บทความสั่งลา'โรโบเคร้าช์'
ผมมีเวลากว่า 23 ปีในวงการเพื่อเตรียมตัวก่อนถึงโมเมนต์นี้ แต่เมื่อมาถึงจริงๆ คุณจะตระหนักเลยว่าจัดแจงมาแค่ไหนก็ไม่ดีพอ
ถึงเวลาที่จะนิยามตัวเองว่าเป็น 'อดีตนักฟุตบอล' ได้เสียที - นับเป็นการเดินทางอันน่าทึ่งนับตั้งแต่เข้าวงการตอนอายุ 16 ขวบ
เอาจริงความตั้งใจคืออยากเล่นถึงอายุ 40 กะรัต คงเพราะกลัวที่ต้องกล่าวคำว่า - รีไทร์ - เพราะมันทำให้ผมอารมณ์อ่อนไหว รวมถึงรู้สึกแปลกเนื่องจากยังไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับบทบาทใหม่ ยิ่งสภาวะการตลอด 2-3 ซีซั่นหลัง มันทำให้ผมแน่วแน่ว่าการแขวนสตั๊ดคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เบิร์นลี่ย์ ทีมสุดท้ายอาชีพ เคร้าช์
เพราะจากเคยเป็นผู้เล่นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ กลับโดนจำกัดเวลาลงสนามราว 10-15 นาที โดยต้องรอโอกาสข้างสนาม มันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับได้ อีกทั้งมกราคมนี้ก็จะอายุ 39 ปีแล้ว แม้ร่างกายเราจะยังฟิตพอ ประคับประคองให้ลงแข่งเต็มๆไหว
แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเอง เป็นไอ้ผู้เล่นคนหนึ่งที่ถูกส่งลงไปแข่งแล้วทำเสียบอล
ดังนั้นการประกาศรีไทร์มันจึงความรู้สึกเหลือเชื่อมาก ยิ่งเมื่อเราเพิ่งได้ทายาทคนที่สี่อย่างเจ้าหนูแจ็คมาสู่ครอบครัว ความโกลาหลอันเปี่ยมสุขกำลังมาเยือนเมื่อมีเด็กแรกเกิด แล้วหมายความว่าก็ยากจะปลีกตัวให้กลับไปซ้อมปรีซีซั่น - ชีวิตก็คงวุ่นวายขึ้นในอีกแบบ
อนึ่งก็ทราบว่ามันต้องมีจุดที่ทำให้เราสะอึก เพราะฟุตบอลมันเปิดโลกใหม่ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ย้อนไปตอนพังสกอร์แรกในเมือง เฮย์ส กับทัวร์นาเมนต์รากหญ้าขณะอายุไม่ถึง 10 ขวบ แล้วก็เพราะการหวดลูกหนังนี่เองสานฝันของเราให้เป็นจริง
กับภรรยาคนสวยมีลูกด้วยกัน 4 หน่อแล้ว
มีโอกาสหวนนึกถึงเมื่อ 17 ขวบ เป็นนักเตะฝึกหัดที่ ท็อตแน่ม แล้วมีกองหน้าอีก 10 คน แย่งชิงโอกาสอยู่เหนือผม ขวางเส้นทางก้าวขึ้นชุดใหญ่ ทางต้นสังกัดจึงส่งออกไปเล่นยืมตัวกับ ดัลวิช แฮมเล็ต จากนั้นผจญภัยสู่สโมสร ไอเอฟเค แฮสเซิ่ล โฮล์ม ในสวีเดน - ด้วยความสัตย์จริงกล้าพนันเลยว่าไม่มีใครเชื่อจากตัวพเนจรจะสามารถมายืนจุดนี้ได้
หากคุณมาบอกผมตอนนั้นว่าแกจะติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ 42 นัด กดไปถึง 22 สกอร์, ได้เล่นนัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ฐานะ ลิเวอร์พูล และยิงประตูช่วย ท็อตแน่ม กลับไปเล่นรายการ ยูโรปเปี้ยน คัพ อีกครั้งในรอบ 4 ทศวรรษ ก็คงคิดว่าไอ้นั่นมันเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
กระทั่งเรื่องเหล่านั้นมาถึง แล้วมันดันเกิดขึ้น ยังจำได้ว่ามีโอกาสนั่งคุยกับคุณพ่อตอนติดธงทีมชาติอังกฤษ ถึงเรื่องราวต่างๆประดังเข้ามา พูดถึงเสื้อแข่ง 'สิงโตคำราม' เบอร์ 9 ซึ่งเด็กทุกคนที่เล่นฟุตบอลในประเทศนี้ต่างอยากสวมใส่แล้ววันหนึ่งได้ผมรับมอบมัน
มันเกิดขึ้นจริง! ผมสวมเจอร์ซี่ย์เบอร์ 9 ในช่วงเที่ยงวันเดียวกับที่เพิ่งคุยกับคุณพ่อจบ
ลีลา 'โรโบเคร้าช์' อันเป็นเอกลักษณ์
บอกเลยว่าตัวเองวาสนาดี ถูกผู้คนจำจำมากแค่ไหน สนุกมาแค่ไหนตลอดอาชีพในทุกๆค่าย ซึ่งมีโอกาสร่วมงาน เป็นที่รัก สนิทสนนกับแฟนบอล แถมเมื่อเราพังตาข่ายแก่ต้นสังกัดซึ่งพวกเขาหนุนหลัง ก็ยิ่งมีความสุข
ไล่มาเลยตั้งแต่ คิวพีอาร์ ถึง นอริช, แอสตัน วิลล่า, เซาธ์แฮป์ตัน, ท็อตแน่ม, ลิเวอร์พูล, สโต๊ค และ เบิร์นลี่ย์ - อยากบอกไว้ว่าที่กล่าวเรายังไม่ได้ตัดกันขาด จะหาทางอยู่ในวงการลูกหนังต่อไป แล้วหาโอกาสไปดูเกมของทุกๆทีมให้ครบในฤดูกาลหน้า
อนึ่งกับ เบิร์นลี่ย์ เป็นสังกัดที่ทำให้ตัวเองต้องมาคิดจริงจังเรื่องยุติเส้นทาง เนื่องจากแทบไม่มีบทบาทนับตั้งแต่ไปร่วมงานเมื่อ ม.ค.2019 แต่ผมก็ยังรู้สึกดีที่เลือกซบ เพราะ ผจก.ทีม ฌอน ไดซ์ คือระดับท็อปของวงการ เพื่อนๆร่วมทัพก็เปี่ยมคุณภาพ มีการตระเตรียมทำงานอย่างน่าทึ่ง สนุกทุกครั้งเมื่อไปซ้อม นับเป็นองค์กรอันยอดเยี่ยม
ลำดับต่อไปคือการเปลี่ยนผ่านจากสนามฟุตบอลมาเป็นคนปกติ ก็คิดว่าคงง่ายดายสำหรับตัวเอง เพราะมีหลายโปรเจคต์รออยู่แล้วคงยุ่งทีเดียว เชื่อมั่นได้เลยไม่หายหน้าไปไหนเพราะอย่างน้อยก็มาเขียนคอลัมน์สิ่ง 'สปอร์ตเมล' ในทุกๆสัปดาห์ตลอดซีซั่นอยู่แล้ว
ต้องขอบคุณทุกโอกาสที่มอบให้ จนสามารถตัดสินใจปิดเส้นทางลูกหนังลงได้ เพราะเคยเห็นเพื่อนร่วมวงการฟุตบอลคนอื่นพอเลิกเล่นแล้วไม่มีอะไรทำ จนชีวิตติดหล่มยากปรับตัว
นั่นเพราะโลกของฟุตบอลมันช่างดีเหลือเกิน จึงเข้าใจว่าพอต้องตัดขาดส่งผลให้บางคนเกิดภาวะซึมเศร้าเมื่อแขวนสตั๊ด
ฐานะมืออาชีพไม่มีวันไม่เลิกลา ก็นับว่าประสบการณ์ตลอด 23 ปีที่ผ่านมาคุ้มแล้ว ณ บัดนาวผมกำลังตกแต่งห้องทำงานอยู่ กำลังคิดว่าจะจัดวางรูปในละช่วงเวลาส่วนไหนของผนังดี แล้วแต่ละภาพก็มีความหมายทั้งสิ้น
เกียรติยศแชมป์เอฟเอ คัพ
ไม่ว่ารูปเมื่อครั้งเล่นกับ ลิเวอร์พูล ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2007, ภาพตัวผมเล่นนามทีมชาติอังกฤษ ในเวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย, สกอร์แรกที่ทำได้ฐานะนักเตะ คิวพีอาร์ เกมพบ จิลลิ่งแฮม เมื่อ ก.ย.ปี 2000 หรือ ตอนได้แชมป์ เอฟเอ คัพ
สำหรับการสะสมเสื้อแข่งไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองสนใจแต่แรก แต่สิ่งที่ผมทำคือสะสมความทรงจำ แล้วก็มีเรื่องเอาไว้เล่าให้ลูกๆได้ฟังมากมาย
อดีตนักฟุตบอลคนนี้จะไปใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว มันถึงเวลาเขียนบทต่อไปเสียที
..................................
5 ประตูสุดโปรดตลอดกาล
1 – วอลเล่ย์ตุงตาข่ายใส่ แมนฯ ซิตี้ ครั้งเป็นผู้เล่น สโต๊ค ( 24 มี.ค. 2012)
2 – จักรยานอากาศพังประตู กาลาตาซาราย เมื่อสวมเครื่องแบบ ลิเวอร์พูล ( 27 ก.ย. 2006 )
3 – ฐานะ ลิเวอร์พูล ยิงบอลเท้าซ้ายเป็นสกอร์แฮตทริกใส่ อาร์เซน่อล ต่อหน้าอัฒจันทร์ เดอะ ค็อป เอนด์ ( 31 มี.ค. 2007)
พังตาข่ายพา ท็อตแน่ม ไปเตะ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งรอบ 40 ปี
4 – จักรยานอากาศพังประตู สโต๊ค ซิตี้ โดยขณะนั้นเล่นให้ ปอร์ทสมัธ ( 5 ต.ค.2008 )
5 – ยิงประตู แมนฯ ซิตี้ มีส่วนพา ท็อตแน่ม กลับไปเตะ แชมเปี้ยนส์ ลีก ( 5 ม.ค. 2010)
..................................
ดรีม ทีม : ผู้เล่นที่เคยเป็นทีมเมต ( 4-3-3)
เปเป้ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, แล็ดลี่ย์ คิง, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - ลูก้า โมดริช, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาบี อลอนโซ่ - เวย์น รูนี่ย์, เฟร์นานโด ตอร์เรส, แกเร็ธ เบล
ดรีมทีมของ เคร้าช์
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT