เส้นทางจากอดีตสู่อนาคต (จบ)

หนนี้มือกาววัย 25 ปีกล่าวถึงตัวตนในฐานะผู้รักษาประตูและจุดหมายของตนเองที่ต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น 

สิ่งที่เป็นไปในอดีตได้หล่อหลอม เคิห์น ให้กลายมาเป็นคนที่มุ่งมั่นและอยากสร้างผลงานเพื่อทีม ซึ่งสิ่งเหล่านั้นถือเป็นตัวจุดประกายสิ่งใหม่ให้กับตนเอง 

คุณชอบการป้องกันประตูแบบไหนเป็นพิเศษ?

"สำหรับผม การป้องกันจังหวะชี้เป็นชี้ตายเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าการเซฟประตูโดยทั่วไป ดังนั้นการป้องกันประตูที่ผมสามารถทำได้คือจังหวะที่ทำให้ทีมชนะ และไม่เสียประตูในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน"

จุดไหนที่คุณมองว่าต้องพัฒนาให้ดีขึ้น?

"ทุกส่วนเลย แต่บางทีคงเป็นในส่วนของตัวผมมากกว่า มันเป็นเรื่องยากเสมอในการมาย้ายมายังลีกและเมืองแห่งใหม่ ผมต้องการปรับตัวให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่ผมมีแฟนสาว ครอบครัว และแม้แต่สุนัขของผมที่มาอยู่ด้วย นอกจากนั้นคนในทีมยังทำให้ผมรู้สึกถึงการต้อนรับที่ดีอย่างมาก ดังนั้นทุกๆ อย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น"

กลับมากันที่เรื่องของสภาพจิตใจและความสามารถโดยเฉพาะของตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ต้องการสมาธิและความมุ่งมั่นกับเกม ในฐานะนักเตะหนุ่มคุณจัดการเรื่องนั้นอย่างไร?

"แน่นอน มันเป็นตำแหน่งที่ต้องมีสมาธิและความมุ่งมั่นกับเกมตลอดเวลา อยู่ในเกมตลอด 90 นาที อย่างที่ผมได้พูดไป บางครั้งคุณต้องเซฟช่วยให้ทีมชนะในนาทีสุดท้าย การมีสมาธิและความมุ่งมั่นกับเกมจึงเป็นประโยชน์ กับ ซัลซ์บวร์ก ผมเห็นเกมที่แตกต่างกันมากๆ เพราะในลีกนั้นพวกเราเป็นทีมที่ดีที่สุดในประเทศ ตรงกันข้ามกับในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก คุณต้องยกระดับสมาธิและความมุ่งมั่นให้สูงขึ้นกว่าเดิม"

คุณทำงานในส่วนนั้นเช่นไร?

"มันเป็นเรื่องยากเพราะการลงซ้อมแตกต่างจากการลงสนามอย่างมาก แต่ที่นี่การทำงานกับ เฟรเดริก เดอ โบแวร์ (โค้ชผู้รักษาประตูโมนาโก) ได้เกิดแนวทางใหม่ขึ้นกับผม มีการออกกำลังที่เน้นไปยังระบบการหายใจ เพราะหากร่างกายแข็งแรงความคิดก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น การทำงานทางด้านจิตใจเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณต้องสามารถหลอมรวมการออกกำลังกายเหล่านี้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในสนาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะในฐานะผู้รักษาประตู คุณต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่ง"

บอกเราเกี่ยวกับ อาดี ฮึตเทอร์ ได้หรือไม่?

"ผมคุ้นเคยกับปรัชญาการเล่นของเขาเป็นอย่างมากเพราะพวกเราเคยทำงานร่วมกันที่ ซัลซ์บวร์ก ผมยังเคยเห็นเขาทำงานที่ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต และ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ก่อนที่ผมจะเซ็นสัญญากับที่นี่พวกเราได้มีการพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นโค้ชที่ชอบครองบอลและต้องการเห็นผลของการทำงาน"

คุณเป็นผู้เล่นทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ แม้ว่าคุณจะลงเล่นให้เยอรมนีจนถึงอายุ 18 ปี อะไรเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้คุณเลือกเส้นทางนี้?

"มันเป็นเรื่องปกติที่จะลงเล่นให้เยอรมนีในระดับเยาวชน เพราะนั่นคือประเทศที่ผมเกิดมาและเป็นสถานที่ที่ผมใช้ชีวิตมาโดยตลอด แต่หลังจากนั้น เนื่องจากแม่ของผมมาจากโลซาน ผมจึงได้รับการติดต่อจากสมาคมฟุตบอลสวิส มีการติดต่อกับบรรดาโค้ชและโค้ชผู้รักษาประตูในทันที แม้ที่ สตุ๊ตการ์ท ผมไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงด้วยซ้ำ แต่ทีมชาติสวิสเซอร์แลนด์ตัดสินใจเชื่อมั่นในตัวผม ผมเริ่มเล่นให้ เดอะ นาตี (ฉายาของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์) ตั้งแต่อายุ 18 และโชคดีที่ได้เล่นในระดับอายุไม่เกิด 19, 20 และ 23 ปี"

คุณยังถูกเรียกไปเล่นทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ที่คุณได้ทำงานร่วมกับ ยานน์ ซอมเมอร์, โยนาส ออมลิน และ เกรกอร์ โคเบล ในศึกฟุตบอลโลกหนล่าสุดด้วย ... 

"มันสนุกมาก เพราะ ยานน์ กับผมมีโค้ชผู้รักษาประตูคนเดียวกัน ในตอนที่ผมยังอยู่ที่ สตุ๊ตการ์ท ผมมีโค้ชที่เคยทำงานร่วมกับเขาที่ มึนเช่นกลัดบัค (สเตฟเฟ่น เคร็บส์) พวกเราคุยเรื่องนั้นเยอะมาก แต่ใช่ คุณสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากผู้รักษาประตูอย่าง ยานน์, โยนาส หรือ เกรเกอร์ ในด้านเทคนิกคงไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนมีรูปแบบของตัวเอง แต่เป็นเรื่องของสภาพจิตใจมากกว่า เกี่ยวกับวิธีการที่พวกเขาปฏิบัติในเกมหรือแม้แต่ในการลงซ้อม"

ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เป็นผู้รักษาประตูชาวสวิสที่ลงเล่นใน ลีก เอิง เพราะยังมี อีวง โวโก้ ของ ลอริยองต์ ด้วย สิ่งนั้นเป็นการสร้างเวทีให้แข่งขันว่าใครเป็นผู้รักษาประตูชาวสวิสที่ดีที่สุดของลีกหรือไม่?

"มันอาจจะเป็นดวลกันสำหรับสื่อ แต่ไม่ใช่สำหรับผม (หัวเราะ) ผมรู้จัก อีวง เป็นอย่างดี เพราะพวกเราเคยอยู่ที่ไลป์ซิกร่วมกัน เขาเป็นคนที่ดี แต่ผมจะมุ่งมั่นและมีสมาธิกับผลงานของตัวเอง และหากพวกเราทั้งสองทำได้ดี มันอาจจะเป็นปัญหาของโค้ช"