ชีวิตไม่เคยง่ายของโกลผิวสี

อย่างไรก็ตามชีวิตของจอมหนึบวัย 23 ปี ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อต้องจากบ้านเกิดที่แคเมอรูนมาเผชิญโชคบนแผ่นดินยุโรป 

ปัจจัยสำคัญคือการเป็รผู้เล่นแอฟริกัน ผิวดำ ที่โดนจ้องจับผิด คือสิ่งที่สอนใจ โอนาน่า ว่าต้องทุ่มเทหนักกว่าคนอื่นเป็น 2-3 เท่า 

"เอาจริงๆ ผมไม่เห็นความแตกต่างระหว่างนายด่านผิวขาว กับนายด่านผิวดำตรงไหนเลย" เจ้าของส่วนสัด 6 ฟุต- 2 นิ้ว กล่าวกับ 'บีบีซี สปอร์ต' 

"เราก็เหมือนๆกัน - โกลผิวขาวสามารถก่อความผิดพลาดได้ โกลดำอย่างผมก็เช่นกัน ทุกคนต่างเคยผิดพลาดทั้งนั้น เพียงแต่ว่านายด่านผิวดำต้องเตรียมรับมือกับหลายสิ่งหลายอย่างให้ดีกว่า เนื่องจากอคติที่ฝั่งอยู่ทำให้หลายๆอย่างไม่เคยง่าย" 

โอนาน่า มีโอกาสเป็นผู้รักษาประตูที่ไม่ใช่คนขาวรายต่อไปซึ่งจะได้เล่นนัดชิงชนะเลิศ ยูซีแอล นับจาก ดีด้า นายด่านบราซิเลี่ยนของ เอซี มิลาน เมื่อปี 2007 กรณีว่า อาแจ็กซ์ สามารถโค่น ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในเกมเลกสองที่ โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ( 8 พ.ค.) 

ทั้งนี้มือกาวแคเมอรูนคือหนึ่งในนักเตะ 'แดง-ขาว' ที่ลงสนามให้ทีมทุกนาทีบนรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่รอบคัดเลือก รอบสอง 8 ก.ค. 2018 

https://twitter.com/AndreyOnana/status/1125114254984663044

เพิ่งได้แชมป์บอลถ้วย 'เคเอ็นวีบี' 

"ในวงการลูกหนังระดับสูง แทบไม่มีผู้รักษาประตูผิวดำเลย อาจเพราะคนส่วนใหญ่มีมายาคติว่า - โกลดำใจไม่นิ่ง หรือมักสร้างความผิดพลาดอยู่เสมอ - " 

"ส่วนตัวเห็นว่านี่คือเรื่องที่จะต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ การดูแคลนนายด่านผิวดำจึงเหมือนกำแพงอีกชั้น ขวางกั้นพวกเรากว่าจะปีนขึ้นสู่ระดับสูงได้ แต่สำหรับผมแล้วเวลานี้ไม่สำคัญอีกต่อไปว่าผิวสีอะไร ท้ายสุดกล้าพูดว่าตัวเองคือนายด่านฝีมือดี" 

จอมหนึบจากกาฬทวีปก้าวมาป็นมือหนึ่งของ อาแจ็กซ์ ตั้งแต่ปี 2016 หลังจากใช้เวลา 2 ซีซั่นพิสูจน์ตัวเองว่าดีกรีเด็กฝึกหัดค่าย บาร์เซโลน่า ไม่ใช่ขี้ไก่

จุดเริ่มต้นอาชีพบนยุโรปของ โอนาน่า ต้องขอบคุณ ซามูแอล เอโต้ ตำนานกองหน้าแคเมอรูน ที่เปิดโรงเรียนสอนฟุตบอลที่เมืองดูอาล่า เปิดโอกาสให้เด็กแอฟริกันได้พัฒนาศักยภาพ กระทั่งเจ้าหนุ่มวัยแค่ 14 ปี ได้หอบฝันมาเล่นกับทีมเยาวชนของ 'บาร์ซ่า' เมื่อค.ศ.2010 

แต่เพราะพัฒนาการหลายด้านไม่ผ่านเกณฑ์โรงเรียนลูกหนัง ลา มาเซีย เป็นเหตุให้ โอนาน่า ออกผจญภัยอีกครั้งมายังเนเธอร์แลนด์ 

ช่วงแรกเล่นอยู่กับเยาวชน อาแจ็กซ์ สองฤดูกาล 2014-16 ที่นี่เองสอนให้เขาเข้มแข็งขึ้น รวมถึงก้าวผ่านเสียงนินทาหรือคำวิจารณ์ 

ต้องขอบคุณแรงสนับสนุนจาก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ซีอีโอคนปัจจุบันที่ อาแจ็กซ์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเล่นอาชีพเป็นผู้รักษาประตู เคยให้ความช่วยเหลือหรือพัฒนาตัวเองใต้ชายคาแห่งนี้ 

ยึดมือหนึ่งอาแจ็กซ์ตั้งแต่ 2016 

"ระหว่างเราคุยกันบ่อยมากเมื่อทำก่อความผิดพลาด เพราะเมื่อทีมคุณชนะต่อให้ผู้รักษาประตูพลาดบ้างก็ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครอยากพูดถึงมัน" โกลหนุ่มกล่าวต่อ 

"ไม่มีใครอยากเป็นผู้แพ้ แต่บ้างครั้งเราต้องล้มบ้างเพื่อเป็นบทเรียน โดยเฉพาะเมื่อคุณเล่นในระดับสูงแล้ว ตำแหน่งผู้รักษาประตูความนิ่งสำคัญสุด" 

"อย่าสนว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น เพราะเมื่อคุณนิ่งพอก็ช่วยลดทอนความกดดันลงไปได้ อย่าคิดมากว่ารูปเกมเดือดเพียงใด ผ่อนคลายเข้าไว้ มีสมาธิกับตัวเอง" 

"เราจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของเกมเมื่อครองบอล คุณจะเป็นผู้ตัดสินหน้าตาการแข่งขันให้ออกมาแบบไหน" 

สกอร์จากเลกแรกที่ตุนมา 1-0 ทำให้ อาแจ็กซ์ มีโอกาสดีในการผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลระดับสโมสรรายการใหญ่สุดยุโรปอีกครั้งตั้งแต่ปี 1996 

โดยนายด่านหนุ่มกล้ายอมรับว่าไม่คิดไม่ฝันมาก่อน 

"ไม่มีใครคิดด้วยซ้ำว่าจะผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็ฝ่าฟันมาจนได้ ต้องสู้ต่อเพื่อเข้าชิงฯ และเป็นแชมป์" 

"ยิ่งเมื่อดูคู่ต่อกรล้วนบิ๊กเนมไม่ว่า บาเยิร์น มิวนิค กับ เบนฟิก้า รอบแบ่งกลุ่ม ต่อด้วย เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส" 

"นี่นับเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมคนหนุ่ม แต่ก็ยังมีโจทย์ยากสุดขวางอยู่ ส่วนตัวผมหวังจะทำมันให้สำเร็จ" 

ลีกระดับท็อปของยุโรปปัจจุบันแทบไม่มีผู้รักษาประตูมือหนึ่งเป็นคนดำ ทว่าในประวัติศาสตร์ลูกหนังแคเมอรูนได้สร้างนายด่านมือดีวาดลวดลายมากมาย 

โยเซป อองตวน เบลล์ คือจอมหนึบที่มาสร้างชื่อทศวรรษ'80 กับทีมใหญ่ของฝรั่งเศสอย่าง โอลิมปิก มาร์กเซล, บอร์กโดซ์ และ แซงต์-เอเตียน 

รุ่นต่อๆมาก็ ฌักส์ ซงโก้ ของ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า, โตมาส์ เอ็นโกโน่ หรือ คาร์ลอส กาเมนี่ ค่ายเอสปันญ่อล ในสเปน  

อนึ่งตะกูลของ โอนาน่า มีสายเลือดของผู้รักษาประตูอยู่เพราะ ฟาบรีซ องดาว ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เป็นโกลอยู่สโมสร ออสเทนเด้ ลีกเบลเยียม 

สโมสน บาร์เซโลน่า ยังเป็นเหมือนบ้านเสมอ

สำหรับความฝันสูงสุดของมือหนึ่งแห่ง โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า คือได้กลับไปเล่นยังสเปนอีกครั้ง ฐานะด่านสุดท้ายค่าย บาร์เซโลน่า สโมสรที่มอบโอกาสให้แก่เขาได้สัมผัสประสบการณ์ต่างแดนครั้งแรก 

"บาร์เซโลน่า ยังให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเสมอ ทุกครั้งที่ได้กลับไปประตูรั้วมันเปิดต้อนรับ บางทีอาจเพราะผมเล่นกับทีมนั้นตั้งแต่เยาวชน" 

"นักเตะทุกล้วนอยากไปเล่นให้ 'บาร์ซ่า' เพราะคือทีมใหญ่ แต่กับผมสิ่งสำคัญสุดคือได้เฝ้าเสา มีความสุขเสมอเมื่อลงสนาม ดังนั้นจะพยายามรักษามาตรฐานไม่ว่าเล่นที่ไหน แต่หากเป็น บาร์ซ่า ก็น่าจะดีคูณสอง" 

โอนาน่า มีโอกาสสร้างดราม่าเจอกับ บาร์ซ่า นัดชิงฯ หาก อาแจ็กซ์ ของเขาหักด่าน ท็อตแน่ม 

ส่วนขุนพล 'เลือดหมู-น้ำเงิน' ก็ต้องถาม ลิเวอร์พูล ก่อนว่าอนุญาตหรือเปล่า?