สภาพหงส์แดงจากแมตช์5ชิงโล่หนหลัง
การได้เล่นแมตช์ชิงโล่ โดยปกติแล้วหมายถึงคุณต้องได้แชมป์ใด แชมป์หนึ่งระหว่าง พรีเมียร์ลีก หรือ เอฟเอ คัพ เมื่อซีซั่นก่อน แต่เนื่องเพราะไอ้ แมนฯ ซิตี้ มันดันเหมาหมดดังนั้นคู่ต่อกรที่สมน้ำ สมเนื้อสุดคืออันดับสองของตารางคะแนน
... ทีมเราเองนี่หว่า ตามก้นแบบน่าเจ็บใจแต้มเดียว พูดแล้วก็ยังแค้น
พูดถึงศึกชิงโล่การกุศล ลิเวอร์พูล เคยได้ตำแหน่งแชมป์ 15 ครั้ง ( แชมป์ร่วม 5 หน) นับตั้งแต่หยิบมาหนแรกปี 1964
แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ กับชาวคณะมีโอกาสเพิ่มเป็นหนที่ 16? กรณีว่าสยบโค้ชจอมโอหังอย่าง โจเซป กวาร์ดิโอล่า ลงได้ที่เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม
เอาฤกษ์เอาชัยหลังจากไม่มีถาดมาประดับตู้โชว์ใต้ถุนสนามแอนฟิลด์กว่า 13 ปี!!
ทีนี้ก็ลองไปไล่เรียงดูหน่อยว่าห้าหนหลังที่เราได้รับเกียรติโม่เกือก ตอนจบดีหรือร้ายอย่างไร
ครองโล่การกุศลครั้งล่าสุดกว่า 13 ปีมาแล้ว
ลิเวอร์พูล 2-1 เชลซี ( 2006)
ก่อนเปิดฉากฤดูกาล 2006-07 แฟนบอล 'เดอะ ค็อป' ต่างประกาศความมั่นใจว่ามันคงถึงเวลาหยุดการรอคอยแชมป์ลีกเสียทีเนื่องจากทีมเป็นแชมป์มาต่อเนื่องไล่ตั้งแต่ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 และ เอฟเอ คัพ 2006
ดังนั้นกัปตัน สตีเว่น เจอร์ราร์ด จึงควงแขน ผจก.ทีม ราฟาเอล เบนีเตซ พกความห้าวเต็มถังเดินลงสู่สนามไปฟาดแข้งกับ เชลซี ดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สดๆร้อนๆ
เกมนั้นฟาดเกือก ณ มิลเลเนี่ยม สเตเดี้ยม แคว้น เวลส์ เปิดฉากไม่กี่นาที 'หงส์แดง' ก็ขึ้นนำ 1-0 เมื่อแบ็กซ้าย ยอห์น อาร์เน่ ริเซ่ โซโล่เดี่ยวกดเท้าซ้ายหายสู่ก้นตาข่าย
แม้ทาง 'สิงห์บลูส์' ตีเสมอ 1-1 โดยหอกป้ายแดง อังเดร เชฟเชนโก้ แต่ฝั่ง ลิเวอร์พูล ก็ได้ ปีเตอร์ เคราช์ พังประตูชัย 2-1 ก่อนสัญญาณหมดเวลาสิบนาที
ส่วนบทสรุปของฤดูกาลในเวลาต่อมา จบแบบมือเปล่าเพราะท้ายซีซั่นเกียร์ว่างไปเน้นให้ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เข้าถึงรอบชิงฯ ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ แต่กลับโดน เอซี มิลาน ถอนแค้นจากบัญชีเมื่อปี 2005
อาร์เซน่อล 1-0 ลิเวอร์พูล (2002)
หนนั้น ลิเวอร์พูล ได้สิทธิ์เพราะฤดูกาล 2001-02 บนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก จบอันดับสอง ส่วน อาร์เซน่อล คือดับเบิ้ลแชมป์ ส่วนความพิเศษของภาพรวมคือครั้งแรกที่เปลี่ยนชื่อรายการจาก แชริตี้ ชีลด์ มาเป็น คอมมิวนิตี้ ชีลด์
อย่างไรก็ตามแมตช์ชิงโล่การกุศลที่สนาม มิลเลเนี้ยม ครั้งนี้ไม่น่าจดจำสำหรับ 'หงส์แดง' เมื่อพวกเขาโดน จิลแบร์โต้ ซิลวา กองกลางป้ายแดงของ 'กันเนอร์ส' ซึ่งเปลี่ยนลงมาฐานะสำรองกดสกอร์โทน
สมน้ำหน้าไอ้ ดิยุฟ โดนหวด
อาร์เซน่อล คว้าชัย 1-0 วิเอร่า ชูถาด
ขณะที่ผลงานของทีมในฤดูกาล 2002-03 แม้จะเป็นแชมป์ลีก คัพ แต่ผลงานในลีกจบถึงอันดับ 5 ภายใต้ขุมกบาลของ ผจก.ทีม เชราร์ อุลลิเย่ร์
ลิเวอร์พูล 2-1 แมนฯ ยูไนเต็ด (2001)
ฤดูกาล 2000-01 นับเป็นซีซั่นที่ประสบความสำเร็จมากสุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสรเพราะ ผจก.ทีม เชราร์ อุลลิเย่ร์ นำทัพเป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วย 3 รายการคือ เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ ยูฟ่า คัพ
นั่นคือเหตุผลให้ 'หงส์แดง' ได้มาเผชิญหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด อริตัวเอ้ฐานะแชมป์ลีกซีซั่นล่าสุด
การดวลแข้งที่ คาร์ดิฟฟ์ จัดว่ามันส์ทีเดียว สู้กันไหล่-เบียด-ไหล่ แต่เป็น 'หงส์แดง' เฉียบขาดกว่าจากจุดโทษของ แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ บวกอีกสกอร์โดย ไมเคิ่ล โอเว่น ขึ้นนำ 2-0
2 ผู้เล่นต่างวัยที่มีชื่อบนบอร์ดเกมเมื่อปี 2001
โดยแม้โดนไข่แตก 2-1 ต้นครึ่งหลังจาก รุด ฟาน นิสเตลรอย แต่คู่แข่งก็ไล่ไม่ทัน เพราะ อุลลิเย่ร์ สั่งหมากเกมรับเหนียวหนึบ
ภาพรวมเมื่อแข่งซีซั่น 2001-02 มือเปล่า ดีว่ายังสามารถจบตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อันดับสอง
ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-3 ลิเวอร์พูล (1992)
'หงส์แดง' สมัยนั้นมี ผจก.ทีม แฟนยี้อย่าง แกรม ซูเนส ที่ทำบอลน่าเบื่อขัดใจ ยังดีว่าสามารถพาต้นสังกัดเป็นแชมป์ เอฟเอฟ คัพ 1992 ด้วยชนะเหนือ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 จึงเป็นอานิสงส์ให้ได้โอกาสเตะชิงโล่
ส่วนคู่แข่งที่เผชิญหน้าคือ ลีดส์ ยูไนเต็ด แชมป์ ดิวิชั่น 1 (เดิม)
คันโตน่า (กลาง) ตะบันตาข่าย
แลกหมัดสุดมันส์ สกอร์จบที่ ลีดส์ เฮ 4-3
เกมเล่นที่สนาม เวมบลี่ย์ ยิงแลกหมัดกันมันส์มากโดย 'ยูงทอง' ได้แฮตทริกของ เอริค คันโตน่า กับอีกเม็ดโดย โทนี่ โดรีโก้ ส่วน 'หงส์แดง' เป็น เอียน รัช, ดีน ซอนเดอร์ส และ การสกัดเข้าโกลตัวเองของ กอร์ดอน สตรัคคั่น ทำให้สกอร์จบที่ 4-3
แล้วนี่คือหนสุดท้ายก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเข้าสู่ยุคมืด ห่างหายเกมชิงโล่การกุศลไปอีก 9 ปี
ลิเวอร์พูล 1-1 แมนฯ ยูไนเต็ด (1990)
สามเดือนหลังจากคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 (เดิม) สมัยที่ 18 มากสุดในประวัติศาสตร์ ก็ถึงเวลา ลิเวอร์พูล เซิ้งแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์ เอฟเอ คัพ พ่วงตำแหน่งคู่แค้นที่ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ
ว่ากันว่าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเมื่อหนนั้นคือการต่ออายุให้ผจก.ทีม อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยู่สร้าง 'ปีศาจแดง' ให้กลายเป็นคลับฟุตบอล อันดับหนึ่งแห่งเกาะอังกฤษในอีก 2 ทศวรรษต่อมา
วีแลน (ซ้าย) ชูถาดร่วมกับ บรูซ (ขวา)
เกลียดกันอย่างกับขี้ แต่ก็ต้องถ่ายรูปร่วมเฟรม
พูดถึงเกมในสนามบอลจบเจ๊า 1-1 เคลย์ตัน แบล็คมอร์ ทำประตูให้ 'ปีศาจแดง' นำก่อน แต่ถูก จอห์น บาร์นส์ ยิงลูกโทษตีเสมอ
ขณะนั้นการต่อเวลาพิเศษ หรือ ยิงจุดโทษ ยังไม่มีถูกนำมาใช้ ต้องรอจนกว่าปี 1992 ถึงใส่เข้ามา ทำให้สองค่ายลูกหนังครองถาดร่วมกัน
ส่วนผลงานระหว่างซีซั่นนับว่าคือการสิ้นสุดยุคทองเมื่อ เคนนี่ ดัลกลิช ประกาศลาออกแบบสุดดราม่าช่วง ก.พ.ปลายฤดูกาล ต้องให้ รอนนี่ โมแรน กับ แกรม ซูเนส ประคองสถานการณ์ ... แล้วทีมก็ไม่เคยสัมผัสแชมป์ลีกอีกเลย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT