ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้
คนที่ได้รับคำชมคือ โรแบร์โต้ มันชีนี่ เทรนเนอร์ที่เข้ามาชุบชีวิตทีมหลังจากต้องอกหักไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 แต่ใครจะคิดว่าเขาใช้เวลาเพียงไม่นานในการเปลี่ยนทีมที่ดูเหมือนว่ากำลังถดถอยให้กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
ดาวรุ่งมากมายถูกดึงมาสู่ทีม ผสมผสานกับบรรดาตัวเก๋าบางรายที่ยังคงเป็นแกนหลัก ทำให้ อิตาลี ภายใต้การนำของ 'มันโช่' กลับมาแข็งแกร่งและทำผลานในรอบคัดเลือก ยูโร 2020 ได้อย่างยอดเยี่ยม
สถิติของ มันชีนี่ กำลังถูกพูดถึงอย่างมากหลังจบเกมถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เพราะมันคือเกมนัดที่ 29 แล้วที่พวกเขาไม่แพ้ให้กับคู่แข่ง แถม 10 ที่ผ่านมายังไม่เสียประตูให้กับฝ่ายตรงข้าม
การมาของกุนซือวัย 56 ปีไม่ใช่เพียงแค่การชุบชีวิตอิตาลี แต่เขายังนำเอกลักษณ์การเล่นเกมป้องกันที่ยอดเยี่ยมกลับมา แถมสอดแทรกการเล่นเกมรุกอันดุดันเข้าไปด้วย
จุดที่น่าสนใจคือบรรดานักเตะที่ถูกเรียกมาใช้งาน บรรดาแข้งหน้าใหม่ที่ค่อยๆ เผยให้เห็นเขี้ยวเล็บและความอันตรายยามลงสนาม โดยเฉพาะผลงานของ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า แบ็กซ้ายที่ได้รับคำชมตลอด 2 นัดกับ ตุรกี และ สวิส
ฟูลแบ็กจากสโมสรโรม่าถือเป็นหัวใจสำคัญในการเติมเกมรุกทางซ้ายของ อัซซูรี่ การเล่นของนักเตะรายนี้แสดงให้เห็นถึงพลังงานและความกระตือรือร้นที่ส่งออกมา ยามที่พวกเขาขึ้นเกมทางซ้าย บ่อยครั้งที่ได้ลุ้นและจบสกอร์ แถมยังปั่นป่วนแนวรับฝ่ายตรงข้ามได้ดีอีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น แดนกลางยังคงเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าจับตามอง แม้ในวันที่ มาร์โก แวร์รัตติ ยังไม่ฟิตเต็มร้อย แต่การก้าวขึ้นมาของ มานูเอล โลคาเตลลี่ หรือ นิโคโล่ บาเรลล่า ทำให้แฟนบอลอิตาลีแทบลืมมิดฟิลด์จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง
นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญในทีมชาติอิตาลีชุดนี้ เพราะนักเตะทุกๆ คนแทบจะทดแทนกันได้แบบไม่มีปัญหา ต่างฝ่ายต่างคอยหนุนหลังซึ่งกันและกันไม่ว่าจะได้ลงสนามหรือไม่ เป้าหมายของพวกเขาไม่ได้มีแค่เพียงการแสดงผลงานในสนามแต่มันคือการผลักดันพวกพ้องให้สร้างผลงานเพื่อ 'ทีม' สิ่งเหล่านี้คือผลพวงจากการหล่อหลอมของ มันชีนี่ ที่ค่อยๆ ใส่ลงไปในทัศนคตินักเตะ
แน่นอนว่าจากความผิดหวังในการพลาดไปฟุตบอลโลก 2018 ทำให้ผู้มาใหม่อย่าง 'มันโช่' ต้องแบกรับแรงกดดันและความคาดหวังจากแฟนบอล แต่ผลงานในสนามได้แสดงให้เห็นแล้วว่ากุนซือรายนี้รับมือได้อย่างดี แถมยังทำให้แฟนบอลอิตาลีที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ 'บ้าบอล' ที่สุดในโลกประเทศหนึ่งพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แม้จะไม่มีสตาร์ดังที่โดดเด่นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่สำหรับ มันชีนี่ เขาได้เลือกเอานักเตะที่มองว่าเข้ากับระบบของตนเองโดยเฉพาะการให้โอกาสกับบรรดานักเตะอายุน้อยได้พิสูจน์ ซึ่งผลก็ออกมาอย่างที่เห็น
"มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าในอดีตที่ผ่านมาฟุตบอลของอิตาลีมีนักเตะชั้นยอดมากมายหลายคน นักเตะระดับโลก" มันชีนี่ ระบุ
"มันยากที่จะพูดว่าทำไมทุกวันนี้นักเตะแบบนั้นถึงหายไป แต่ในเวลาเดียวกัน ยุคใหม่ของนักเตะอิตาลีที่ยอดเยี่ยมกำลังพุ่งขึ้นมา และบรรดานักเตะหนุ่มเหล่านี้เป็นนักเตะที่มีทักษะมากพอในการทำผลงานในระดับนานาชาติ และวันหนึ่งจะกลายเป็นดาวดังระดับโลก
"มันก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ความหวังของเราคือการนำทางพวกเขาไปยังชัยชนะ และช่วยให้พวกเขาตระหนักในเป้าหมายของพวกเขา"
ในมุมของแฟนบอลแม้ว่าจะไม่ใช่กองเชียร์อัซซูรี่ แต่สิ่งที่เห็นจากขุนพลอิตาลีชุดนี้คือแววตาอันมุ่งมั่น ท่าทางฮึกเหิม และการแสดงออกมาถึงความกระตือรือร้นยามลงสนาม
มันจึงเป็นที่มาของผลงานอันยอดเยี่ยมเพราะนักเตะลงสนามด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ มันจึงส่งผลไปยังผลงานที่ออกมาดีนับตั้งแต่ มันชีนี่ รับตำแหน่งกุนซือ
ไม่มีเคล็ดลับใดๆ ในความสำเร็จของอิตาลี มันมีเพียงทัศนคติและความคิดที่สอดคล้องไปด้วยกันระหว่างกุนซือและบรรดาผู้เล่น พวกเขามีเป้าหมายเหมือนกันคือการพาอิตาลีกลับมาผงาดอีกครั้งในเวทีระดับนานาชาติ
ถึงตรงนี้ อิตาลี ถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมเต็งของ ยูโร 2020 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายๆ คนยกมือเห็นด้วยเพราะผลงานที่ออกมานั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่มันไม่ต่างจากแรงกดดันที่ค่อยๆ บีบรัดพวกเขา ซึ่งเรื่องนี้ มันชีนี่ ทราบดีว่าแรงกดดันดังกล่าวต้องพุ่งตรงมาสู่ทีมไม่วันใดก็วันหนึ่ง
กระนั้นพวกเขายังคงอยู่กับความเป็นจริง และไม่ลืมว่าเส้นทางในยูโร 2020 เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น เส้นทางที่พวกเขาหวังไว้ยังอีกยาวไกล ขวากนามมากมายยังคงรอให้พวกเขาฝ่าด่านผ่านไป
"ในรายการ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ ยังมี ฝรั่งเศส, โปรตุเกส และ เบลเยียม หนึ่งในนั้นคือแชมป์โลก อีกหนึ่งทีมคือแชมป์ยุโรป และอีกทีมคือเบอร์ 1 ของโลกในการจัดอันดับ (ของ ฟีฟ่า)
"ทีมเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาหลายปีและมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาไปได้ไกลกว่าเรา แต่ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นได้ในฟุตบอล คุณไม่ควรทึกทักไปเอง
"ทุกๆ เกมเป็นเกมที่ยาก คุณต้องลงสนามและเล่น ผมโชคดีที่มีนักเตะที่ดีมากๆ นักเตะที่ชอบการเล่น พวกเขาสนุกกับการลงสนามและชอบความเสี่ยง
"นักเตะคือคนที่สมควรได้รับความดีความชอบ ผมพยายามอธิบายแนวทางที่ผมคิด และยังมีเส้นทางอีกยาวไกลให้ผ่านไป"
แม้จะถ่อมตัวแต่มันชีนี่ยังคงเชื่อลึกๆ ว่า อิตาลี ของตนเองมีโอกาสประสบความสำเร็จใน ยูโร 2020 เพราะตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาพวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการอันยอดเยี่ยม
จากทีมที่พลาดหวังเมื่อปี 2018 มาวันนี้สายเลือดใหม่ถูกผลักดันเข้าสู่ทีมและกำลังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง การผสมผสานของนักเตะตัวเก๋าและดาวรุ่งมากมายกำลังเป็นไปด้วยดี ซึ่งดูเหมือนว่ายิ่งทำให้ อัซซูรี่ ทีมนี้น่าจับตามอง
เส้นทางหลังจากนี้ไม่มีใครทราบ รายการใหญ่เช่นนี้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถพลิกผันได้เพียงชั่วขณะ โดยเฉพาะในรอบต่อไปที่ต้องแข่งแบบแพ้คัดออก ทำให้ทุกๆ ทีมต่างเน้นเต็มที่เพื่อเป้าหมายของตนเอง
สำหรับ อิตาลี พวกเขามีเป้าหมายเช่นกัน แต่การไปยังเป้าหมายของพวกเขานั้นคือการมองไปทีละเกม ผ่านไปทีละนัด ซึ่งตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการดวลกับ เวลส์ ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มโดยมีอันดับ 1 เป็นหลักชัย
ค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ผลงานที่ดีตั้งแต่นัดแรกมาจนถึงนัดที่สองถือเป็นสัญญาณอันยอดเยี่ยมของพวกเขา แม้ตามหน้าเสื่อจะเป็นรองอีกหลายๆ ทีมใหญ่ แต่ในเกมฟุตบอลอะไรก็เกิขึ้นได้
ท้ายที่สุด อิตาลี ทีมนี้จะไปถึงเป้าหมายที่หวังไว้หรือไม่ เรื่องนี้คงไม่มีใครทราบ แต่สำหรับพวกเขามันคือภารกิจที่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT