วิบากกรรมที่ถาโถม
หลังจากฤดูกาลอันน่าผิดหวังของ บอร์กโดซ์ ที่ตกชั้นจากลีก เอิง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงต้นยุค 60 สโมสรต้องเจอความโหดร้ายไม่จบสิ้น เพราะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีคำสั่งจาก แอลแอฟเป และองค์กรควบคุมการเงินของลีกฟุตบอลอาชีพฝรั่งเศสให้อดีตแชมป์ลีกสูงสุดบอลน้ำหอมหล่นไปเล่นในเวที นาซิยงนาล
เรื่องราวครั้งนี้มาจากเจ้าหน้าที่การเงินที่คอยกำกับดูแลกิจการของสโมสรฟุตบอลฝรั่งเศสได้เข้าตรวจสอบบัญชีของทีมต่างๆ ก่อนจะเริ่มฤดูกาลใหม่ ซึ่งทุกๆ สโมสรต้องแสดงหลักฐานทางการเงินว่าไม่มีปัญหาหรือติดขัดประการใด ซึ่งมีทั้งในส่วนหนี้สิน รายได้ เงินทุน และสภาพคล่องที่ต้องแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่
แต่ในรายงานของ เลกิ๊ป ระบุว่า บอร์กโดซ์ ซึ่งกำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับไม่สามารถแสดงหลักฐานหรือทำให้เชื่อได้ว่าทีมจะจัดการด้านการเงินได้อย่างดีในฤดูกาล 2022/23
เชราร์ โลเปซ ในฐานะประธานสโมสรบอร์กโดซ์ได้เดินทางไปยังสำนักงานของ แอลแอฟเป พร้อมทนายความส่วนตัว โดยหวังจะเจรจาให้เจ้าหน้าที่การเงินมั่นใจเกี่ยวกับการจัดการภายในสโมสร
กระนั้นคำอธิบายของ โลเปซ ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งกลับไม่เป็นไปตามที่เขาตั้งใจ เพราะรายงานเผยรายละเอียดที่ประธานบอร์กโดซ์แจ้งไปยัง DNCG ว่าตนเองพร้อมอัดเม็ดเงินสนับสนุน 10 ล้านยูโรซึ่งมาจากทรัพย์สินของตนเอง และอีก 30 ล้านยูโรซึ่งจะมาจากเจ้าหนี้รายต่างๆ ไม่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจถึงสถานะของสโมสร
เรื่องนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทาง DNCG ยืนยันชัดเจนว่า บอร์กโดซ์ ต้องมีเอกสารหรือหลักฐานมากกว่านี้ ส่งผลให้สโมสรต้องโดนปรับตกชั้นไปเล่นนาซิยงนาลเนื่องจากไม่สามารถแสดงความมั่นใจหรือมีเอกสารที่ชัดเจนตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการให้เป็นไป
ในรายงานเสริมจาก เอเอฟพี ระบุ บอร์กโดซ์ มีหนี้ก้อนโตกว่า 65 ล้านยูโร ซึ่งจำนวนดังกล่าวมาจากการขาดดุลเรื่องตลาดนักเตะกว่า 40 ล้านยูโร
แน่นอนว่า DNCG ให้เวลา บอร์กโดซ์ แก้ไขสถานการณ์สำหรับเตรียมการเรื่องจัดหาเงินทุน 40 ล้านยูโรเพื่อปรับสมดุลทางการเงินและนำเอกสารหรือรายละเอียดมาเสนอสำหรับยืนยันสถานะของตนเอง แต่อย่างที่ทราบกันว่า โลเปซ ดันทำแบบส่งๆ มีเพียงการอธิบายผ่านคำพูดจนโดนลงโทษในที่สุด
กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและทางลีกทำอย่างจริงจังข้าข้นมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะทางลีกฟุตบอลอาชีพฝรั่งเศสต้องการกำหนดแนวทางของแต่ละสโมสรให้ดำเนินไปอย่างปลอดภัยโดยเฉพาะด้านการเงินเนื่องจากปัจจุบันตลาดนักเตะหรือมูลค่าต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นกว่าอดีต
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ บอร์กโดซ์ ที่โดนตรวจสอบ ทุกๆ ทีมต่างโดนเหมือนกันหมด ซึ่งจะแตกต่างแล้วแต่สถานการณ์ทางการเงินของแต่ละทีม หนักบ้างเบาบ้างแยกกันไป
ยกตัวอย่าง ลีลล์ ที่ตอนแรกโดน DNCG จับจ้องเช่นกัน แต่ทีมตราหมาจัดการเอกสารและหาเงินทุนเพื่อนำไปอธิบายต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งในวันเดียวกันทีมดังจากทางตอนเหนือก็ไม่โดนลงโทษแต่อย่างใด
หรือทีมในลีก เดอซ์ ด้วยกันอย่าง อาเมียงส์, แซงต์-เอเตียน และ ก็อง ซึ่งโดนตรวจสอบอย่างใกล้ชิด แต่ทั้ง 3 สโมสรอธิบายหรือหาหลักประกันให้ DNCG วางใจ พวกเขาก็รอดพ้นจากการลงโทษ
ขอยกตัวอย่างอีกกรณีของ แอฟเซ อานซี่ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นมาเล่น ลีก เดอซ์ แต่สโมสรจากโรน อัลป์ส โดนตรวจสอบบัญชีการเงิน โดยทาง DNCG จับจ้องไปที่บัญชีค่าแรงของสโมสรซึ่งถูกสงสัย
แต่หลังจาก อานซี่ ยื่นหลักฐานให้ตรวจสอบถึงความโปร่งใส เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลบัญชีค่าจ้างและตลาดซื้อขายนักเตะไม่พบสิ่งผิดปกติที่ถูกสงสัยในทีแรก ก่อนจะอนุญาตและยืนยันสถานะให้สโมสรลงเล่นบน ลีก เดอซ์ ได้ตามสิทธิ์ที่พึงมี
ต่างจาก บอร์กโดซ์ ที่ผิดพลาดทั้งในขั้นตอนอธิบายหรือเตรียมหลักฐานสร้างความมั่นใจให้ DNCG จึงไม่แปลกที่แฟนบอลจะออกมาโจมตีสโมสรและพุ่งเป้าไปที่บอร์ดบริหารอย่างหนัก
แม้ทาง บอร์กโดซ์ จะออกแถลงการณ์ผิดหวังกับคำตัดสินที่มาจาก DNCG และมองว่าเป็นคำสั่งที่รุนแรงเกินไป แต่หลายฝ่ายมองไม่ต่างกันว่าฝ่ายที่น่าโดนตำหนิที่สุดคือสโมสรที่ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวได้ทันท่วงที
แน่นอนว่าการอัดเม็ดเงิน 10 ล้านยูโรจากประธานเข้าไปในสภาพคล่องทางการเงินเป็นเรื่องที่ดี แต่เงินอีก 30 ล้านยูโรที่อ้างว่ามาจากเจ้าหนี้เป็นสิ่งที่ฟังไม่ขึ้น เพราะมันไม่สามารถยืนยันได้ว่าเงินดังกล่าวจะเข้าสู่สโมสรได้ตามกำหนดหรือเป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการ
โลเปซ อธิบายกับเจ้าหน้าว่าตนเองในฐานะประธานสโมสรกำลังเจรจาทำข้อตกกับ King Street and Fortress ในการหาเงิน 30 ล้านยูโรมาสู่สโมสรเพื่อรักษาสถานะของทีม แต่นั่นยังไม่ดีพอ
แม้บทลงโทษจะออกมาแล้ว แต่สื่อในฝรั่งเศสหลายรายระบุตรงกันว่า บอร์กโดซ์ มีเวลายื่นอุทธรณ์ 7 วันตั้งแต่บทลงโทษออกมา (เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน) ซึ่งแน่นอนว่าสโมสรจากตะวันตกเฉียงใต้จะดำเนินการในส่วนนี้
บอร์กโดซ์ ยังคงมั่นใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆ ของสโมสรว่าจะสามารถอธิบายและสร้างความมั่นใจให้ DNCG เปลี่ยนแปลงคำตัดสิน และรักษาสถานะของตนเองในการเล่นบนลีก เดอซ์ ต่อไปได้
ปัญหาตอนนี้คือจะเสาะหาเงินทุนหรือหลักประกันจำนวน 40 ล้านยูโรได้จากไหนในระยะเวลาที่ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์?
เลกิ๊ป ระบุว่า บอร์กโดซ์ อาจจะมีเงินพิเศษเข้ามาจากการย้ายทีมของ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ไปยัง เรอัล มาดริด เพราะตอนที่สโมสรปล่อยตัวให้ โมนาโก พวกเขาทำข้อตกลงส่วนแบ่ง ซึ่งสื่อเชื่อว่าเป็นเงินประมาณ 11 ล้านยูโรด้วยกัน (จากการย้ายทีมที่มีมูลค่าราวๆ 100 ล้ายูโร)
กระนั้นก็ยังห่างไกลกับจำนวนที่ บอร์กโดซ์ ต้องการ แถมในรายงานจากสื่อฝรั่งเศสเผยต่อไปว่าเงินจำนวนดังกล่าวที่ได้มา สโมสรต้องเจียดไปใช้หนี้ในส่วนอื่นๆ นอกจากนั้น เลกิ๊ป ยังกล่าวถึง ฌูลส์ กุนเด้ ที่มีข่าวย้ายออกจาก เซบีย่า ซึ่งทาง บอร์กโดซ์ กำลังส่งใจเชียร์ให้ทีมที่สนใจรีบๆ ติดต่อซื้อตัวกองหลังทีมชาติฝรั่งเศสโดยเร็ว เพราะพวกเขามีข้อตกลงส่วนแบ่งย้ายทีมจาก เซบีย่า เช่นเดียวกับกรณี ชูอาเมนี่
แต่เงินที่ว่าก็ยังไม่พอ ส่งผลให้กลยุทธ์ถัดมาคือการปล่อยนักเตะแกนหลักในทีมที่มีอยู่ในตอนนี้ออกไปห้เร็วที่สุด
เรื่องดังกล่าวมีรายงานจาก อาร์แอ็มเซ ระบุว่า ฮวัง อี-โจ คือนักเตะที่ บอร์กโดซ์ เล็งปล่อยออกไปในราคา 8 ล้านยูโร แม้สโมสรอยากเก็บดาวซัลโวประจำทีมไว้ก็ตาม แต่สถานการณ์ตอนนี้ยากในการรั้งตัว
รวมไปถึง เซกู มารา กองหน้าดาวรุ่งที่มีข่าว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่งแมวมองติดตามผลงาน อาจจะเป็นอีกรายที่โดนปล่อยออกไปหากมีข้อเสนอเข้ามา ซึ่งปัญหาก็ยังไม่จบแค่นั้น โดยเฉพาะในส่วนของการเจรจาเรียกค่าตัวตามที่ต้องการ เนื่องจากทีมต่างๆ ทราบดีถึงสถานการณ์ของ บอร์กโดซ์ ส่งผลให้จำนวนตัวเลขอาจจะไม่เป็นไปตามที่สโมสรอยากได้ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาต้องจำใจเจรจาเพราะมีสถานะการเล่นบน ลีก เดอซ์ เป็นเดิมพัน
ตอนนี้คือการแข่งขันกับเวลาเพื่อหาแหล่งเงินทุนและหลักฐานต่างๆ ไปนำเสนอในการอุทธรณ์ต่อเจ้าหน้าที่ และรอลุ้นผลหลังจากนั้น
มีรายงานที่น่าสนใจจาก ยูโรสปอร์ต ระบุว่าอาจจะเกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุด หรือ worst case scenario หากการอุทธณ์ของ บอร์กโดซ์ ไม่เป็นผลและต้องหล้นลงไปเล่นในเวที นาซิยาล จริงๆ
กรณีดังกล่าวอาจจะส่งผลให้ บอร์กโดซ์ โดนฟ้องล้มละลายในเวลาต่อมา เพราะอย่าลืมว่าการหล่นไปเล่นลีกลำดับ 3 ของฝรั่งเศสไม่ต่างจากการหมดช่องทางหาเงินทุน จะเอาในส่วนเงินถ่ายทอดสดก็มีมูลค่าแค่ 2 ล้านยูโร ซึ่งไม่พออยู่แล้ว ไหนจะผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่พร้อมถอนตัวออกเนื่องจากไม่คุ้มกับการลงทุนร่วมทีมในลีกดิวิชั่น 3
หากเป็นเช่นนั้นจริง บอร์กโดซ์ อาจจะต้องเจอการฟ้องล้มละลายและเข้าสู่กระบวนของศาลพาณิชย์ใน 'การเป็นผู้พิทักษ์ทรัพย์' และนำทรัพย์สินของสโมสรออกมาจำหน่ายเพื่อใช้หนี้
ถึงตอนนี้ บอร์กโดซ์ ยังไม่ได้ไปถึงจุดนั้นซึ่งเป็นเพียงการคาดหมายไว้ล่วงหน้าถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หากทีมงานของสโมสรไม่สามารถจัดการหรือหาทางออกในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อได้สำเร็จ
ทางออกสุดท้ายหาก เชราร์ โลเปซ ไม่สามารถนำเงินหรือหลักฐานมาแสดงต่อ DNCG นั่นคือการขายสโมสรให้กับผู้ที่สนใจ ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องที่แฟนบอล บอร์กโดซ์ ปรารถนาอย่างที่สุด เพราะพวกเขาหมดความอดทนกับการบริหารงานอันผิดพลาด และต้องการความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT