เมื่อเรือกางใบใครก็ยากที่จะหยุด

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดนสื่อโจมตีอยางหนักเรื่องตลาดนักเตะที่ไม่มองหากองหน้าตัวเป้าปิดบัญมาใช้งาน รู้ทั้งรู้ว่า เซร์คิโอ อเกวโร่ สภาพร่างกายไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ไหนจะ กาเบรียล เชซุส ที่มาๆ หายๆ แต่เขากลับไปเสริมริมเส้นและแนวรับมาแทน

กระนั้นจากทีมที่โดน เลสเตอร์ ซิตี้ บุกถล่มคาบ้าน 2-5 หรือออกไปแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 0-2 ในเกมลีก แต่หลังจากนั้นพวกเขาค่อยๆ กลับมา ไต่อันดับขึ้นไปและรั้งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก แบบยาวๆ ในตอนนี้

นับตั้งแต่เสมอในลีก 2 เกมติดต่อกันเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม (แมนฯ ยูไนเต็ด และ เวสต์บรอมวิช) หลังจากนั้น เรือใบสีฟ้า ติดเครื่องเอาชนะ 19 เกมรวดจากทุกรายการ

พวกเขาเอาชนะ 8 เกมติดต่อกันนับตั้งแต่เสมอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม และจุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึงเมื่อพวกเขาเปิดรังเชือด แอสตัน วิลล่า 2-0 ซึ่งส่วนตัวมองว่านี่คือเกมที่ทำให้ 'เป๊ป' และลูกทีมแล่นฉิวมาจนถึงทุกวันนี้

ใครที่ชมเกมเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมาคงจำได้ดีโดยเฉพาะแฟน ซิตี้ ที่คงอึดอัดนั่งไม่ติด เพราะทีมจากมิดแลนด์สสู้ได้สูสีอย่างมาก แต่เกิดจังหวะกังขาเมื่อทาง โรดรี้ ลงมาจากตำแหน่งล้ำหน้าแย่งบอลไปจาก ไทโรน มิงส์ ก่อนจะไหลให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยิงเสียบตาข่าย

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือ ดีน สมิธ กุนซือสิงห์ผงาดตบะแตกก่อนจะโดนไล่ออก แต่เมื่อผู้ตัดสินให้เป็นประตู เรือใบสีฟ้า ทำได้เพียงดีใจกับการทำงานหนักของพวกเขา

ไหนจะจุดโทษที่มเยือนเสียยิ่งไปตอกย้ำอารมณ์เดือดดาลของพวกเขา แตกต่างจาก แมนฯ ซิตี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านั้นคือ 3 คะแนนสุดล้ำค่า และนำมาซึ่งความมั่นใจที่เพิ่มทวีคูณ

สีหน้าท่าทางของบรรดาแข้งเรือใบหลังสิ้นเสียงนกหวีดเป็นหลักฐานชัดเจน พวกเขาได้ปลดเปลื้องแรงกดดันที่โถมเข้ามา ความรู้สึกโล่งใจและความอึดอัดที่มลายหายมาพร้อมกับ 3 คะแนน หลังจากนั้นเมื่อลมเปลี่ยนทิศทาง เรือใบสีฟ้า ออกตัวพร้อมผลงานยอดเยี่ยม และก็เป็นอย่างที่เห็นว่าพวกเขาคว้าชัยติดต่อกันมาแล้ว 19 เกมจากทุกรายการ

สำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นี่คือการตอกหน้าบรรดานักวิจารณ์และนักข่าวที่ชอบตั้งข้อสงสัยเรื่องการซื้อตัวและการจัดทีมของเขา กุนซือชาวสเปนแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่จำเป็นต้องมีกองหน้าตัวเป้ามืออาชีพ ระบบของเขาก็สามารถเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้

ในวันที่กองหน้านัดกันเจ็บและโดนไวรัสเล่นงาน บรรดาตัวริมเส้นหรือกองกลางตัวรุกพร้อมก้าวขึ้นช่วยทีมไม่ว่าจะเป็น เฟร์ราน ตอร์เรส หรือ ราอีม สเตอร์ลิ่ง ที่ต้องเป็น False 9 แต่ผลงานบางนัดกลับทำได้ดีไม่ต่างจากกองหน้าอาชีพ หรือ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ต้องรับบทบาทดังกล่าวเช่นกันเมื่อนายสั่ง

แม้แต่ในวันที่ 'เคดีบี' หายหน้าไปเพราะโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน บรรดาสื่อ (อีกตามเคย) ที่ตื่นตูมเสียยกใหญ่ว่า 'เรือใบแย่แน่ๆ' แต่ 'เป๊ป' มี อิลคาย กุนโดนกัน ที่ก้าวมาเป็นตัวเอกทั้งการทำประตู การครองเกมแดนกลาง หรือแม้แต่การคุกคามฝ่ายตรงข้าม

ยังมีเจ้าหนู ฟิล โฟเด้น ที่แจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว แข้งดาวรุ่งชาวอังกฤษขึ้นมาเล่นทัดเทียบบรรดารุ่นพี่และเป็นหนึ่งในนักเตะที่ผลงานดีที่สุดในซีซั่นนี้ของทีมไปแล้ว

ชูเอา กานเซโล่ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรือใบลำนี้แล่นฉิวอย่างร้อนแรง ฟูลแบ็กชาวโปรตุกีสทำหน้าที่อย่างไม่อิดออดไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาเขาจัดให้นายใหญ่ชาวสเปนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ที่สำคัญคือชายที่ชื่อว่า รูเบน ดีอาส เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ถูกดึงเข้ามาขันแนวรับซึ่งมีปัญหาตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา กองหลังชาวโปรตุกีสแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมลงตัว ถึงตอนนี้เขาช่วยให้ทีมไม่เสียประตูไปแล้ว 24 นัดจากทุกรายการ

ทุกอย่างกำลังลงตัวและดำเนินไปอย่างถูกทิศทางสำหรับ แมนฯ ซิตี้ โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่ขย่ม มึนเช่นกลัดบัค แบบสู้ไม่ได้ พวกเขาเล่นงานตัวแทนจากเยอรมนีชนิดที่แทบโงหัวไม่ขึ้น มีเพียงความเด็ดขาดเฉียบคมที่ทำให้เอาชนะไปได้เพียง 2-0

คำถามต่อไปคือใครจะมาหยุดความร้อนแรงของ เรือใบสีฟ้า ที่กำลังมองหาชัยชนะนัดต่อไปเรื่อยๆ กางโปรแกรม 4 เกมต่อจากนี้ เป๊ป และลูกทีมมีคิวลงเล่นศึกพรีเมียร์ลีกด้วยการเปิดรังรับมือ เวสต์แฮม, วูล์ฟส์, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เซาธ์แฮมป์ตัน

ดูแล้วมีเพียง ปิศาจแดง ที่น่าจะสร้างความลำบากใจให้กับ เรือใบสีฟ้า ได้มากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นทีมไล่ล่า ผีแดง ยังพกศักดิ์ศรีในการมาเยือน เอติฮัด สเตเดียม และพร้อมที่จะเล่นงานใส่เพื่อนบ้านสีฟ้ารายนี้อย่างสุดความสามารถ

กระนั้นหากดูจากผลงานที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าใครก็ตามที่ต้องเจอกับ แมนฯ ซิตี้ ตอนนี้คงได้แต่ปาดเหงื่อและมองหาวิธีหยุดความร้อนแรงให้จงได้

ด้วยระบบการเล่นที่ลงตัวมากขึ้น ความมั่นใจที่พิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง บรรดานักเตะลงสนามพร้อมแววตากระหายในชัยชนะ การขึ้นเกมที่หลากหลาย รวมไปถึงการเพรสซิ่งเพื่อแย่งบอลกลับมาถือเป็นเครื่องหมายการค้าของพวกเขา

การจะหยุด เรือใบสีฟ้า คงมีเพียงทีมนั้นๆ ต้องหยุดการเดินเกมทางริมเส้นและเอาชนะตรงกลางสนามให้ได้ นอกจากนั้นคือการหาทางเล่นงานแนวรับให้ได้มากที่สุด พยายามกดดันให้ ซิตี้ ผิดพลาด หรืออาศัยเกมสวนกลับที่เด็ดขาดรอเล่น แต่คำถามต่อมาตอนนี้จะมีสักกี่ทีมที่ทำได้ 

อย่างที่เรียนไปว่าในวันที่ความมั่นใจกำลังพุ่งสูง ซิตี้ เล่นในรูปแบบที่พวกเขาต้องการ ทั้งการครองบอล การหาพื้นที่ว่าง หรือการมองหาการโจมตีพื้นที่สุดท้าย ซึ่งบรรดาคู่แข่งี่ต้องเจอกับเรื่องเช่นนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าแทบจะคิดอะไรไม่ออก

ในวันที่นักเตะบางรายอาจจะไม่พร้อมลงสนาม แต่มีคนที่ขึ้นมาทดแทนได้เสมอ อย่างที่กล่าวแล้วว่า กวาร์ดิโอล่า เน้นที่ระบบของทีมมากกว่า และมันพิสูจน์ให้เห็นแล้วในช่วงที่ผ่านมา

"เรามีแบบแผน ทิศทางการเล่น นักเตะบาดเจ็บหรือไม่สามารถลงสนามได้ แต่รูปแบบการเล่นของเราไม่เปลี่ยนแปลง"

นั่นคือการยืนยันอีกเสียงจาก แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่ย้ำว่าทีมของตนเองให้ความสำคัญที่ระบบการเล่นมากกว่าตัวบุคคล หลายครั้งที่ทีมปรับนักเตะแต่ผลงานยังคงออกมาดีและชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่งต้องชมเทรนเนอร์ที่ขัดเกลาและใส่แนวคิดให้นักเตะจำจนขึ้นใจ

สำหรับ กวาร์ดิโอล่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลการแข่งขัน หลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาทำมานั้นถูกต้องหรือไม่คือผลที่ตามมาหลังจบเกม 

กระนั้นถึงจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยม แต่นั่นไม่ได้ทำให้ 'เป๊ป' หยุดพอใจแต่อย่างใด เขาทราบดีว่าสมรภูมิการแข่งขันในปัจจุบันคือสนามรบที่เต็มไปด้วยขวากหนาม และการหลงระเริงหรือพอใจกับความยอดเยี่ยมอาจจะเป็นกับดักที่ทำให้ทีมต้องสะดุด

สิ่งสำคัญคือการรักษามาตรฐาน 'และ' ต้องพยายามพัฒนาศักยภาพให้ยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม เพราะเขาเชื่อว่าหากหยุดทำงานหรือคิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่นเมื่อไหร่ เมื่อนั่นจะทำให้เกิดช่องว่างและความประมาท ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อทีม

ฤดูกาลผ่านครึ่งทางมาได้สักระยะ แต่แฟนบอลเริ่มเห็นรูปร่างที่ชัดเจน โดยเฉพาะผลงานอันยอดเยี่ยมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีแต่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระนั้นสำหรับ กวาร์ดิโอล่า และลูกทีมนี่เป็นงานที่เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งยังมีสิ่งต่างๆ ให้ เรือใบ ลำนี้พบเจออีกมากมาย