5ปีผ่านไปซัวเรซไม่ใช่คนเดิม
'หงส์แดง' โคจรมาพบกับ บาร์ซ่า สังกัดปัจจุบันของ ซัวเรซ ในรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า ชปล. โดยจะโม่แข้ง 2 นัด เริ่มจากที่ คัมป์ นู วันที่ 1 พ.ค. จากนั้นหนึ่งสัปดาห์สลับแข่ง ณ แอนฟิลด์
อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล ปัจจุบันไปสวมเครื่องแบบ 'เลือดหมู-น้ำเงิน' สองคนคือ ซัวเรซ กับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ แถมขาใหญ่อุรุกวัยยังกล้าขู่เราว่าลืมเรื่องบุญคุณก่อนเก่า
มิตรภาพไม่มีบนสนามหญ้า
ยิ่งมีคำมั่นสัญญาจาก ลีโอเล เมสซี่ กัปตัน บาร์เซโลน่า คนปัจจุบันไปรับปากแฟนบอลตอนปรีซีซั่น 2018 ว่าจะนำเกียรติยศสำคัญคืนสู่คัมป์ นู ดังนั้น ซัวเรซ จึงอยากให้ ลิเวอร์พูล เป็นแค่ทางผ่านก่อนถึงนัดชิงฯ ณ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่
"เอาจริงผมไม่ทราบเรื่องที่ เมสซี่ ไปพูดอะไรไว้ตอนนั้น แต่มันโดนเอามาอำภายหลัง - เฮ้ย! นายไปรับปากมั่วซั่วแบบนั้นก็รับผิดชอบคำพูดด้วย - " อดีตดาวยิงร้ายก็รักของ ลิเวอร์พูล ให้สัมภาษณ์ 'เดลี่ เมล'
เมสซี่ กับ ซัวเรซ สิทกันมาก
หัวหอกเบอร์#9 คนปัจจุบันของ บาร์ซ่า ยังพูดถึงผลงานในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ที่พบ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้วเอาชนะได้ 1-0 ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด ว่าควรเป็นเครดิตทำประตูของเขา มากกว่าให้เป็นการสกัดเข้าโกลตัวเองโดย ลุ้ก ชอว์
"ผมนับมันด้วยนะ" ซัวเรซ ปล่อยฮา
"เพราะหากไม่แฉลบหมอนั่นลูกก็จะเสียบเสาไกลอยู่ดี เอาจริงๆผมคำนึงว่านี่ควรเป็นสกอร์ที่ตัวเองทำได้"
"ทั้งนี้ฐานะอดีตผู้เล่น ลิเวอร์พูล มันสะใจที่ไปพังตาข่ายถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด แล้วเขี่ยพวกนั้นพ้นทาง แฟนบอล 'เดอะ ค็อป' ดีใจเรื่องนั้น แต่มาเวลานี้พวกเขาอาจต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อเผชิญหน้าทีมเรา"
มองข้ามช็อตไปถึงรอบรองฯ นัดสอง ที่แอนฟิลด์ เจ้าตัวบอกว่าเป็นความรูสึกหวาน-ขม ทางหนึ่งก็แปลกๆ แต่อีกทางก็คงปลาบปลื้มที่ได้กลับมาเล่นฟุตบอลยุโรปในสนามที่ครั้งหนึ่งเรียกว่าบ้านจนถึงปี 2014
อดีตกองหน้าร้ายก็รักของ ลิเวอร์พูล
"ผมค่อนข้างโชคดีที่มีประสบการณ์ยอดเยี่ยมกับทุกสโมสรที่เคยค้าแข้ง อย่าง นาซิอองนาล ที่บ้านเกิดประเทศอุรุกวัย กระทั่งย้ายมายุโรปเพาะบ่มฝีเท้ากับ อาแจ็กซ์ ที่นั่นผลักดันให้ก้าวมาเป็นดาวเตะคุณภาพอีกขั้นส่งต่อสู่ ลิเวอร์พูล"
"ที่ ลิเวอร์พูล ผมได้ตระหนักว่าตัวเองหอมรวมกัลสโมสรก้าวเป็นผู้เล่นระดับโลก องค์กรนี้ทำให้ผมทราบว่าสามารถผลักดันตัวเองไปอีกขั้น เติบโต และเปี่ยมสุขในทุกๆอย่าง ส่วนหนึ่งเพราะมีเวลาอยู่กับลูกๆด้วย"
ปกติพวกเขามักไม่ค่อยไปดูเกม ยูฟ่า ชปล. แต่กับสนาม แอนฟิลด์ ซัวเรซ บอกว่ามันมีมนต์จนลูกอ่อน-เมียรักอยากสัมผัส
"ได้คุยกับภรรยา โซฟี เรื่องจะพาเข้าสนาม แอนฟิลด์ ( 7 พ.ค.) แล้วลูกๆได้ยิน พวกเขาบอกว่า - เราไปด้วย - ดังนั้นก็ต้องกระเตงไปกันหมด ลูกสองคนแรก บวกคนเล็ก 'โลตี' เพิ่งอายุแค่ 6 เดือนเอง"
พูดถึงการเติบโตของทายาทบ้าง เวลานี้ เบนฆามีน ลูกชายวัย 6 ขวบเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ฉายแววความเป็นนักเตะออกมาแล้ว ซึ่ง ซัวเรซ กล่าวอย่างภูมิใจว่าไอ้ทายาทคนนี้ก็เข้าสนามบอลแห่งแรกคือ แอนฟิลด์ สเตเดี้ยม
ผลงานเปรียบเทียบเมื่อเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล กับ บาร์เซโลน่า
"ตอนนั้นเขายังเด็กมากขณะผมเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล อย่างไรก็ตามในห้วงความทรงจำไอ้ลูกชายก็รู้ว่า แอนฟิลด์ คือสังเวียนลูกหนังแห่งแรกที่เขาได้สัมผัสในชีวิต"
"ส่วนพี่สาวคนโต เดลฟีน่า (Delfina คือการนำชื่อสนาม Anfield มาจัดเรียงใหม่) - ก็เติบโตที่เมืองนั้น เธอรู้สึกประทับใจกับบรรยากาศของเกมฟุตบอลก็เพราะ แอนฟิลด์ ยังคงจดจำเมื่อแฟนบอลร้องเพลง 'ยู วิลล์ เนเวอร์ วอล์ก อโลน' ได้อยู่เลย มันประทับใจไม่ลืม"
ภารกิจสำคัญวันที่ 7 พ.ค.คือ ซัวเรซ จะพาลูกสาวไปสวัสดี เรย์ ฮิวจ์ตัน เจ้าหน้าที่โรงครัวสโมสร ซึ่งคอยช่วยดูแลเธอเวลาตามคุณพ่อมามาทำงาน
กลับมาที่คุณพ่อหลังออกจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่ บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จมากมาย จ่อเป็นแชมป์ ลา ลีกา สมัยที่ 4, เก็บโกปา เดล เรย์ ไปแล้ว 3 ครั้ง, หนึ่ง ยูฟ่า ชปล. และก้าวสู่ดาวยิงมากสุดตลอดกาลอันดับสามสโมสร (เฉพาะในลีก)
ทั้งหมดอาจไม่เกิดหากยังเป็น 'หงส์แดง'
"ผมได้แชมป์นับไม่ถ้วน - มากเกินที่คาดไว้เสียอีก - แต่ทั้งนี้มันคือพันธกิจเมื่อคุณเล่นให้สโมสรแห่งนี้ ส่วนตำแหน่งดาวซัลโวมากสุดตลอดกาลอันดับสามทีม เฉพาะใน ลา ลีกา ใครจะกล้าจินตนาการ! เมื่อคลับฟุตบอลแห่งนี้มียอดแข้งมากมายผ่านมาร่วมงานคนแล้วคนเล่า"
"ส่วนตัวคิดว่าสร้างผลงานดี คิดว่าตัวเองคู่ควรกับตำแหน่งเสื้อแข่งเบอร์ 9"
"ผมคือนักเตะคนเดียวในยุโรป ที่ไม่สามารถหาได้จากไหนเมื่อวัดคมกับนักเตะอย่าง เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แย่งตำแหน่งรองเท้าทองคำ ... แล้วไม่ได้โวนะตัวเองเหนือกว่าทั้งคู่ตั้งสองหน"
รวมพลัง 3 แสบ (จากซ้าย) เนย์มาร์, ซัวเรซ และ เมสซี่
อายุที่มากขึ้น ลงแข่งซีซั่นแล้ว ซีซั่นเล่า ซัวเรซ โดนติงว่าช้าลง - แกอ้วนขึ้นนะ
"ใครมันจะพูดอะไรก็ได้ ผมขำๆ คุณต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเสียงวิจารณ์ อาจมี 2 นัดที่เราเล่นไม่ดีแล้วถูกจับผิดว่า - วิ่งไม่ออกแล้ว - พวกขาแซะ ตั้งมาตรฐานสูงมาก"
การมาเล่นกับ บาร์เซโลน่า แน่นอนว่าเรื่องหนึ่งที่โดนกังขาคือ - ยอมตกใต้ร่มเงา เมสซี่ จริงหรือ? -
"ตอนมาอยู่กับทีมแรกๆ ก็ทราบว่าเรามี เนย์มาร์ จูเนียร์ รวมถึง เมสซี่ ก็บอกตัวเองว่า - เราต้องทุ่มเทกว่าเก่า รับงานสกปรกแล้ว - "
"เราก็มีภาระป่วนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟคู่แข่ง เคลื่นที่ไปยังตำแหน่งที่ปราการหลังตัวกลางคนหนึ่งไม่ทราบว่าเราย่องมา โดยจะมีอีกคนตามประกบ ปล่อยให้พวกเขา เนย์มาร์ หรือ เมลซี่ ได้เจอสถานการณ์ดวลตัว-ต่อ-ตัว แล้วพอเป็นแบบนั้นทั้งคู่ลูบปากเพราะเอาชนะสบาย"
วนคืนสู่ประสบการณ์กับ ลิเวอร์พูล บ้าง หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมชาวคณะเมื่อปี 2014 เกือบมีส่วนพาทีมปลดล็อคได้แชมป์ลีกที่รอคอย ทว่ากลับมายางแตกโค้งสุดท้าย
นับเป็นประสบการณ์แสนเจ็บปวดครั้งหนึ่งทีเดียว
ซัวเรซ เกือบแชมป์ลีกปี 2014
"คิดว่าสถานะของทีมชุดนั้น กับชุดปัจจุบันแตกต่างกัน เพราะสมัยผมเล่นปีสุดท้ายลักษณะคือ - หากไม่ได้แชมป์ซีซั่นนี้ก็ไม่มีขุมกำลังกลุ่มนี้อีกแล้ว - " ซัวเรซ อธิบาย
"แต่กับนักเตะชุดปัจจุบันนี่เพิ่งฟอร์มทัพจนลงตัว ก้าวสู่สถานะลุ้นแชมป์เป็นปีที่สอง มันคือการต่อยอดมาจากซีซั่นก่อนที่ผ่านถึงรอบชิงฯ ยูฟ่า ชปล. นักเตะเก๋าขึ้น ทราบว่าต้องรับมือเกมยากอย่างไร"
"ทว่าย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อน เราจัดการสถานการณ์ไม่ค่อยดี อย่างเรื่องที่เกิดกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลื่นทำบอลหลุด) คือโชคร้าย มันโดนจดจำมาถึงตอนนี้แต่นั่นแค่นัดหนึ่ง ยังมีเกมพบ คริสตัล พาเลซ ( นำก่อน 3-0 แต่โดนตีเสมอ 3-3 ในเวลา 11 นาที) อีกด้วย"
"ทีมกังวล ว่าต้องยิงให้เยอะเข้าไว้ เดินหน้าฆ่ามันแม้สกอร์นำห่าง 3-0 เพราะคาดว่าตำแหน่งแชมป์อาจตัดสินด้วยผลต่างปะตูได้-เสีย กระทั่งสร้างความผิดพลาด นิยามมันน่าจะเรียกว่า - กระดูกไม่แกร่งพอ - "
"แต่กับตอนนี้ เชื่อว่าพวกชุดปัจจุบันเล่นด้วยความนิ่ง เก็บชัยกดดัน แมนฯ ซิตี้ ไปก่อนทั้งสองนัด ปล่อยให้ทีมแย่งแชมป์เป็นผู้ไล่ล่า ทั้งเมื่อกลางสัปดาห์ จนถึงอาทิตย์นี้"
"ประสบการณ์ความล้มเหลวเมื่อปีก่อนสอนน้องๆ มันทำให้คุณแกร่งขึ้น นักเตะทราบว่าเรื่องใดควรทำ เรื่องใดต้องระวัง เข้าใจภาพรวม จับทางได้"
แรงดึงดูดของสโมสรก็เป็นอีกประการที่ทำให้การลุ้นแชมป์ของทีมชุดปัจจุบัน กับเมื่อ 5 ปีก่อนต่างกัน
ซัวเรซ กรีดเลือดเป็นเลือดหมู-น้ำเงิน
"เวลานี้นักเตะคนไหนก็ต่างอยากมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล จำได้เลยตอนอยู่กับพวกเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ แตกต่างกันมาก"
"เราต้องสู้เพื่อแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยขุมกำลังที่ด้อยกว่าชุดปัจจุบัน สโมสรไม่กล้าทุ่มขนาดนี้ กล้าพูดเลยว่าหากปีนั้นเราได้แชมป์ลีก มันจะยิ่งใหญ่กว่าความสำเร็จ ค.ศ.2019 แน่ๆ"
คำพูดนี้เหมือนสื่อความหมายว่า ซัวเรซ แห่ง ลิเวอร์พูล เป็นแค่อดีตไปแล้ว เวลานี้เขาคือ ซัวเรซ ของ บาร์เซโลน่า เท่านั้น
"เป็นการโหมโรงก่อนเกมที่ดีเมื่อพูดถึงสโมสรเก่า พวกเขามอบทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญกับผมมากแค่ไหน แต่พวกคุณก็รู้จักผมดี เพราะเมื่อลงโม่แข้งบนสนามไม่มีคำว่ามิตรภาพ ไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งนั้น ไม่มีคำว่าบุญคุณ"
"ผมจะปกป้องสีเสื้อแห่ง บาร์เซโลน่า ด้วยเกียรติยศสูงสุดของคนๆหนึ่ง"
เมื่อ ซัวเรซ ประกาศเอาจริงถึงเกมเลกแรกที่จะเกิดขึ้น 1 พ.ค.นี้ เราก็แช่งให้มันโดน เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ หวดจนปลิวเลยละกัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT