การตกรอบ และอนาคตของ 'พอช'
หากมองชื่อชั้นทีมที่เขี่ย เปแอสเช กระเด็นพ้น 'ยูซีแอล' อย่าง เรอัล มาดริด คงไม่เสียหายอะไรเท่าไหร่ แต่ใครที่ติดตามการแข่งขันทั้งสองนัดคงแปลกใจโดยเฉพาะสาวก ปารีเซียงส์ ที่ได้แต่ส่ายหน้าผิดหวัง
ตลอด 180 นาที โดยเฉพาะนัดแรกที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เป็นทางสโมสรดังของปารีสที่กด ราชันชุดขาว แบบโงหัวไม่ขึ้น แต่จนแล้วจนรอด เปแอสเช ชนะมาเพียง 1-0
แน่นอนว่าชัยชนะย่อมดีกว่าผลเสมอ แต่ฝั่งที่ดูจะน่าพอใจกว่าตัวแทนฝรั่งเศสคงหนีไม่พ้น เรอัล มาดริด ที่เป่าปากสบายใจเพราะหากพิจารณาจากฟอร์มนัดแรก เสียแค่ประตูเดียวก็ถือว่าโชคดีสุดๆ
ไม่ต่างจาก 45 นาทีแรกในเกมนัดที่สอง ณ สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ที่เป็นฝั่งปารีสดาหน้าบุกได้น้ำได้เนื้อกว่าแถมมีโอกาสเข้าทำชนิดที่สาวก โลส บลังโกส ต้องออกอาการเสียวไส้หลายครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ ยังคงเป็นตัวแสบที่ทำให้ เปแอสเช กุมความได้เปรียบบุกนำในครึ่งแรก 1-0 พร้อมสร้างช่องว่างประตูรวมเป็น 2-0
ณ เวลานั้นหลายคนมองว่า เรอัล มาดริด คงจบเห่เข็นไม่ขึ้นเพราะหากดูจากผลงานที่เป็นรองและความมั่นใจของทาง เปแอสเช มองยังไงเจ้าบ้านก็คงไม่สามารถดีดตัวกลับมาได้
แต่แล้วฟุตบอลก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าสามารถเปลี่ยนแปลงหรือพลิกกลับได้เพียงชั่วขณะ
แม้รูปเกมยังคงเอนมาทางฝั่งอาคันตุกะ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในนาที 61 เมื่อ เรอัล มาดริด ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ
https://twitter.com/Angpaumerah/status/1501693757364015104
จังหวะดังกล่าวมองได้หลายแบบ หากเป็นทาง คาริม เบนเซม่า หรือ คาร์โล อันเชล็อตติ จะบอกว่าเป็นความพยายามในการ 'เพรสซิ่ง' ของทีมที่กดดันให้ เปแอสเช สร้างความผิดพลาด
กระนั้นหากถามอีกฝั่งไป เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เทรนเนอร์ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง จะยืนยันเสียงแข็งว่าเป็นการฟาวล์ของ เบนเซม่า กระแทกใส่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า จนเสียจังหวะ
'พอช' ดูหัวร้อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะนอกจากจะปราชัยและกระเด็นตกรอบอย่างน่าเจ็บใจ กุนซือชาวอาร์เจนติน่ายังคงตำหนิการตัดสินที่มองว่าไม่เป็นธรรม
"สำหรับผมมันไม่ยุติธรรมเลย" โปเช็ตติโน่ กล่าวหลังจบเกม
"ประตูแรกที่เราเสียไป มีการทำฟาวล์ชัดเจนจาก เบนเซม่า ที่กระแทกใส่ ดอนนารุมม่า มันไม่ใช่ความผิดพลาดของ ดอนนารุมม่า และผมกำลังบอกคุณเรื่องนี้หลังจากดูภาพช้าไป 30-40 รอบ และดูจากมุมที่แตกต่างกันหลายๆ มุม
"ในเกมลักษณะเช่นนี้ มันเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกๆ อย่าง และผู้ตัดสินไม่ให้ฟาวล์"
ประตูดังกล่าวทำให้โมเมนตัวเทกลับฝั่งไปทาง เรอัล มาดริด อย่างชัดเจนที่จัดการัวอีก 2 ลูกหลังจากนั้น ซึ่งทั้งหมดมาจากจังหวะตัดบอลและสวนกลับเร็วของ โลส บลังโกส ที่เล่นงาน เปแอสเช จนหงายหลังล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
บางคนบอกว่า เรอัล มาดริด เล่นดีแค่เพียงช่วงเวลาที่ได้ 3 ประตูดังกล่าวเท่านั้น แต่ใครจะว่าเช่นไร ราชันชุดขาว คงไม่สนใจแล้ว เพราะท้ายที่สุดฝ่ายที่ถูกชูมือและเข้ารอบต่อไปคือพวกเขา ซึ่งนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ความผิดหวังปกคลุม เปแอสเช ซึ่งมันมาพร้อมข่าวลืออนาคต โปเช็ตติโน่ อีกครั้งว่าหลังจากนี้จะทำหน้าที่เทรนเนอร์ในถิ่น ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ต่อหรือไม่
แน่นอนว่าหลังจบเกมไมโครโฟนของนักข่าวไปจ่อที่ปาก เลโอนาร์โด้ ผู้อำนวยการกีฬา เปแอสเช ที่โดนสอบถามทันทีหลังตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก
เลโอนาร์โด้ แบ่งรับแบ่งสู้ โดยระบุว่า 'พอช' ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานของสโมสร 'ในฤดูกาลนี้' และตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น
แต่ไอ้คำว่า 'ในฤดูกาลนี้' มันถูกตีความออกไปมากมาย หลายคนเชื่อว่าจบฤดูกาล โปเช็ตติโน่ คงกลายเป็นอดีตกุนซือเปแอสเช อย่างแน่นอน เพราะทางสโมสรคงมีการประชุมกำหนดอนาคตอีกครั้ง และโอกาสที่จะได้ไปต่อของ 'พอช' ก็เลือนลางน้อยลง
เรื่องดังกล่าวทำให้แฟนบองบางสโมสรเริ่มคาดหวังว่า โปเช็ตติโน่ 'อาจจะ' กลับไป พรีเมียร์ลีก เพื่อรับงานเผือกร้อน เพราะแฟนบอลสีแดงบางทีมอยากได้เทรนเนอร์คนนี้อย่างมาก โดยหวังว่าจะเข้าไปกอบกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายให้ดีขึ้น พร้อมส่งสัญญาณเรียกหาเทรนเนอร์อาร์เจนไตน์ 'ถ้าเขาไม่รักมาหาเราก็ได้'
อย่างไรก็ตาม เส้นทางหลังจากนี้อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกมากมาย ซึ่งท้ายที่สุดอยู่ที่การตัดสินใจของบอร์ดบริหาร เปแอสเช ว่าจะยังเลือกใช้งาน โปเช็ตติโน่ ต่อไปหรือมองหากุนซือใหม่เพื่อให้มาสานฝันที่พวกเขาวางไว้ให้สำเร็จ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT