10เกมแดงเดือดที่ดีสุดยุคถ่ายออกจอตู้

https://twitter.com/FourFourTwo/status/1350072849227243521

แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล, ปี 1977 

เกมชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่เวมบลี่ย์ ลิเวอร์พูล ถูกยกเป็นต่อเพราะคว้าแชมป์ลีกแล้ว พ่วงเข้าชิงฯ ยูโรเปี้ยน คัพ เพราะแม้แต่ผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ออกตัวว่าแพ้เกมนี้ไม่น่าเกลียด 

“เราไม่มั่นใจเท่าไหร่ เราทราบว่าเกมมันยังไม่ทันเริ่ม แต่คู่แข่งคุณภาพจริงๆ” สจ๊วร์ต เพียร์สัน กองหน้า ‘ปีศาจแดง’ เวลานั้นว่าไว้ 

แต่ปรากฏว่า ยูไนเต็ด เอาชนะแบบเร้าใจจากประตูชัย ลู มาร์คารี่ ตอกย้ำว่าสถานะก่อนแข่ง ไม่มีผลเมื่อลงฟาดเกือก

ลิเวอร์พูล 2-1 แมนฯ ยูไนเต็ด, ปี 1983

แฟนบอลเกือบแสนคนยัดทะยานเข้า เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม รอชมเกมชิงชนะเลิศ มิลค์ คัพ ปี 1983 โดยทาง รอน แอ็ตกินสัน ผจก.ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด หวังคว้าแชมป์แรกฐานะบอสปีศาจแดง

พวกเขาขึ้นนำแต่หัววันจาก นอร์แมน ไวท์ไซด์ แต่ระหว่างเกมโชคร้ายเซนเตอร์แบ็ก กอร์ดอน แม็คควีน กับ เควิน โมแรน เดี้ยงทำเกมรับยวบ 

ส่งผลให้ อลัน เคนเนดี้ ตีเสมอท้ายเกม 1-1 ลากถึงต่อเวลาพิเศษ แล้วเป็น รอนนี่ วีแลน ซัดประตูชัย 2-1 ให้ ‘หงส์แดง’ เป็นแชมป์ลีกคัพ 3 ปีติด ส่งท้ายแก่ซีซั่นอำลาผจก.ทีม บ็อบ เพสลี่ย์

ลิเวอร์พูล 3-3 แมนฯ ยูไนเต็ด, ปี 1988

ยูไนเต็ด มาเยือน แอนฟิลด์เมื่อ เม.ย.1988 โดยแต้มตามหลัง ลิเวอร์พูล ของผจก.ทีม เคนนี่ ดัลกลิช ผู้นำตารางขณะนั้น 11 คะแนน

กัปตัน ไบรอัน ร็อบสัน อุตส่าห์พังตาข่ายให้ ‘ปีศาจแดง’ เริ่มเกมอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็มาโดนรัวสามเม็ดจาก ปีเตอร์ เบียร์ดส์ลี่ย์, แกรี่ จิลเลสพี และ สตีฟ แม็คมาน ‘หงส์แดง’ แซง 3-1 

เกทยังแลกสนุกกระทั่ง ร็อบสัน กับ กอร์ดอน สตรัคคั่น ทำอีกคนละเม็ดตีเสมอ 3-3 โดยดาวเตะสกอตต์ทำท่าดีใจสูบซิการ์เย้ยหน้ากองเชียร์เจ้าบ้านหลังหวดเจ๊า 

เล่นเอาโดนด่าพ่อ ล่อแม่ จนเจ้าหน้าที่สนามเกือบกันไม่อยู่ 

ลิเวอร์พูล 3-3 แมนฯ ยูไนเต็ด, ปี 1994

ยูไนเต็ด เพิ่งได้แชมป์ลีกอังกฤษหนแรกรอบ 26 ปี แล้วก็เดินหน้าสร้างความยิ่งใหญ่โดยก่อนเกมนั้นพวกเขาไร้พ่ายต่อเนื่อง 17 เกมลีก, มีคะแนนเหนือ ลิเวอร์พูล ของ แกรม ซูเนสส์ มากถึง 21 แต้มเพราะ ’หงส์แดง’ ต้วมเตี้ยมอยู่ที่ 9 

ใช้เวลา 25 นาที ขึ้นนำคู่อริ 3-0 จนทุกคนคิดว่าจบหัววันจากประตูของ สตีฟ บรูซ, ไรอัน กิ๊กส์ และฟรีคิกโดย เดนิส เออร์วิ่น 

แต่ยี่ห้อ ลิเวอร์พูล ถนัดเรื่องคัมแบ็ค อาศัย ไนเจล คลัฟ กดเบิ้ล ก่อนจะตีเสมอ 3-3 จาก นีล รัดด็อค ก่อนหมดเวลา 11 นาที 

แมนฯ ยูไนเต็ด 2-2 ลิเวอร์พูล, ปี 1995

การปะทะกันของสองแข้งไอค่อนอย่าง เรเซอร์ รัดด็อค กับ เอริค คันโตน่า ที่กลับมาหลังโทษแบนกระโดดถีบขาคู่ใส่แฟนบอล คริสตัล พาเลซ แมทธิว ซิมมอนด์ส ที่ เซลเฮิร์สต์ พาร์ค 

ปรากฏว่า ‘ก็องโต้’ ไม่มีสนิมเกาะปั้นแอสซิสต์ให้ นิคกี้ บัตต์ พังประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่สอง 

แต่ทาง ลิเวอร์พูล ก็มีลูกท้าสู้ตามสไตล์แล้วกดสองสกอร์จาก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ จนเจ้าบ้านตามหลัง 1-2 แล้วหลายคนมอง ยูไนเต็ด แพ้แหง 

อย่างไรก็ตาม คันโตน่า สามารถพังประตูตีเสมอต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง สร้างความหรรษาแก่ ‘เร้ด อาร์มี่’ 

เกมบนสนามจบไปโดยทิ้งเรื่องราวการเหน็บแนมกันของ ‘ก็องโต้’ กับ รัดด็อค โดยฝ่ายหนึ่งล้อคู่แข่งเป็นไอ้อ้วน อีกคนก็สมน้ำหน้าความหัวร้อนของแข้งเฟร้นช์ เป็นสีสัน 

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 ลิเวอร์พูล, ปี 1996

อีกเกมชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ สุดคลาสสิคเพราะ ลิเวอร์พูล ยุค สไปซ์ บอยส์ กำลังห้าว 

เจมี่ เร้ดแน็ปป์, สตีฟ แม็คมานามาน และพวกพ้องมาถึงสนามเวมบลี่ย์โดยใส่สูทสีขาว ล่อเป้าความสนใจ แต่น่าเสียดายพวกเขาไม่ได้ใช้ถ่ายขึ้นปก 

เพราะพระเอกของเกมคือ เอริค คันโตน่า กระโดดถอยหลังซัลโวประตูโทนก่อนหมดเวลาเพียงห้านาที 

ชัยชนะยังทำให้ทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์ลีก-เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลเดียวกัน สองหน

แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล, ปี 1999

ฤดูกาลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กดทริปเปิ้ลแชมป์ แต่มันคงไม่มีทางเกิดได้หาก รอบสี่ เอฟเอ คัพ โดนคู่อริอย่าง ลิเวอร์พูล ขวางไว้ - เดชะบุญ ‘ปีศาจแดง’ แกร่งพอเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด เชือดนิ่ม

ไมเคิ่ล โอเว่น พังตาข่ายแต่หัววันให้ทีมเยือนเหยียบจมูก ยูไนเต็ด 0-1 แล้วเกือบเป็นชัยชนะเหนือคู่อริรายนี้บน เอฟเอ คัพ ฐานะทีมเยือนหนแรกนับจากปี 1922

แต่ ดไวท์ ยอร์ค กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็งัดมุกยิงท้ายเกมนาที 88 และ นาที 90 ให้ ยูไนเต็ด แซงเฮ 2-1 ทำร้ายจิตใจ ลิเวอร์พูล อีกหน 

แมนฯ ยูไนเต็ด 0-1 ลิเวอร์พูล, ปี 2000

เรียกว่าเป็นเกมปลดแอกของ ลิเวอร์พูล เพราะก่อนนั้นแพ้ต่อคู่อริแห่งภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือต่อเนื่อง 10 เกม 

แดนนี่ เมอร์ฟี่ เจ้าของฉายามือปราบ ‘ปีศาจแดง’ ปั่นฟรีคิกเป็นประตูชัย เริ่มนับหนึ่งยุคใหม่เพราะจากนั้นอีกสี่เกมที่พบกัน ลิเวอร์พูล ชนะ ยูไนเต็ด ทั้งหมด

อย่างไรก็ตามซีซั่นนั้นทีมของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เป็นแชมป์ลีกอยู่ดี 

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล, ปี 2009

นี่น่าจะเป็นเกมแห่งความทรงจำของเหล่า เดอะ ค็อป เพราะสามารถเหยียบย่ำคู่อริถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบเบ็ดเสร็จทั้งผลการแข่งขันหรือภาพรวมบนสนาม 

สถานการณ์ของ ‘หงส์แดง’ ของอดีตผจก.ทีม ราฟาเอล เบนีเตซ เวลานั้น ทำท่าจะหลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ยุคพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จึงต้องหาเกมเปลี่ยนโมเมนตัม 

ทั้งนี้ ยูไนเต็ด ก็รู้งานให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังตาข่ายขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ต้นเกม แต่จุดเปลี่ยนน่าจะอยู่ที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส เก็บความผิดพลาดของ เนมานย่า วิดิช แปลงเป็นสกอร์ตีเสมอ 1-1 ซึ่งต่อมากองหลังเซิร์บก็เสียสมาธิระหว่างเกมจนโดนไล่ออก

นำมาซึ่งจุดโทษโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฟรีคิกจาก ฟาบิโอ โอเรลิโอ และ อันเดรีย ดอสเซน่า ยกบอลข้ามหัว เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ปิดกล่อง 

แมนฯ ยูไนเต็ด  3-2 ลิเวอร์พูล, ปี 2010

แฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ บอกค่าตัว ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 30 ล้านปอนด์ แค่เกมนี้เกมเดียวก็คุ้มแล้ว 

เพราะดาวเตะบัลแกเรี่ยนทำแฮตทริกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ใส่คู่อริ โดยหนึ่งในนั้นมีลูกยิงกลับหลังยิงสุดสวยผ่านมือ เปเป้ เรน่า เสียบใต้คาน 

เกมนั้นผู้เล่น ‘หงส์แดง’ ที่เด่นคือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เพราะกดเบิ้ล แต่ก็โดนรัศมี เบอร์บาตอฟ กลบอยู่ดี แม้ท้ายเกมมีเสียวเพราะ จอห์น โอเช โดนไล่ออก