เมื่อสิ่งที่หวังเกิดขึ้นในสนาม
ย้อนไปเมื่อปลายเดือนมกราคม ปี 2020 มาร์กแต็ง แตร์รีเย่ร์ ตกเป็นข่าวใหญ่หลังจากล้มฟุบคาสนามในเกม ลีก เอิง ที่ โอลิมปิก ลียง ปะทะ ตูลูส
ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวทำแฟนบอลตระหนกตกใจ ไม่ต่างจากทุกๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หลังจากนั้นข่าวดีปรากฏเพราะอาการที่เกิดขึ้นมาจากภาวะความดันโลหิตต่ำเท่านั้น
ตอนนี้ แตร์รีเย่ร์ ยังคงโลดลแล่นในเวที ลีก เอิง และในวัย 24 ปี เขากำลังกลายมาเป็นกองหน้าที่กำลังถูกพูดถึงเกี่ยวกับพัฒนาและผลงานอันร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา (อาจจะรวมไปถึงข่าวล่าสุดที่เกิดอาการแน่นหน้าอกจากเกมลีก เอิง นัดที่ผ่านมา)
หลังจบซีซั่น 2019-20 อดีตเด็กปั้นของสโมสรลีลล์ย้ายจาก ลียง ไปร่วมทีม แรนส์ หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าหลังจากนี้ แตร์รีเย่ร์ จะไปได้ไกลเพียงใดเพราะเขาไม่สามารถพิสูจน์ตนเองกับ โอแอล ได้สำเร็จ
แม้การย้ายทีมส่วนหนึ่งจะมาจากเหตุด้านการเงินที่สโมสรยากจะปฏิเสธได้ แต่หากมองในมุมเรื่องฟุตบอลต้องถือว่า แตร์รีเย่ร์ ต้องกลับไปพิสูจน์คุณค่าของตนเองอีกครั้ง โดยหนนี้ แรนส์ กลายมาเป็นผู้โอบอุ้มและมอบความเชื่อมั่นให้กับเขา
นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ของ ลีลล์ เมื่อปี 2016 ถึงจะมีโอกาสประเดิมให้ทีมตราหมา แต่ต้องยอมรับว่า แตร์รีเย่ร์ แทบจะไม่มีโอกาสแสดงผลงาน ก่อนจะไปเปรี้ยงปร้างในช่วงยืมตัวที่ สตราส์บูร์ก ระหว่างฤดูกาล 2017–18
ผ่านไปเพียงครึ่งซีซั่น โอลิมปิก ลียง เกิดประทับใจผลงานจนต้องเจรจาดึงตัวจาก ลีลล์ ไปร่วทีมแบบถาวรโดยมีเงื่อนไขให้ สตราส์บูร์ก ยืมใช้งานเพื่อหวังว่านักเตะจะได้แสดงฝีเท้าต่อเนื่องแบบไม่ติดขัด
จบซีซั่น 2017–18 แตร์รีเย่ร์ ลงใต้ไปยังลียงเพื่อพิสูจ์ผลงาน ซีซั่นแรกถือว่าสอบผ่านด้วยจำนวน 11 ประตูจากการลงสนาม 42 เกม
แต่ก็อย่างที่เรียนไป ชีพจรลงเท้า แตร์รีเย่ร์ อีกครั้ง หนนี้ต้องเดินทางไปยังบริตตานี่หรือแถบตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ซึ่งจุดหมายปลายทางอยู่ที่ แรนส์
การย้ายไปยัง โรอาโซน ปาร์ก ไม่ต่างจากพรหมลิขิตของทั้งตัวนักเตะและสโมสร เพราะต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากการย้ายทีมหนนี้ แรนส์ได้นักเตะที่เข้าไปสร้างผลงานและสร้างแรงกระเพื่อมในแนวรุก ส่วนตัวนักเตะได้โอกาสลงสนามต่อเนื่องแถมยังยกระดับกลายมาเป็นแกนหลัก
โดยเฉพาะซีซั่นนี้ที่ดูเหมือนว่า แตร์รีเย่ร์ จะยกระดับของตนเองจากแนวรุกทางซ้ายกลายมาเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ทำผลงานไม่แพ้หัวหอกอาชีพ
สิ่งที่เปลี่ยนไปของแข้งวัย 24 ปีคือการหุบเข้ามาตรงกลางมากกว่าเดิม นั่นทำให้ แรนส์ มีทางเลือกในการเข้าทำ และมีตัวเล่นงานฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น หลายครั้งจะเห็นว่าทีมได้ประตูตอนที่ แตร์รีเย่ร์ หุบมาตรงกลาง หรือสร้างโอกาสงามๆ ในจังหวะเหล่านั้น
มันเป็นสิ่งที่ตัวนักเตะอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง หรือก็คือการเพิ่มมิติการเล่นให้มากกว่าที่ผ่านมา อยากลบภาพจำจากเดิมที่เป็นนักเตะแนวรุกด้านกว้างอาศัยความเร็วและทักษะหนีตัวประกบลากบอลตัดในทำประตู
"บางที ผมต้องหุบเข้าในกรอบเขตโทษมากขึ้นเล็กน้อย เตรียมตัวเมื่อบอลจะกลับมาหาผม" แตร์รีเย่ร์ กล่าวกับสื่อท้องถิ่นก่อนเปิดซีซั่นนี้
"ผมคิดว่าผมอาจจะทำประตูได้มากขึ้น บางทีอาจจะต้องเพิ่มการสกัดที่ดุดันกว่าเดิมเข้าไปด้วย ป้องกันเช่นเดียวกับการเล่นเกมรุก เด็ดขาดมากกว่าเดิม"
ที่ว่ามาทั้งหมดกลายเป็นจริงในฤดูกาลนี้ ผ่านการลงสนามใน ลีก เอิง ไป 17 (จาก 18) นัด แตร์รีเย่ร์ สอยตาข่ายไปถึง 8 ประตู ซึ่งน้อยกว่าซีซีซั่นที่ผ่านมาแค่ลูกเดียว
ถือเป็นพัฒนาการที่เห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งอย่างที่เรียนไปข้างต้นว่าสาเหตุสำคัญการปรับวิธีการเล่น เปิดรับสิ่งใหม่ที่ ฌูเลียง สเตฟ็อง เทรนเนอร์แรนส์ต้องการให้กองหน้ารายนี้เข้าพื้นที่กรอบเขตโทษมากขึ้น
มีหลายเกมที่ แตร์รีเย่ร์ ขยับไปเล่นกองหน้าคู่ หรือบางนัดในช่วงที่แนวรุกของทีมนัดกันเจ็บ แข้งวัย 24 ปีก็ทำหน้าที่หัวหอกตัวเป้าได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เรียกได้ว่า แตร์รีเย่ร์ มีความยืดหยุ่นตามที่กุนซือต้องการ ไม่ว่าจะเป็นระบบ 4-4-2, 4-4-1-1 หรือ 4-3-3 แข้งรายนี้ก็พร้อมสร้างผลงานตามที่ทีมคาดหวัง
ด้วยพัฒนาการและฝีเท้าที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงน่าจับตามองว่า แตร์รีเย่ร์ จะสามารถยกระดับตนเองจนกลายมาเป็นหนึ่งในดาวดังของ ลีก ได้หรือไม่ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานของแนวรุกรายนี้โดดเด่นไม่แพ้แข้งรายอื่น
สิ่งที่สำคัญต่อจากนี้คือการยืนระยะและยกระดับไปยังเส้นทางที่ดีกว่าเดิม เส้นทางที่ตัวนักเตะคาดหวังว่าจะทำให้โอกาสของตนเองเปิดกว้างและไปยังเวทีที่สามารถแสดงตัวตนให้โลกเห็นมากกว่านี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT