มุมมองต่อเรื่องหงส์ที่เปลี่ยนไป
คำถามแรกมันเกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูล?
เพราะเอาตั้งแต่ชนะ แบร้ดฟอร์ด 3-1 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผลงานต่อมาตลอด 3 นัดในการทัวร์สหรัฐฯ จัดว่าน่าผิดหวังทั้งการพ่าย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบเกมป้องกันรั่ว, ถูก เซบีย่า 10 คน ทุบดิ้นนาทีท้ายๆ, เจ๊ากับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน
แล้วสดๆร้อนๆ เพิ่งโดน นาโปลี ไล่อัด 3 สกอร์ เมื่อเดินทางมาเล่นยังสกอตแลนด์ช่วงสุดสัปดาห์
ไล่เรียงทีละประเด็นเอาเกมรุกก่อน เพราะ 360 นาทีหลังยิงได้ 5 สกอร์ (เฉลี่ยเกมละ 1.25 ลูก) นับว่าผิดธรรมชาติ 'หงส์แดง' แต่ก็พอเข้าใจว่าขาด 3 เจ๋งอย่าง โม ซาลาห์, บ็อบบี้ ฟีร์มีโน่ หรือ ซาดิโอ มาเน่
อาลีสซง เบ็คเกอร์ ที่แฟนบอลคิดถึง
ยิ่งเมื่อ เซอร์ดาน ชิกิรี่ เดี้ยงอีกหน่อ เราจึงเห็น ผจก.ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ ผ่าทางตันดันเอา จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม กองกลางอาชีพขึ้นไปยืนกองหน้า!
เชื่อว่าเมื่อ 3 พระกาฬ สมบูรณ์กลับมา ความลงล็อค ธรรมชาติเกมบุกคงลงตัวขึ้น
เรื่องน่าเพลียจิตอยู่ที่หลังบ้านมากกว่า เพราะเอาจริงๆขุมกำลังพร้อมหน้าขาดแค่นายด่าน อาลีสซง เบ็คเกอร์ แต่มาตรฐานสุดแกร่งตลอดซีซั่นก่อนหายหมดโดนล่อ 10 สกอร์แบบน่าอาย
ทั้งๆที่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ บัญชาการ ทั้งๆที่ 2 ฟูลแบ็กตัวจริง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงปล่อยของ
แต่เพราะขาดสมาธิหรือยังหลงระเริงกับตำแหน่งแชมป์ ชปล.หาทราบได้ กำแพงหินที่เคยเสียแค่ 22 สกอร์เมื่อซีซั่น 2018-19 เปื่อยยุ่ยเหมือนทิชชู่เปียกน้ำ พร้อมเสียประตูทุกเมื่อ ชัดๆเลยเกมพบ นาโปลี โดน ลอเรนโซ่ อินซิเย่ เผาเละ
นิยามทรงบอลของ 'หงส์แดง' คือเหยาะแหยะ เพราะครองบอลได้ก็จริงแต่ขาดจังหวะจะโคนสำหรับเข้าสร้างความอันตรายแก่คู่แข่ง แล้วมันคือหนังม้วนเดิมจากในเกมพ่าย เซบีย่า เมื่อสัปดาห์ก่อน
ฝากการบ้าน 2 ข้อให้ไปแก้ไขคือสมาธิในเกมรับ กับ ทีเด็ดทีขาดในการเข้าทำ
คล็อปป์ กล่าวทักทายกลุ่ม 4 เอาต์ฟิลด์ที่เพิ่งรายงานตัว
คำถามสองทำไม ลิเวอร์พูล สปีดเกมตกลง?
ได้คำตอบเดิมๆจากปาก คล็อปป์ คือพี่แกอ้างเรื่อง ลิเวอร์พูล เริ่มเตะปรี-ซีซั่นก่อนชาวบ้าน (ราวต้น ก.ค.) แล้วการซ้อมของ 'เจเค' ก็โหดและเข้มข้นมาก จนหนูๆน้องๆ ลิ้นห้อยอ่อนเปลี้ย
ทั้งนี้แคมป์เฟสสุดท้ายที่ เอวิย็อง ประเทศฝรั่งเศส จะผ่อนคลายลงมา ไม่บ้าพลังเหมือนก่อนนั้น
"นาโปลี (คู่แข่งรายล่าสุด) เขาเริ่มปรี-ซีซั่นในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ฤดูกาลจริงๆของพวกเขาเปิดก็ 24 ส.ค. หรือคล้อยหลัง ลิเวอร์พูล กว่าสองสัปดาห์ -ดังนั้นโปรแกรมของค่ายนั้นจึงค่อยเป็นค่อยไป ไม่โหดอย่างเรา" ข้ออ้างของ 'เจเค'
"พวกเขาสามารถไต่ระดับความเข้มข้น ต่างกับเราเวลาเตรียมตัวจำกัดเพียง 4 สัปดาห์ ก็ต้องพร้อมแล้ว ดังนั้นผมจึงต้องยัดหลักสูตรเร่งรัด แล้วก็เปลี่ยนแปลงให้เบาลงไม่ได้"
ไม่ใช่โค้ชนักเลง แค่ใส่กางเกงนักมวย
"ตลอด 3 วีกแรกต้องเข้มข้น ต้องโหด ต้องหนัก ดังนั้นแต่ละเกมที่ฟาดเกือกอุ่นเครื่องสภาพร่างกายจึงแล้วแต่หน้างาน"
"อนึ่งแคมป์ เอวิย็อง ผมจึงบอกเลยว่าคือสัปดาห์หัวเลี้ยวหัวต่อของซีซั่นใหม่ แล้วจากนั้นหลังเกมพบ แมนฯ ซิตี้ (คอมมิวนิตี้ ชีลด์/ 4 ส.ค.) เหลือเวลา 5 วัน รอเปิดฤดูกาลพบ นอริช ( 9 ส.ค.)"
คำถามสุดท้ายคือผลงานปรี-ซีซั่นบอกว่าลิเวอร์พูลจะล้มเหลวในฤดูกาลใหม่หรือเปล่า?
มองแล้วก็ยังตอบยาก เพราะหากวัดเฉพาะช่วง คล็อปป์ กุมบังเหียนเต็มตัวในซัมเมอร์ 2016 เวลาเจอทีมแกร่งๆ 'หงส์แดง' พังประจำ เพิ่งมีปรี-ซั่น 2018 ที่ไร้พ่าย
แต่สิ่งที่บอกได้แน่นอนคือกองเชียร์ไม่ต้องวิตก เนื่องจากทรงบอลทีมเราดีเป็นทุน อีกทั้งโปรแกรมช่วงเปิดฤดูกาลใหม่ก็เบา
พวกเพิ่งมาสมทบแคมป์แรกโดนจับวิ่งเรียกฟิตเป็นสิ่งแรกเมื่อถึงเอวิย็อง
ถือโอกาสนั้นเอาจริง จูนระบบให้นิ่ง เก็บผลชนะสร้างความมั่นใจ แล้วค่อยต่อยอด
ส่วนแมตช์ชิงโล่การกุศลกับ แมนฯ ซิตี้ ไม่จำเป็นต้องหวังผล ขอแค่เห็นตัวหลักกลับมาลงแข่ง, ยืนระยะระดับ 70 นาที ก็นับว่าน่าพอใจ แล้วที่สำคัญอย่ามีใครเจ็บเนื่องจากซีซั่น 2019-20 เราโม่เกือกกว่า 60 แมตช์ทุกรายการ
สรุปแล้วคือ 'เดอะ ค็อป' ไม่ต้องกังวล บางทีการออกทะเลตั้งแต่ปรี-ซีซั่น ถือเป็นการดับห้าวของพวกหลงระเริงตำแหน่งแชมป์ ชปล.ให้มุ่งมั่นทำงานหนัก เจียมเนื้อ เจียมตัว รอปล่อยของใส่ นอริช
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT