่สามารถผลักดันตนเองให้กลายมาเป็นนักเตะอาชีพในเวทียุโรปได้ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว
หลายปีที่ผ่านมานักเตะจากทวีปแอฟริกาก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของสโมสรระดับโลกมากมาย มันช่วยจุดประกายความฝันของคนรุ่นหลังว่าหากพวกเขายังคงมีความเชื่อมั่นตั้งใจ สิ่งที่หวังไว้ไม่ไกลเกินเอื้อม
สำหรับ เทเร็ม มอฟฟี่ นักตะชาวไนจีเรียที่เกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ เพราะ เลโอ บิดาของ เทเร็ม เคยเป็นนักเตะอาชีพในตำแหน่งผู้รักษาประตู (แถมมีอาชีพเป็นทนายความ) เขาจึงพยายามส่งเสียลูกชายให้ได้ดิบได้ดีมีการศึกษาแต่มันไม่ได้ทำให้เลือดความเป็นนักฟุตบอลในตัวของ มอฟฟี่ จางหาย เพราะในหัวของเด็กหนุ่มจากมือง คาลาบาร์ ยังคงเฝ้าฝันว่าตนเองได้วิ่งหวดบอลในสนามหญ้าเหมือนบิดาผู้ให้กำเนิด
ย้อนกลับไปที่ เลโอ มอฟฟี่ ในระหว่างที่เขาศึกษาด้านกฎหมายในมหาวิทยาลัย เขาได้รู้จักกับ ชูคา อิโวบี้ บิดาของ อเล็กซ์ อิโวบี้ ดาวเตะเอฟเวอร์ตัน ซึ่งตอนนั้น เทเร็ม ได้คลุกคลีกับครอบครัว อิโวบี้ อย่างใกล้ชิด
การได้เห็นคนรู้จักก้าวขึ้นมาเล่นในทีมเยาวชนของ อาร์เซน่อล ต่อยอดด้วยการขึ้นทีมชุดใหญ่ โลดแล่นในเวทีพรีเมียร์ลีก มันเป็นการจุดไฟในตัวของ เทเร็ม และในวัยเพียง 17 ปีเขาตัดสินใจขอบิดาเดินทางไปจบการศึกษาที่โรงเรียนฟุตบอล บัคส์วูด ของอังกฤษ ก่อนจะเลือกเดินทางตามหาความฝันของตนเอง
"ผมจัดการพาตนเองเดินทางไปโรงเรียนที่อังกฤษตอนอายุได้ 17 ปี" กองหน้าชาวไนจีเรีย เปิดเผยกับ Ouest France
"ผมเลือกชีวิตของตนเองและผมต้องการประสบความสำเร็จในกีฬาฟุตบอล ในชีวิตของคุณไม่ต้องอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย คุณต้องออกไปและสร้างหลายสิ่งให้เกิดขึ้น คุณต้องยอมรับความเสี่ยง"
เส้นทางของเขาอาจจะไม่สวยหรูเพราะหลายคนคงคิดว่า เทเร็ม น่าจะได้เริ่มต้นเส้นทางกับทีมในเกาะอังกฤษ แต่ในวัย 17 ปีเขาเลือกเดินทางไปยัง ลิทัวเนีย ประเทศที่เขายอมรับว่าไม่รู้จักอะไรเลย และต้องอาศัย กูเกิล ในการค้นหาทำความรู้จักประเทศแห่งนี้
สองปีแรกเขาลงสนามให้กับสโมสรนาม เคาโน ซัลกิริส ก่อนจะโยกไปเล่นให้กับคู่แข่งในลีกเดียวกันอย่าง เอฟเค ริเตรีย่า แม้ตอนแรกจะมีปัญหาวีซ่าส่งผลให้ มอฟฟี่ พลาดลงสนาม แต่หลังจากจัดการปัญหาได้แล้ว หอกไนจีเรียระเบิดผลงานด้วยการสอยตาข่ายไป 20 ประตูจาก 31 เกม
ผลงานที่เกิดขึ้นเพียงพอให้ คอร์ไทรค์ สโมสรในลีกเบลเยียมประทับใจ จัดการดึง มอฟฟี่ ไปร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมปีที่ 2020 แต่การเดินทางของเขาเกิดขึ้นอีกครั้งในเวลาอีกเพียงไมกี่เดือน
ด้วยปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ลีกฟุตบอลอาชีพของเบลเยียมตัดจบลงกลางคัน แม้ว่าจะสามารถกลับมาลงเล่นในฤดูกาลถัดไปได้ แต่ผลงานที่เกิดขึ้นของ มอฟฟี่ ดันไปเข้าตา ลอริยองต์ น้องใหม่ (หน้าเก่า) ของลีก เอิง ที่จัดการทุ่มเงิน 8 ล้านยูโรดึงมาร่วมทีม
นี่คือการเปลี่ยนประเทศอีกครั้งในรอบไม่ถึงปี แต่มันไม่ได้ทำให้ มอฟฟี่ ตื่นกลัวเพราะอย่าลืมว่าที่ผ่านมาชีวิตของเขาเปรียบได้กับการเดินทาง
"ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนั้นเลย (ลิทัวเนีย) ผมต้องเข้าไปใน กูเกิล เพื่อดูว่าประเทศนี้เป็นอย่างไร อาหาร วัฒนธรรม การเริ่มต้นมันค่อนข้างแปลก เพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอากาศหนาวมาก่อน มันเป็นส่วนที่ปรับตัวได้ยาก"
มันเป็นส่วนที่ยากเสมอสำหรับคนที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปหางานทำในดินแดนห่างไกล ความแตกต่างทั้งภาษา วัฒนธรรม อาหาร สภาพอากาศ หรือทัศนคติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบททดสอบว่าจะผ่านไปได้หรือไม่
ไหนจะเรื่องของการทำงานในสนามที่ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับทีมและคนอื่นๆ มันจึงเป็นงานหนักสองเท่าของคนต่างบ้านต่างเมือง
แต่ด้วยผลงานทำให้โอกาสของ มอฟฟี่ เปิดขึ้น แม้การปรับตัวในลีกที่สูงกว่าอย่าง ลีก เอิง จะไม่ง่ายเพราะตั้งแต่การทำประตูในเกมประเดิมสนามที่เอาชนะ แร็งส์ 3-1 ผลงานของเขากลับถดถอยและหายไปดื้อๆ
นั่นคือประตูเดียวจาก 10 นัดแรกของเขากับสโมสร ความกดดันเริ่มถาโถม สื่อเริ่มตั้งคำถามว่าเงิน 8 ล้านยูโรที่ทีมลงทุนไปจะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะตอนนั้นสถานการณ์ของทีมไม่สู้ดี รั้งโซนแดงของตารางคะแนนจนแทบโงหัวไม่ขึ้น
กระนั้นทุกอย่างย่อมมีจุดเปลี่ยน และมันเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งตัว มอฟฟี่ กับ ลอริยองต์ ที่ค่อยๆ พลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้นท่ามกลางปัญหาที่รุมล้อมทั้งผลงานของทีมและบรรดาผู้เล่นที่โดนโควิดเล่นงานอย่างหนัก
จุดเริ่มต้นของ มอฟฟี่ เกิดขึ้นในเกมที่เขาทำ 1 ประตูช่วยให้ทีมบุกเสมอ นีซ 2-2 ช่วงปลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าหลังจากนั้นสองเกม ลอริยองต์ จะแพ้ให้กับคู่แข่งแต่ผลงานของ มอฟฟี่ ดีต่อเนื่องเพราะเขาทำประตูได้ทั้งสองนัด
จุดเปลี่ยนที่ชัดเจนเกิดขึ้นในเกมนัดตกค้างกับ ดิฌง ตอนนั้นทีมเจอปัญหาโควิดเล่นงานส่งผลให้นักเตะกว่าครึ่งไม่พร้อมลงสนาม แต่ มอฟฟี่ ก้าวขึ้นมาพร้อมกับช่วยทำประตูให้ทีมเอาชนะไปได้ (เขาทำประตูตีเสมอในนาที 58)
ความร้อนแรงของกองหน้าวัย 21 ปียังคงไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะเกมต่อมาในการเปิดรังรับมือ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ที่เพิ่งเปลี่ยนกุนซือใหม่ ใครๆ ก็มองว่า เปแอสเช ที่พร้อมรบครบเครื่องกว่าคงเอาชนะได้แบบไม่ยากเย็น กระนั้น มอฟฟี่ ทำให้เห็นแล้วว่าทุกคนคิดผิด เพราะเขาลงสนามเป็นตัวสำรองก่อนจะทำประตูในช่วงนาทีที่ 90 ให้ทีมพลิกชนะ 3-2 พร้อมยัดเยียดความปราชัยนัดแรกให้กับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์ป้ายแดง เปแอสเช ไปแบบเจ็บแสบ
ผลงานอาจจะมีแผ่วไปบ้างในสองเกมหลังจากนั้น แต่ มอฟฟี่ จัดการเรียกความมั่นใจด้วยการสอยตาข่าย โมนาโก คนเดียวถึงสองลูกในนัดที่ทั้งสองทีมเสมอกันไป 2-2 เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา
รวมแล้ว เทเร็ม มอฟฟี่ ระเบิดผลงานทำไปได้ 7 ประตูจาก 8 เกม พร้อมกับพาทีมขยับมาอยู่ในโซนปลอดภัยได้สำเร็จ
"ลีก เอิง มีระดับที่เหนือกว่าเกมในเบลเยียมอยู่ประมาณ 2 ขั้น ผมต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการเล่นของตนเอง หมกมุ่นกับการทำความคุ้นชินกับคู่แข่ง พัฒนาทั้งทางร่างกายและแท็กติก"
ฟอร์มการเล่นที่ผ่านมาอาจจะเป็นตัวชี้วัดว่า เทเร็ม มอฟฟี่ พยายามอย่างหนักในการพิสูจน์ตนเอง พยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันฝีเท้าเพื่อให้ได้โอกาสลงสนาม และมันนำมาซึ่งผลงานอันยอดเยี่ยมที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่ผ่านมาต้องยกความดีความชอบให้กับ คริสโตฟ เปลิสซิเย่ร์ เทรนเนอร์ลอริยองต์ที่เฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด
"เขาเข้าไปยังพื้นที่ว่างได้ดีและสร้างการวิ่งได้ดีเช่นกัน เขามีคุณภาพในการพลิกตัวและวิ่งไปข้างหน้าได้รวดเร็ว
"เทเร็ม เป็นคนใจกว้างและสามารถผ่านบอลหลายๆ จังหวะได้ดีเพราะเขาเป็นนักเตะที่ฉลาด ผมร้องขอให้เขาเสี่ยงกว่านี้ เขามีสภาพจิตใจที่สดใหม่และไม่ได้จำกัดรูปแบบ เขาพยายามหลายอย่างและผมส่งเสริมให้เขาทำแบบนั้น"
การเริ่มต้นในลีกฝรั่งเศสอาจจะทุลักทุเลไปบ้าง แต่นั่นไม่ได้ส่งผลกับความตั้งใจของ เทเร็ม มอฟฟี่ ในการพิสูจน์ตนเองในลีกที่ระดับสูงกว่าที่ผ่านมาของเขา
นี่คือเส้นทางที่เขาเลอกไว้แล้ว ตัดสินหันเหจากเส้นทางการศึกษาหาวิชา เดินหน้าสู่วงการฟุตบอลอาชีพอย่าที่เขาใฝ่ฝัน ค่อยๆ ได่ระดับขึ้นมาจนตอนนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ในใจของ มอฟฟี่ เขาอาจจะพยายามอย่างเต็มที่ในการเจริญรอยตามบรรดารุ่นพี่ชาวไนจีเรียที่ปักหมุดผลงานเอกอุในเวทียุโรป หรือแม้แต่ขวัญใจในวัยเด็กอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
"ผมเติบโตมาพร้อมกับการดู เจย์-เจย์ โอโคชา, โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์, เอ็นวานโก้ คานู และ จากนั้น วิคเตอร์ โอซีเมน
"คนสุดท้ายนี่ผมดูการเล่นของเขาเยอะมาก และจากนั้นเรามีโอกาสลงเล่นร่วมกัน เขาเป็นนักเตะต้นแบบของผมอย่างแท้จริง ผมยังเป็นแฟนตัวยงของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เขาเป็นที่สุดของผม"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT