8 เกมผ่านไปใครเสี่ยงโดนปลด
หนึ่งในประเด็นที่สร้างสีสันและดึงดูดความสนใจคงหนีไม่พ้นอนาคตของกุนซือหรือผู้จัดการทีม เนื่องจากการทำทีมในเวทีพรีเมียร์ลีกต้องมาพร้อมกับการถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา แถมแต่ละสโมสรปรารถนาผลงานอันยอดเยี่ยมจากตัวเทรนเนอร์ใหญ่ของพวกเขา
จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวเกี่ยวกับอนาคตอันสั่นคลอนของผู้จัดการทีมทั้งหลายที่ทำผลงานได้น่าผิดหวัง หรือไม่เป็นไม่ตามเป้าหมายที่สโมสรวางไว้
ไม่ว่าจะทีมเล็กหรือทีมใหญ่ต่างเริ่มมีการประเมินผลงานไปบ้างแล้ว และต่อจากนี้คือกุนซือที่ถูกมองว่าอาจต้องตกงานหากยังทำผลงานไม่ดีขึ้นไปจากเดิม
รัสเซลล์ มาร์ติน (โอกาสโดนปลด 4/5)
แม้จะพา เซาธ์แฮมป์ตัน เลื่อนชั้นกลับมาเล่นในเวที พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง แต่ผลงานของ เดอะ เซนต์ส กลับย่ำแย่ด้วยสถิติเสมอ 1 แพ้ 7 จาก 8 นัดแรก
นอกจากนั้น นักบุญแดนใต้ เพิ่งสร้างคอนเทนต์ (ที่ตนเองไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น) เพราะออกนำ เลสเตอร์ 2-0 ในครึ่งแรก แต่เมื่อจบ 90 นาทีดันกลายเป็น จิ้งจอกสีน้ำเงิน บุกชนะ 3-2
ทำให้ชื่อของ มาร์ติน ถูกยกเป็นเต็ง 1 ที่จะโดนปลด แถมเกมลีก 3 นัดต่อไปต้องต้องดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งอาจเป็นการชี้ชะตาก่อนเข้าสู่ช่วงพักเบรกทีมชาติเดือนหน้า
เอริก เทน ฮาก (โอกาสโดนปลด 3/1)
อนาคตของ 'อีทีเอช' ถูกกล่าวถึงอีกครั้งหลังจากทำผลงานน่าผิดหวังทั้งในศึกพรีเมียร์ลีกและเวทียุโรป แม้นัดล่าสุดจะพลิกสถานการณ์ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-1 แต่ไม่ได้ทำให้ดวงชะตาดูดีขึ้น
ด้วยการที่ เทน ฮาก ทำงานให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงไม่แปลกกับการถูกกล่าวถึงหรือจับตามองแบบต่อเนื่อง แถมเรื่องโดนปลดมีมาตั้งซีซั่นก่อน ดีที่กุนซือชาวเนเธอร์แลนด์พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ทำให้บอร์ดบริหารยังคงวางใจ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้เก้าอี้ของ เทน ฮาก กลับมาร้อนฉ่าอีกครั้ง แน่นอนว่าทางเดียวในการหนีเรื่องราวเหล่านี้ (หรือทำให้บรรยากาศสงบลง) คือต้องพาทีมทำผลงานยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฟอร์มในศึกพรีเมียร์ลีกที่ตอนนี้มีเพียง 11 คะแนน ซึ่งโปรแกรมก่อนพักเบรกทีมชาติของ ผีแดง ต้องปะทะ เวสต์แฮม, เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้
แกรี่ โอนีล (โอกาสโดนปลด 4/1)
ไม่แปลกที่ชื่อของ โอนีล จะติดโผเพราะตอนนี้รั้งบ๊วยมีคะแนนเดียวจากผลงาน เสมอ 1 แพ้ 7
ปัญหาใหญ่ของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในซีซั่นนี้คือแนวรับเสียประตูง่ายมาก แม้ในบางนัดแนวรุกอาจทำได้ 2 หรือ 3 ประตู แต่เกมป้องกันดันเสียเยอะกว่า ส่งผลให้ลงเอยด้วยการปราชัย
สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นการบ้านที่ โอนีล คิดไม่ตกและกำลังปวดหัวกับการหาวิธีแก้ไขให้ทุกอย่างดีขึ้น โดยสามเกมต่อจากนี้ต้องปะทะ ไบรท์ตัน, คริสตัล พาเลซ และ เซาธ์แฮมป์ตัน ทำให้หลายฝ่ายมองว่าอาจเป็นโอกาสสุดท้ายในการรักษาเก้าอี้ของกุนซือวัย 41 ปี
โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ (โอกาสโดนปลด 8/1)
เข้ามากอบกู้สถานการณ์ คริสตัล พาเลซ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่เรื่องราวในฤดูกาลนี้กลับตาลปัตรส่งผลให้อนาคตของเทรนเนอร์ชาวออสเตรียอยู่บนความไม่แน่นอน
3 คะแนนจาก 8 นัด นั่นคือผลงานช่วงต้นซีซั่นของ ดิ อีเกิลส์ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้บอร์ดบริหารรวมถึงแฟนบอลเป็นอย่างมาก
ฟอร์มที่หายไปบวกกับความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่งผล พาเลซ ต้องจมอยู่ในพื้นที่โซนสีแดง และยังไม่รู้ว่าอนาคตอันใกล้จะฟื้นคืนกลับมาหรือไม่
ไม่ต่างจากสถานการณ์ของ กลาสเนอร์ ที่กำลังไม่มั่นคง โดยหลังจากนี้มีคิวพาทีมลงเล่นเกมลีกปะทะสองทีมจากลอนดอนอย่าง สเปอร์ส และ ฟูแล่ม รวมถึงการออกไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งไม่ต่างจากบททดสอบสำคัญในการรักษางานของตนเอง
จูเลน โลเปเตดี (โอกาสโดนปลด 9/1)
คงเป็นไปไม่ได้หากไม่มีชื่อของ โลเปเตกี เพราะกุนซือชาวสเปนเข้ามาพร้อมกับความคาดหวังในการผลักดัน เวสต์แฮม สู่อีกระดับ
ขุนค้อน ลงทุนหานักเตะใหม่ให้เทรนเนอร์ชาวสเปนไปพอสมควรบวกกับขุมกำลังหลักชุดเก่าที่ยังคงปักหลักช่วยงานตามเดิม แต่ผลงานที่ออกมากลับน่าผิดหวังเป็นที่สุด
ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 4 อาจเป็นสถิติที่ดีกว่าหลายทีม แต่สำหรับ เดอะ แฮมเมอร์ส ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินหรือเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้อนาคตของ โลเปเตกี เริ่มสั่นคลอน
จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวลือการเปลี่ยนแปลงออกมารวมถึงชื่อของกุนซือคนอื่น ๆ ที่โดนโยงกับ ลอนดอน สเตเดียม โดยหลังจากนี้ โลเปเตกี ต้องพิสูจน์คุณค่าของตนเองผ่านการดวล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และ เอฟเวอร์ตัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT