ฉลอง1ปีแข้งทรงอิทธิพลหงส์แดง
โครนิงเก้น ( 2011-13) : ฮันส์ นีจ์แลนด์, ผู้จัดการทั่วไป
เฟอร์กิล ยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม เขาเพิ่งอายุ 18 ปีเองตอนเราเซ็นสัญญามาจาก วิลเล่ม ทเว
ตอนนั้นก็ไม่ใช่นักเตะอาชีพฟูลไทม์แต่ เฮง เฟลด์เมท แมวมองอาวุโส เห็นแววแล้วแนะนำว่าเราสมควรรีบเซ็นมาเลย ซึ่งใช้เวลาปรับตัวแค่ 12 สัปดาห์ก็ทะลุขึ้นชุดใหญ่
ตอนแรกๆโดนส่งเป็นกองหน้า 2-3 ครั้ง - แต่มีอยู่นัดหนึ่งโค้ชใช้เขาฐานะสำรอง 15 นาทีท้าย ลงเล่นปราการหลังตัวกลาง แม้ผลจบด้วยความปราชัยแต่มันให้เห็นอะไรบางอย่าง
ฟาน ไดค์ สมัยหนุ่มๆ
หมอนั่นรูปร่างดีมาก เช่นเดียวกับจิตใจรวมถึงความมืออาชีพ ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสดูเขาลงสนาม มั่นใจ 100% ว่าต้องก้าวไปอีกขั้นแน่ๆ
กระทั่ง 2 ปีต่อมาโดนขายให้ เซลติก แล้วต่อมาสัก 3 ปีก็มีโทรศัพท์มาหาผมโดยปลายสายคือ โรนัลด์ คูมัน ที่เวลานั้นเป็นเจ้านายใหญ่ เซาธ์แฮมป์ตัน
"คุณ ฮันส์ ใช่ไหม?" คูมัน ที่ปลายสายเริ่มกล่าว "ผมจะซื้อ ฟาน ไดค์ ไปเล่นที่ เซาธ์แฮมป์ตัน"
ทราบว่า โรนัลด์ ติดตามผลงานเขามานาน แล้วก็รู้ด้วยว่าจะกลายมาเป็นแข้งหัวกะทิ ฐานะที่เคยร่วมงานมาผมยกให้เขาเป็นท็อป 10 ผู้เล่นซึ่งผ่านมือ หิ้งเดียวกับ อาร์เยน ร็อบเบน หรือ หลุยส์ ซัวเรซ
.......
เลนน่อน (ซ้าย) ลูกพี่เก่า
เซลติก (มิ.ย. 2013- พ.ย. 2015) : นีล เลนน่อน, ผู้จัดการทีม
เราได้เห็นแค่ฟุตเทจผลงานตอนที่เขาเล่นให้ โครนิงเก้น ก็ตกตะลึงกันพร้อมอุทานว่า - ไอ้เด็กนี่มีเจ้าของหรือยัง? - เก่งขนาดนั้นแต่ยังไม่อยู่ทีมใหญ่ต้องมีอะไรชอบมาพากล บางทีอาจตาบอด หรืออวัยวะบางส่วนหายไป
ไม่มีข้อกังขาเรื่องคุณภาพในตัวหมอนั่น ผมทราบในทันทีตั้งแต่เห็นครั้งแรก
เรื่องที่น่าประหลาดเดียวคือทำไมไม่ได้ย้ายมาเล่นให้ เซลติก เร็วกว่านี้ - ทั้งที่โดดเด่นสุดๆ ทำไม่ก่อนนี้ถึงไม่ได้อยู่สโมสรใหญ่ - ยากจะเข้าใจเหมือนกัน
ท้ายสุดเขาร่วมหอลงโรงกับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 75 ล้าน ปอนด์ เอาจริงๆซื้อถูกกว่าศักยภาพในตัว เฟอร์กิล ไป 50 ล้าน ปอนด์ ด้วยซ้ำถ้าลองดูจากผลงานปัจจุบัน
ฟาน ไดค์ ไปฝึกวิชาที่ เซลติก
อารมณ์ร่วมต่อเกมสุดยอด, ร่ายกายก็แกร่ง, คุณภาพคับแก้ว เปรียบเทียบไม่ต่างจากรถยนต์ โรลล์ส-รอยซ์!
สามารถเข้าเกียร์เหยียบเต็มคันเร่งได้ทุกเมื่อ เทคนิคฟุตบอลก็น่าทึ่ง ตอนที่ เซลติก ซื้อมาแค่ 2 ล้าน ยูโร แม้แต่ผมก็ไม่อยากเชื่อว่าเราจะเฮงขนาดนั้น
การที่ผลงาน ลิเวอร์พูล พัฒนาขึ้นไม่ได้สร้างความแปลกใจแก่ผมเลยตั้งแต่ได้หมอนั่นไปร่วมงาน เฟอร์กิล คือหนึ่งในปราการหลังที่ดีสุดของโลกอย่างไร้ข้อกังขา
บางทีอาจคว้าตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี ซึ่งนั่นคงเป็นความภูมิใจในอาชีพ ไม่ต่างกับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายทีมเมตก็ฟอร์มไม่เลวเช่นกัน
พวกเขาคือ 2 นักเตะที่ผ่านฟุตบอลสกอตแลนด์มาคนละ 4-5 ปีก่อน แต่ปัจจุบันก้าวกระโดดจนผ่านประสบการณ์เตะ ยูฟ่า ชปล.รอบชิงชนะเลิศ หรือรั้งหัวตารางพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นับเป็นผลผลิตที่ดีจริงๆ
............
ฐานะผู้เล่น เซาธ์แฮมป์ตัน
เซาธ์แฮมป์ตัน ( ก.ย. 2015 - ม.ค. 2018) : ชาร์ลี ออสติน, เพื่อนร่วมทีม
ครั้งแรกที่ผมเห็น 'เวิร์จ' ก็มองหัวจดเท้าแล้วคิดในใจ - พระเจ้า! ดูตัวไอ้หมอนี่ดิ! -
ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่เคยรู้จักเบื้องหลังอะไรของเขามาก่อน จนกระทั่งมีโอกาสร่วมงานกัน - เซ็นสัญญาหลังจากเขา 2-3 เดือน แต่ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วใน 2-3 สัปดาห์จากคนแปลกหน้าสู่คู่ซี้
การซ้อมโดยมีหมอนั่นเป็นตัวประกบมันน่าสยดสยอง แถมมักทำให้เราฉุน ไม่ใช่เพราะ ฟาน ไดค์ เอาแต่ไล่เตะ ไล่หวดคุณนะ แต่มันคือความรู้สึกว่าจะทำอย่างไรท้ายสุดคุณก็โดนหมอนั่นชิงบอลไปอยู่ดี
'เวิร์จ' มักหัวไวกว่าเราก้าวหนึ่งเสมอ ในทุกเรื่องจริงๆ อีกทั้งเล่นสะอาดไม่มีเตะติดดาบ
วีวีดี (ขวา) กองหลังน้ำดี
อนึ่งผมอยากบอกว่าที่เขามาถึงจุดนี้ ส่วนหนึ่งเพราะ โชเซ่ ฟอนเต้ (อีกหนึ่งเซนเตอร์ของ เซาธ์แฮมป์ตัน) มีอิทธิพลต่อ ฟาน ไดค์ ทีเดียว
โชเซ่ เป็นพวกสายบุ๋นในห้องแต่งตัวเรา มักให้คำแนะนำดีๆแก่ทุกคน ว่าเรื่องไหนเราควรทำ, ต้องดูแลร่างกายหลังเกม หรือนอกเวลาอย่างไร, คอยชี้แนะระหว่างเกม ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก
เฟอร์กิล โชคดีที่ได้ร่วมงานกับผู้เล่นคุณภาพช่วงเวลาหนึ่งก่อนก้าวสู่ระดับสูงขึ้น เมื่อเราเห็นหมอนั่นลงเตะเวที ยูฟ่า ชปล.มันจึงเหมือนเป็ดที่ว่ายน้ำเป็นแต่เกิด
เชื่อไหมว่ายังไม่เคยเห็นหมอนั่นโดยคู่แข่งเผาเลย, เพื่อนผมมันไปอีกขั้นแล้ว
...............
โกเมซ (ซ้าย) พูดถึงรุ่นพี่
ลิเวอร์พูล ( ม.ค. 2018- ปัจจุบัน) : โจ โกเมซ, เพื่อนร่วมทีม
จำได้ว่าเราพบ เซาธ์แฮมป์ตัน รอบรองชนะ ลีก คัพ ( ม.ค. 2017) วันนั้นผมนั่งสำรองที่ เซนต์ แมร์รี่ส์ เชื่อไหมฟอร์มของพี่เขาเรียกความสนใจมาก
เพราะอย่างที่ทุกคนทราบผมอยากเล่นตำแหน่งปราการหลังตัวกลางเป็นทุน เมื่อพอเห็นดาวเตะที่ยืนเซนเตอร์แล้วฟอร์มแจ่มก็มักถามตัวเองว่า - ทำอย่างไรถึงจะเก่งอย่างเขาได้? ทำไมทุกคนเอาแต่พูดถึงเขา? -
ก็เลยแอบสังเกตตั้งแต่อบอุ่นร่างกาย เอาในระยะสายตา ชัดเลยคือวางบอลยาวดี ทำหลายอย่างดูธรรมชาติ
ไม่ต่างกับนักเตะคนอื่นที่ชอบก็มักเปิดยูทูบ ศึกษาแนวทางการเล่น ซึ่งแต่ละคนก็ไม่สมบูรณ์บ้างขาดเรื่องการเคลื่อนที หรือบางรายยืนตำแหน่งดีแต่นุ่มนิ่ม แต่ เฟอร์กิล มีครบ
ดังนั้นพอทีมเซ็นหมอนั่นมาเลยทำผมปอดแหกว่าหมอโอกาสแจ้งเกิดแน่ๆ
เมื่อมีปรากาหลังตัวกลางคนใหม่เข้ามา เราต้องทำอย่างไรล่ะทีนี้เมื่ออยากชิงตำแหน่งตรงนั้นด้วย เอายังไงล่ะทีนี้ ยิ่งดูจากค่างวดที่จ่าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพี่แกคงยึดชอยส์แรกไปยาวๆ มันจึงกระอักกระอ่วนทีเดียว
แต่ในการซ้อม 2-3 วันแรก กลายเป็นว่าเข้าขากันได้อย่างรวดเร็วอาจเพราะผมสนิทกับ จินี่ ไวจ์นัลดุม (แข้งดัตช์) เขาจึงรับบทโซ่ข้อกลางละลายพฤติกรรมให้ ...
จากกลัวมาแย่งตำแหน่ง วันนี้ ฟาน ไดค์ คือคนสอนวิชา
มาถึงตอนนี้ผมกับ 'เวิร์จ' ซี้ระดับหนึ่งเลย
ก็เขาไปขอวิชาจากพี่เขาหลายเรื่องทั้งฟุตบอลหรืออื่นๆ ซึ่งหมอนั่นพร้อมเผยไม่มีกั๊ก
เรื่องน่าปลื้มใจอีกอย่างคือครั้งแรกๆที่เรายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กัน แบบไม่เคยซ้อมก่อน แต่พอเล่นเคียงข้างแล้วมันทำให้มั่นใจ เชื่อว่าจะรับมือคู่แข่งได้
อันที่จริงไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักฟุตบอลคนหนึ่งเข้ามาแล้วจะสร้างอิทธิพลในสโมสรได้มากอย่างเขา
ตลอด 12 เดือนทีผ่านมา ทุกอย่างที่หมอนั่นไม่มีข้อกังขาเลย แสดงให้เห็นว่า เฟอร์กิล เจ๋งแค่ไหน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT