หลากความเห็นแข้งดังต่อการรีสตาร์ตซีซั่น
จอห์น สโตนส์ (แมนฯ ซิตี้)
"เราต่างอยากให้ฟุตบอลกลับมาเตะอีกครั้ง ยิ่งผมกระสันแข่งมากกว่าใครแต่ทั้งนี้ก็ต้องเกิดเมื่อเวลาเหมาะสม เพื่อปลอดภัยสำหรับทุกคน"
"ฐานะนักเตะก็อยากฟาดเกือกต่อหน้าแฟนบอลเต็มความจุ ขณะที่สาวกก็ล้วนหวังมาสนุกกับเกม ณ สนาม"
"แต่หากยังไม่ได้รับอนุญาตเข้าสังเวียน พวกเขาก็คงต้องดูผ่านโทรทัศน์ น่าเสียดายเหมือนกันเพราะทุกคนทราบว่าความรัก-อารมณ์ร่วมต่อทีมนั้นรวมอยู่ที่ใด"
"กลับมายังมุมมองฐานะผู้เล่นบ้าง ย่อมต้องการลงสนามไปล่าแชมป์ลีก กดถ้วยแชมป์บอลถ้วย เพราะทราบว่ามีคนรอชมอยู่"
"ในความเห็นผมคิดว่าอดใจรออีกไม่นาน ดังนั้นต้องเตรียมพร้อมไว้"
มานูเอล ลานซินี่ (เวสต์แฮม)
"สำหรับผมนะคิด่าพรีเมียร์ลีก อังกกฤษ คงบ้ามากหากกลับมาแข่งโดยที่ยังไม่มีวัคซีนคอยป้องกันคุณจากไวรัส"
"หากถามผมก็อยากกลับไปแข่งอยู่หรอก แต่ลีกก็ควรปกป้องผู้ปฏิบัติการด้วย เอาเป็นว่าไม่อยากีสตาร์ตตอนนี้"
เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯ ซิตี้)
"ความรู้สึกของผมมันบอกว่าเราอาจจะกลับมาซ้อมอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า"
"รัฐบาลต้องการให้ฟุตบอลรีสตาร์ตเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อหาอะไรมาสร้างความบันเทิงแก่ผู้คน แต่ทั้งนี้การแข่งขันทั้งหมดจะถูกสะสางแบบไร้แฟนบอล คิดว่าแบบนั้น"
"มันอาจไม่ได้รับการเหลียวแลจากใครเลยก็ช่าง ขอแค่เตะฤดูกาลนี้ให้จบ"
"อนึ่งปัจจัยเรื่องการเงินคือสิ่งสำคัญสุดสำหรับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ดังนั้นหากซีซั่นแข่งไม่จบมันจะสร้างปัญหาใหญ่หลวงแน่"
"ถามว่าความกังวลด้านการเงินมีความสำคัญเหนือกว่าสวัสดิภาพนักเตะไหม? คิดว่าไม่มาก เพราะอย่างน้อยทุกคนจะได้ตรวจหาไวรัส 1 ครั้งก่อนคืนสนามอีกครั้ง"
"แต่ให้ตายสิ! ผมไม่คิดว่าพวกนักเตะห่วงตัวเองมากเท่าไหร่ แต่สำหรับครอบครัวของพวกเขาล่ะ? นั่นคือปัญหาใหญ่เลยสำหรับหลายๆคน"
อันโตนิโอ รือดิเกอร์ (เชลซี)
"ด้วยความสัตย์จริงเรื่องที่ผมกังวลคือลีกจะยกแชมป์ให้ ลิเวอร์พูล ไปเลย"
"แต่จะอย่างไรสุดท้ายพวกเขาก็คู่ควรกับมันแล้ว เพราะมีฤดูกาลอันยอดเยี่ยม นำหัวตาราง แต้มมากกว่าเราตั้งไม่รู้เท่าไหร่"
"ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นพวกนั้นก็แชมป์อยู่ดี จึงเห็นว่าตามหลักจริยธรรมยังไงก็ต้องให้ ลิเวอร์พูล - แน่นอนส่วนตัวอย่างสะสางฤดูกาลให้จบ เพราะมันคือกีฬาของทุกคน"
"หากเราเลือกดำเนินการแข่งขันต่อทั้งที่ยังอันตราย แล้วเราทำเมินเฉยต่อคนใกล้ตายที่ไหนสักแห่งบนโลกเพราะไวรัสระบาด"
"ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านั่นคือสิ่งถูกต้องตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือเปล่า"
"หากทุกอย่างลงตัว กลับมาแข่งเพราะพิจารณาว่าโอเค ไร้อันตรายเมื่อนั้นเราค่อยสตาร์ตอีกครั้ง"
"แต่หากยังอันตรายแล้วเราดื้อกลับมาแข่งอีกครั้ง มีคนจำนวนมากติดไวรัส เมื่อนั้นคงหยุดยาวแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่อีก
เซร์คีโอ อเกวโร่ 'กุน' (แมนฯ ซิตี้)
"นักเตะส่วนใหญ่ของพรีเมียร์ลีกรู้สึกกลัวเพราะพวกเขาก็ครอบครัว มีลูกๆ"
"ถามว่าผมกลัวไหม? บอกเลยกลัวสิ แต่ผมอยู่อังกฤษนี่กับแค่แฟนสาว เมื่อกลับถึงบ้านก็ล็อคประตูทันที ดังนั้นคนเดียวที่จะติดไวรัสจาผมก็คือเธอ"
"มีการพูดปากต่อปากว่าคนที่ติดไวรัสบางรายก็ไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่สู่ผู้อื่นได้ นั่นคือเหตุผลทำไมผมหมกแค่ในบ้าน - บางทีผมอาจป่วยแล้วแต่ไม่รู้ตัว"
"และเมื่อมีใครป่วย เราก็จะต้องคิดว่า 'เกิดอะไรขึ้นแล้ว?' ผมหวังว่าจะมีวัคซีนเพื่อให้ทุกอย่างจบสิ้นลง"
อูโก้ โยริส (ท็อตแน่ม)
"เราอยู่ในสถานการณ์ที่ทุกคนอยากแข่งให้จบฤดูกาล ตัดสินกันบนสนามแข่ง"
"มันคงน่าผิดหวังมากหากจบฤดูกาลแบบนี้ทั้งๆที่เหลือีก 9 แมตช์เดย ก่อนลีกจะจบฤดูกาล - คงน่าเศร้าสำหรับ ลิเวอร์พูล เมื่อมองความห่างบนตาราง แถมจ่อแชมป์แล้ว"
"ดังนั้นคิดแทนทุกคน อารมณ์ตอนนี้คงเหมือนเหลือธุระต้องสะสาง"
"เสริมอีกหน่อยว่าเรากำลังเข้าสู่ช่วงเร้าใจที่สุด โมงยามอันสวยงามของฤดูกาล ไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้หรอก"
มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์น มิวนิค)
"ผมจะพูดถึงมันอย่างตั้งใจถึงครอบครัวคนวงการฟุตบอลเรา และถึงแมตช์ฟุตบอล เพราะโดยหลักการแล้วการจะรีสตาร์ตฤดูกาลได้หรือไม่นั้น มีการประชุมผ่านคณะกรรมการของลีกนั้นๆมาแล้ว"
"หากเกิดขึ้นได้มันย่อมเป็นข้อสรุปที่สำคัญยิ่งของวงการลูกหนังทั้งหมด ไล่ลงไปถึงสโมสรสมัครเล่นและกลุ่มคนหนุ่มรุ่นต่อไป - แล้วก็ต่อยอดถึงกีฬาชนิดอื่นๆด้วย"
"ดังนั้นชาติยุโรปอื่นๆ เอาจริงๆคือทั้งโลกกำลังจับตาดูบุนเดสลีกาเราอยู่"
"ภารกิจนี้คือความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงของเรา ดังนั้นทุกเส้นประสาทต้องตระหนักพร้อม เราต้องตระหนักว่าการรีสตาร์ตฤดูกาลสำคัญที่สุด"
เปาโล ดีบาล่า (ยูเวนตุส)
"บอกความจริงกับทุกคนเลยผมไม่คิดว่าตัวเองจะห่างหายจากการลงสนามห่างการซ้อมไปนานขนาดนี้เพราะโคโรน่าไวรัส"
"ส่วนตัวรู้สึกอยากรีดเหงื่อ, อยากเจอหน้าทีมเมต และมิตรสหาย อย่างน้อยแค่สัมผัสบอลก็ยังดีเพราะการฝึกอยู่บ้านมันไม่ได้ใกล้เคียงสักนิด"
"ผมอยากใส่สตั๊ดแล้วลงไปวิ่ง ไปทำประตู ... อย่างที่บอกมาเสมอว่าเมื่อคุณทำสิ่งใดด้วยความคลั่งไคล้ มันจะทุ่มเทมากกว่าปกติ 2-3 เท่า"
"คิดว่ามันนานเหลือเกินที่เราไม่ได้ซ้อมอะไรกันเลย ก็ไม่ทราบเหมือนกันจะกลับมาได้เมื่อไหร่ เอาจริงๆนี่ไม่เหมือนเวลาพัร้อน เพราะมันมีกรอบเวลาชัดเจน"
"ก็ทราบว่าหน้าที่ตัวเองตอนนี้คือทำใจให้สบาย รักษาหุ่นให้ดีแต่มันไม่มีความชัดเจนใดๆถึงเป้าหมาย"
"มันเริ่มจากซ้อมเองมา 1 สัปดาห์จากนั้นก็ต่อไปอีกเรื่อยๆ แต่ทำไปมากแค่ไหนก็ไม่เหมือนอยู่ศูนย์ฝึก"
จดหมายเปิดผนึกจากผู้เล่นทีม เออิบาร์ (สเปน)
'พวกเรารักฟุตบอลและไม่มีอะไรที่จะทำให้เรามีความสุขมากกว่ากลับมาลงสนามเพื่อลงเล่นอีกครั้ง"
"แต่พวกเรากลัวที่จะเริ่มกิจกรรมที่ไม่สามารถทำตามคำแนะนำเบื้องต้นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญทุกคน มันรบกวนเราในการทำสิ่งที่พวกเราชอบมากที่สุด"
"เราเสี่ยงต่อการนำเชื้อไปติดครอบครัวและเพื่อนฝูง รวมถึงการมีส่วนร่วมในการสร้างคลื่นลูกใหม่ของการแพร่กระจายเชื้อ'
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT