กราบ 'ก็องเต้'
ผลงานในรอบชิงชนะเลิศเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมายิ่งตอกย้ำว่า ก็องเต้ เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดของโลก ทั้งการเล่น การอ่านเกม การปิดพื้นที่ และสิ่งต่างๆ มากมายที่เขาแสดงให้โลกได้เห็น
แนวรุกที่ว่าแน่ แดนกลางที่ว่ายอดยังต้องยอมสยบลงต่อหน้ากองกลางชาวฝรั่งเศสรายนี้
การเล่นของ ก็องเต้ มีอิทธิพลกับเกมของ เชลซี อย่างมาก เพราะในจังหวะที่เขาตัดบอลได้ จากเกมที่กำลังตั้งรับกลับกลายเป็นการสวนกลับฉับพลันทันที
หลายจังหวะที่ ก็องเต้ พลิกจากรับเป็นรุก ทำหน้าที่ขับเคลื่อนขึ้นมาเอง หรือบางจังหวะที่เขาตัดบอลข้าทางแนวรุกฝ่ายเดียวกัน เปลี่ยนผันให้กลายเป็นการโต้กลับที่อันตราย
"เขาทำทุกๆ อย่าง พลังงานที่เข้านำมาให้ทีม วิธีการที่เขาพาบอลทะลุไปข้างหน้า เขาเป็นนักเตะที่พิเศษ เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก เขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีก แต่เขาเป็นคนถ่อมตัว ผมยินดีกับเขา เขาเป็นส่วนสำคัญของทีมนี้"
ข้างต้นเป็นการยกย่องจาก เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า กองหลังเพื่อนร่วมทีมที่ยิงตรงไปยัง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของรอบชิงชนะเลิศ
หลายคนยกมือเห็นด้วยแบบไม่มีข้อสงสัย ก็องเต้ คือทุกสิ่งทุกอย่างของเกมที่ ปอร์โต้ เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมได้ประโยชน์และปิดกั้นเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (มีเพียงการเซฟประตูที่เป็นหน้าที่ของ เอดูอาร์ เมนดี้ เท่านั้นที่เขาไม่ได้ทำ) อย่างอยู่หมัด
มองไปที่สถิติหลังจบเกมยิ่งตอกย้ำว่าคนตัวเล็ก (แต่ผลงานยิ่งใหญ่) จากแดนน้ำหอมรายนี้สมควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก
จากสถิติของ อีเอสพีเอ็น ระบุว่านัดที่ผ่านมา ก็องเต้ ไม่เสียฟาวล์เลยสักครั้งเดียว แถมยังเอาชนะการดวลกับฝ่ายตรงข้ามได้มากถึง 11 ครั้ง นอกจากนั้นยังเอาบอลกลับมาได้ถึง 10 ครั้ง
อีกหนึ่งสถิติอันยอดเยี่ยมที่ต้องขยี้ตาสองรอบถึงจะเชื่อ นั่นคือการเอาชนะลูกกลางอากาศได้ถึง 4 ครั้ง มากที่สุดที่นักเตะ เชลซี ทำได้ในนัดที่ผ่านมา และอย่าลืมว่ามันมาจากผู้เล่นที่ตัวเตี้ยที่สุดในสนาม
นั่นเป็นเพียงสถิติที่ถูกตีออกมาเป็นตัวเลข เพราะหากใครชมเกมตลอด 100 นาทีคงไม่มีข้อสงสัยกับผลงานของ ก็องเต้ ที่โดดเด่นที่สุดในสนาม ทุกๆ ครั้งเมื่อมีจังหวะสำคัญแข้งวัย 30 ปีจะอยู่ที่นั่นเสมอ ทุกๆ ครั้งที่ แมนฯ ซิตี้ เดินเกมรุกขึ้นมา ก็องเต้ จะเข้าไปมีส่วนหยุดเกม 'แทบ' ทุกครั้ง
ไหนจะการตัดบอลแล้วทะลุขึ้นมา ไหนจะไล่บี้ไล่เก็บแดนกลางฝ่ายตรงข้ามแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชนิดที่ จอร์จินโญ่ แทบจะไม่ต้องออกแรงมากนักเพราะทาง ก็องเต้ รับหน้าที่เก็บกวาดจัดการเสียเรียบแปล้
"ผมไม่คิดว่าจะมีนักเตะคนไหนที่เล่นเพื่อทีมได้ดีที่สุดในโลกมากไปกว่า เอ็นโกโล ก็องเต้ เขาขับเคลื่อนทีมของเขา เอ็นโกโล ก็องเต้ กำลังสร้างความแปลกประหลาด ผมรู้สึกหมดแรงเพียงแค่มองดูเขาเล่น
"ผมเคยเล่นกับ โคลด มาเกเลเล่ และผมคิดว่าเขาเป็นที่สุดในตำแหน่งนั้นจนกระทั่งผมได้เห็นเด็กคนนี้ เขาคือ มาเกเลเล่ ที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปแบบพิเศษ"
นั่นคือคำชมที่หลุดจากปากของ โจ โคล ซึ่งทำหน้าที่วิเคราะห์เกมให้กับ บีที สปอร์ต
ใช่ แค่มองการเล่นของ ก็องเต้ ก็ทำเอาแฟนบอลแทบหมดแรงแทน สิ่งที่หลายคนสงสัยไม่ใช่ผลงานในสนาม แต่เป็นวิธีการหายใจหรือความลับของเขาที่ถูกแซวว่าคงมีปอดที่ 3 ที่ 4 หรือหายใจทางผิวหนัง เพราะดูแล้วหมอนี่ไม่แสดงอาการหมดแรงหรือเหนื่อยหอบออกมาให้เห็นเลย
มีเพียงรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่แสดงออกมาหลังจากทีมคว้าแชมป์ รอยยิ้มที่เรียบง่ายแต่มองเห็นถึงความสุขที่เอ่อล้น ภาพที่เพื่อนๆ ต้องคะยั้นคะยอให้เขาเข้าไปสัมผัสถ้วยแชมป์ยังคงเกิดขึ้นไม่ต่างจากการคว้าแชมป์ก่อนหน้านี้
แม้ผลงานในสนามของ ก็องเต้ สามารถทำให้เขาเดินยึดอกคุยโวหรือนำไป 'ขิง' ผ่านสื่อได้สบายๆ แต่นั่นไม่ใช่บุคลิกของชายหนุ่มคนนี้ ชายที่เต็มไปด้วยความนอบน้อมและมองเพียงแค่การทำงานบนสนามหญ้าเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นที่รักของเพื่อนร่วมทีม ทุกๆ คนต่างเข้าไปโอบกอดแสดงความยินดีกับ ก็องเต้ ไม่ต่างจากแฟนบอล เชลซี ที่รักหนุ่มวัย 30 ปีจากแดนน้ำหอม เพราะนี่คือนักเตะที่มุ่งมั่นทำงานมากกว่าจะเอาเวลามา 'โปรโมต' ตัวเอง เขาไม่ใช่นักเตะที่ใช้ปากเตะบอล แต่ใช้ผลงานในการสยบฝ่ายตรงข้าม และใช้ฝีเท้าเพื่อให้คนมาหลงรัก
ยิ่งบทสัมภาษณ์หลังจบเกมที่ผ่านมาได้ตอกย้ำว่าสำหรับเข้าแล้วรางวัลส่วนตัวไม่ใช่สิ่งสำคัญของตนเองแต่อย่างใด แม้จะถูกกะเก็งให้เป็นหนึ่งในตัวเต็ง บัลลง ดอร์ ปีนี้ ไหนจะเพิ่งคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ รอบชิงชนะเลิศ แต่เขากลับไม่สนใจและชี้ไปที่ทีมซึ่งมาเป็นอันดับแรก
"นักเตะยอดเยี่ยมของเกม? นั่นเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือสิ่งที่พวกเราทำร่วมกัน เราสู้เพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศ วันนี้เรายังสู้ไปจนถึงช่วงสุดท้าย เรามีความสุข
"ไม่ๆ ช่วงเวลานี้เรากำลังดื่มด่ำกับ แชมเปี้ยนส์ ลีก (เมื่อถูกถามถึงหนึ่งในตัวเต็ง บัลลง ดอร์) ยูโร จะมาในเร็วๆ นี้ ผมจะไปร่วมทีมชาติฝรั่งเศสและผมหวังว่าเราจะคว้าแชมป์ได้เช่นกัน"
ในชีวิตนี้ของ ก็องเต้ การได้มาเป็นนักฟุตบอลอาจจะเป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดของเขา เพราะจากเด็กหนุ่มที่เคยถูกตั้งคำถามถึงความสามารถ แต่เมื่อโอกาสมาถึงเขาคว้ามันไว้และพิสูจน์ให้ทุกคนประจักษ์ว่ามีชายที่ชื่อ เอ็นโกโล ก็องเต้ อยู่บนโลกใบนี้
กระนั้นชื่อเสียงที่ถาโถมเข้ามา คำชมที่หลั่งไหลมิขาดสายไม่ได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือทำให้เขาหลงใหลได้ปลื้มจนลืมตัวตนที่แท้จริง
เขาตระหนักเสมอว่ามีจุดเริ่มต้นอย่างไร ความยากลำบากกว่าจะมีอย่างทุกวันนี้ยังคงเป็นเครื่องคอยย้ำเตือนและสะกิดจิตสำนึกว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร
มันไม่ใช่การปั้นแต่ง แต่มันคือตัวตนที่เขาแสดงออกมา ตัวตนที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นแฟนบอล เชลซี หรือทีมชาติฝรั่งเศสหรือไม่ เพราะมันคือบุคลิกท่าทางที่แสดงออกมาจากใจ
"เราโชคดีที่กำลังลงเล่นฟุตบอลเพื่อเลี้ยงชีพ" ย้อนกลับไปยังบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 กับทาง เดลี่ เมล์
"สำหรับผม นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำอยู่เสมอ การได้อยู่ในระดับนี้มาจากการอวยพรของพระอัลเลาะห์
"ทุกๆ วันมีคนนับล้านๆ ที่อยากได้โอกาสทำงานในแบบที่พวกเรากำลังทำในตอนนี้และมันเป็นอาชีพที่แสนสั้น นั่นคือสาเหตุว่าทำไมผมถึงทุ่มเทเต็มที่กับทุกๆ โอกาสที่ผมได้รับ
"การได้เล่นให้กับทีมชาติในฟุตบอลโลกเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าที่เงินจะหาซื้อมาได้ และผมได้ทำเช่นนั้น ผมจึงรู้สึกว่าตนเองโชคดีมากๆ"
สำหรับ ก็องเต้ อาจจะมองว่าเขาโชคดีที่ได้โอกาสแสดงผลงานบนผืนหญ้า แต่สำหรับแฟนบอล พวกเขาก็คิดเช่นกันว่าโชคดีอย่างมากที่โลกใบนี้ส่งชายที่ชื่อ เอ็นโกโล ก็องเต้ เข้ามาในสารบบลูกหนัง
ชายผู้นอบน้อมที่มีรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ แต่เมื่อเขาลงสนามจะกลายร่างเป็นหมาล่าเนื้อที่คอยไล่ล่าฝ่ายตรงข้าม ไล่ตามลูกฟุตบอลอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย และทำเพื่อทีมอย่างสุดความสามารถ
ยิ่งผลงานในนัดล่าสุดได้ตอกย้ำถึงความยอดเยี่ยมของ เอ็นโกโล ก็องเต้ อีกครั้ง ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่งคงไม่มีคำพูดใดที่จะเอ่ยยกย่องกองกลางชาวฝรั่งเศสรายนี้ให้สมกับฐานะและฟอร์มการเล่นที่เกิดข้น
มีเพียงคำพูดสั้นๆ ที่มาจากใจ 'นายสุดยอดมาก' ก็องเต้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT