8 เกมชี้ชะตา
แม้จะยังไม่การันตีแต่คงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง คือ 'ว่าที่' แชมป์ฤดูกาลนี้ ถึงจะเหลือเกมลงสนามอีก 8 นัด แต่การนำอันดับสองถึง 12 คะแนนนับว่าเป็นงานหนักของทีมที่ไล่ตาม
ผลงานช่วงหลังของ เปแอสเช อาจจะแกว่งบ้างแต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย เพราะทีมอื่นๆ ก็พลาดเช่นกันทำให้ระยะห่างยังคงไกลและไม่ได้สร้างแรงกดดันให้ลูกทีม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เท่าไหร่
หากไม่มีอะไรผิดพลาดชนิดที่แผ่นดินถล่มฟ้าทลายหรือปัจจัยภายนอกแบบสายฟ้าแลบ เชื่อว่า เปแอสเช คงได้ฉลองแชมป์ลีกสมัยที่ 10 อย่างแน่นอน
เรื่องน่าสนใจกว่าคือโควตาในส่วนอื่นๆ ที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างสนุก โดยเฉพาะการไล่ล่าตั๋วฟุตบอลยุโรปซีซั่นหน้า หรือการหนีตายของทีมท้ายตารางซึ่งทีมมีชื่อกำลังเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก
มาตรงพื้นที่หัวตารางกับการล่าโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ซึ่งตอนนี้ โอลิมปิก มาร์กเซย ยึดหัวหาดอันดับ 2 โดยมี 56 คะแนนเหนือคู่แข่งสำคัญอย่าง แรนส์ อยู่ 3 แต้ม ตามมาด้วย สตราส์บูร์ก และ นีซ ที่มี 51 คะแนนในมือ
นี่คือ 4 ทีมกับ 2 โควตาที่เหลือ ซึ่งหนึ่งในนั้นจะได้ไปเตะรอบแบ่งกลุ่มทันทีหากเข้าป้ายอันดับ 2 ส่วนที่ 3 จะต้องไปเหนื่อยในรอบคัดเลือกรอบ 3
ความเป็นไปได้ยังคงเปิดกว้างกับโอกาสในการเก็บแต้มจาก 8 เกมที่เหลือ แม้ทาง โอแอ็ม จะนำคู่แข่งพอสมควรแต่หากพลาดท่าสัก 2-3 ก็มีสิทธิ์ที่จะโดนไล่จี้และต้องตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้น
ลูกทีมของ ฮอร์เค่ ซามเปาลี เพิ่งฟื้นผลงานเอาชนะ 3 นัดหลังสุดในลีกท่ามกลางกระแสแฟนบอล โอแอ็ม เริ่มยี้เทรนเนอร์ใหญ่ แต่ทางสโมสรยังคงเชื่อมั่นการทำงานของเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์
งานหนักของทีมดังจากแดนใต้ฝรั่งเศสคงหนีไม่พ้นการทำศึก เลอ กลาสซิก กับ เปแอสเช กลางเดือนนี้ แถมยังต้องรับมือ โอลิมปิก ลียง ช่วงต้นเดือนหน้า
ที่สำคัญคือ 2 นัดสุดท้ายมีคิวดวลกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง แรนส์ และ สตราส์บูร์ก (หากว่าทั้งสองทีมยังคงเกาะกลุ่มไปถึงตอนนั้น)
สถานะนำอยู่แต่ใช่ว่าจะปลอดภัย ที่สำคัญทุกอย่างอยู่มือ มาร์กเซย ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้วว่าจะกำหนดชะตาตนเองได้หรือไม่
ฝั่งผู้ไล่ล่าอย่าง แรนส์ กำลังทำผลงานที่ดีชนะ 5 นัดรวดในลีกก่อนจะเสมอ นีซ ในเกมล่าสุดซึ่งมองว่าไม่ได้เสียหายอะไรกับการบุกเก็บแต้มจากรังของลูกทีม คริสโตฟ กัลติเย่ร์
งานหนักหลังจากนี้คือเกมรับมือ โมนาโก ช่วงกลางเดือนต่อด้วยการเยือน สตราส์บูร์ก ที่ถือเป็นเกมสำคัญกับการรักษาเส้นทางของพวกเขา และแน่นอนว่า 3 นัดสุดท้ายคืองานหนักชนิดที่แฟนบอลแทบร้องเพราะต้องดวล น็องต์ ในศึกดาร์บี้แมตช์ ต่อด้วย โอลิมปิก มาร์กเซย และปิดท้ายซีซั่นในการเยือน ลีลล์
ส่วนผู้ตามอีก 2 ทีมอย่าง สตราส์บูร์ก และ นีซ นอกเหนือจากความพยายามรักษาความสม่ำเสมอไว้ให้ได้ ยังต้องภาวนาให้ทีมที่อยู่ข้างบนพลาดท่าไปด้วย ทว่าลองมาดูโปรแกรมของ สตราส์บูร์ก ก็มีหลายๆ นัดที่ต้องปาดเหงื่อไม่ว่าจะเป็นเกมพบ ลียง, แรนส์, ลีลล์, เปแอสเช และ มาร์กเซย
ทางด้าน นีซ ที่หวังกับซีซั่นนี้ไว้สูงแต่ผลงานช่วงหลังกลับไม่นิ่งจนหลุดลงมาทั้งที่เคยบี้กับ มาร์กเซย อย่างสนุก แต่ใช่ว่าโอกาสจะมอดดับไป กระนั้น 8 เกมหลังจากนี้ต้องใส่เต็มที่และคว้าชัยให้ได้อย่างต่อเนื่อง
ไล่เรียงโปรแกรมโค้งสุดท้ายของทีมจาก โก๊ต ดาซูร์ ไม่ได้หนักมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือการสู้กับตัวเองว่าจะสามารถเรียกฟอร์มและยืนระยะได้หรือไม่
นั่นคือ 4 ทีมที่มีโอกาสอันดีกับการไล่ล่าโควตาบอลยุโรปถ้วยใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยต่างๆ อาจจะทำให้มีทีมอื่นๆ พร้อมสอดแทรกทั้ง โมนาโก (47), ลีลล์ (47), น็องต์ (45) และ ลียง (45) แม้คะแนนห่างกันพอสมควรแต่กับ 24 แต้มที่เหลือให้เก็บอะไรก็ยังเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ...
... ลงล่างไปยังท้ายตารางซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรเนื่องจากสองทีมใหญ่ในฝรั่งเศสกำลังเจอวิกฤติหนีตายอย่างหนัก โดยเฉพาะ บอร์กโดซ์ ที่สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก
ปัญหาของ ชิรงแด็งส์ สะสมมาหลายฤดูกาลก่อนจะปะทุในซีซั่นนี้ หลายๆ อย่างประเดประดังเข้ามาไม่ว่าจะทั้งภายในสโมสรหรือภายนอก ทุกๆ อย่างถูกขมวดเข้าหากันจนในที่สุดก็ระเบิดออกมา
ผลงานในซีซั่นนี้เป็นตัวชี้วัดชัดเจนโดยเฉพาะแนวรับที่เสียประตูต่อเนื่องเพิ่งมาเก็บคลีน ชีต แรกของซีซั่นได้ในนัดล่าสุด
แต่ละส่วนพากันฟอร์มตก มีบ้างที่คอยแบกคอยฉุดทีมแต่เมื่อไรที่นักเตะเหล่านั้นหายไป (ทั้งบาดเจ็บหรืออาการป่วย) ทีมก็พร้อมพุ่งชนความล้มเหลว ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นไปตามที่เห็นคือการจมบ๊วยมีเพียง 23 คะแนนจาก 30 นัด
แน่นอนว่าโอกาสหนีตายก็ยังมีอยู่ แต่ชัยชนะนัดล่าสุดบนเวทีลีก เอิง ต้องย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือนมกราคม แถม 4 เกมหลังสุดทำประตูคู่แข่งไม่ได้เลย และหากแค่นั้นยังไม่แย่พอ นับเพียง 8 เกมที่ผ่านมาพวกเขาทำได้ 4 ประตูเท่านั้น และโดนสอยตาข่ายไปมากถึง 17 ประตู
แฟนบอลบางส่วนเริ่มทำใจไว้แล้วไม่ต่างจาก เม็ตซ์ อีกทีมที่ผลงานผิดกับซีซั่นก่อนชนิดหน้ามือกับหลังตีน ปัจจัยสำคัญของพวกเขาคงหนีไม่พ้นอาการบาดเจ็บหรือป่วยที่เล่นงานนักเตะตลอดฤดูกาลทำให้ต้องมานั่งจับเจ่าในอับดับที่ 19
นั่นคือสองทีมที่ถูกมองว่า 'น่าจะ' จองโควตาตกชั้นอัตโนมัติหากผลงานยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ที่เหลือคือการหนีพื้นที่เพลย์ออฟตกชั้น ซึ่งทาง แซงต์-เอเตียน กำลังยึดครองจากการมี 27 คะแนน (และอยากหนีมันไปให้ได้) หลังจากเคยจมบ๊วยแต่ผลงานพลิกกลับหลังจากเปลี่ยนกุนซือ
ความเป็นไปได้ในตอนนี้นอกเหนือ เลส์ แวร์ ยังมี ลอริยองต์ กับ แกลร์กมงต์ ฟุต ที่สุ่มเสี่ยงเพราะคะแนนเหนือโซนเพลย์ออฟแค่แต้มเดียว
ทุกอย่างสามรถพลิกผันได้ในนัดเดียว ที่สำคัญมีเกมที่ทีมเหล่านั้นต้องดวลกันเองด้วยซึ่งถือเป็นนัดสำคัญที่อาจจะกำหนดเส้นทางหลังจากนี้
อย่างไรก็ตาม ทีมที่เหนือชั้นไปอย่าง อองเช่ร์ หรือ ทรัวส์ ก็ประมาทไม่ได้ เพราะผลงานของทั้งสองทีมใช่ว่าจะดีเอาแน่เอานอนได้ หากพลาดขึ้นมาก็อาจจะต้องไปเหนื่อยในช่วง 3-4 เกมสุดท้าย
8 เกมที่เหลือกับ 24 คะแนนให้คว้ามาครอง ใครที่ยืนระยะได้ดีที่สุดก็จะจบซีซั่นตามที่ต้องการ ส่วนทีมที่ไม่ดีพอก็ต้องไปเริ่มกันใหม่ในซีซั่นหน้า ซึ่งสถานะต่างๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT