จากเด็กถูกทิ้งพ้นอะคาเดมี่สู่แข้งหลักล้านปอนด์
สื่อฯเจ้านี้ไปตามสัมภาษณ์ ‘ร็อบโบ้’, เบน ไวท์ ปราการหลัง อาร์เซน่อล และ เอเบเรชี่ เอเซ่ กองกลาง คริสตัลพาเลซ เอามารวมในตอน ‘มันคือความฝันของทั้งหมดทุกคน...การผจญภัยของนักเตะจากอะคาเดมี่’
“ไม่มีของมีค่าใดที่ได้มาง่ายๆ” เป็นคำพูดของผู้เฒ่าผู้แก่ว่าไว้ แล้วมันใช้ได้กับทุกเรื่องรวมถึงวงการฟุตบอล
เด็กจากอะคาเดมี่ทุกคนต่างมีฝันขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ของตัวเอง แต่ความจริงคือแข้งเยาวชนส่วนใหญ่จะถูกแจ้งว่าไม่ดีพอที่สโมสรจะผลักดันต่อเพื่อแข่งระดับอาชีพ
อย่าง โรเบิร์ตสัน คือหนึ่งในสุดยอดคนมีความเพียร ไต่ระดับจากดิวิชั่นสาม สกอตแลนด์ กับทีม ควีนส์ พาร์ค มาสู่แชมป์ชปล.กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงเวลาแค่ 7 ปี
ด้าน ไวท์ กับ เอเซ่ ก็เส้นทางใกล้เคียงกันคือไม่ได้รับพิจารณาจากอะคาเดมี่ที่ปลุกปั้น แต่ยังสู้ต่อจนก้าวสู่ระดับลีกสูงสุด มูลค่าซื้อ-ขาย รวมกันถึง 50 ล้านปอนด์
เรื่องราวต่อไปนี้ของพวกเขาคงสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่คนที่ท้อกับชีวิตอันยากลำบาก เพราะหากยังไม่ล้มเลิกไปก่อนมันก็ต้องประสบความสำเร็จในสักวัน
เริ่มที่ โรเบิร์ตสัน โดนขับออกจากอะคาเดมี่ของ เซลติก ตอนอายุ 15 ปี แล้วจากนั้นก็มีฮึดไม่หันหลังแก่ฟลอร์หญ้า
“วันที่ผมโดนปล่อยตัวทิ้งจำได้ว่าขมขื่น” ฟูลแบ็กดีกรีแชมป์ชปล.และพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดปาก
“ผมกลับบ้านไปร้องไห้ ก็พยายามให้แน่ใจว่ามีครอบครัวคอยอยู่เคียงข้าง จนวันต่อไปก็กลับเข้าโรงเรียน”
“ก็รู้สึกขายหน้าเหมือนกันที่ต้องกลับไปโรงเรียน บอกเล่าให้เพื่อนฟังว่าเจออะไรมา คุณไม่อยากบอกข่าวร้ายกับพวกเขาหรอก เพราะคุณรู้ว่าตัวเองสภาพตอนนั้นเป็นอย่างไร”
“ก็แค่เด็กอายุ 15 ปี คุณไม่อยากแสดงด้านอ่อนแอออกมาและยังต้องการเล่นให้ เซลติก”
เหมือนๆกับ โรเบิร์ตสัน ทาง เอเซ่ ก็เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลกับสถาบันพัฒนาศักยภาพลูกหนังของสโมสรโปรดวัยเด็ก แล้วมีฝันอยากเล่นชุดใหญ่ให้พวกเขามาเสมอ
แต่ตัวรุกหนุ่มน้อยโดน อาร์เซน่อล เขี่ยทิ้งตอนอายุ 13 ปี แต่ตอนนี้เติบโตสู่มิดฟิลด์ลีกลาหวือหวาที่น่าจับตาของลีกอังกฤษใต้เครื่องแบบ คริสตะล พาเลซ
“ตอนนั้นผมอายุ 13 ปี จำได้ก่อนนั้นทุกคนล้วนได้สัญญา 2 ปี แต่ผมกลับได้แค่ปีเดียว ดังนั้นเมื่อทราบก็น้ำตาร่วงทันที”
“แล้วเมื่อผ่านไปหนึ่งปีนั้นก็โดนเรียกไปประชุมแล้วพวกคนในอะคาเดมี่ก็บอกมาว่า - ฟังนะเราไม่คิดว่านายอยู่ที่นี่ก็ไม่เก่งไปกว่านี้ - “
“จำได้เลยว่ายังไม่ทันพูดจบดด้วยซ้ำผมก็เปิดตูดออกมาพร้อมน้ำตา”
“โดยทั่วไปคุณต้องพยายามข่มใจไว้ คุณต้องพยายามทำตัวให้ดีแล้วกล่าว -ขอบคุณครับ- จากนั้นก็เดินจากมา แต่ ณ ตอนนั้นมันเหลืออด เดินลงจากบันไดแล้วบอกตัวเองว่านี่คือเรื่องที่แย่สุดตั้งแต่เคยเจอ”
“คุณแม่ผมท่านก็อยู่ด้วยกันและดูเธอก็ผิดหวังมากดังนั้นมันเหมือนว่าจากนี้จะเอายังไงต่อกับชีวิต?”
“อาร์เซน่อล คือทีมโปรด เป็นสโมสรที่ผมให้ทั้งหัวใจ ณ เวลานั้น มันรู้สึกเหมือนว่า -ว้าว! แล้วต่อไปจะเป็นแบบไหน? ผมต้องทำอะไรต่อ? จะไปทางไหนดี? “
“ตอนนั้นมันคือโมงยามอันสิ้นหวังจริงๆ”
ซึ่งต่อ เอเซ่ ยังได้ ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส ดึงเข้าสังกัดหลังจากสร้างความประทับใจในการทดสอบฝีเท้า เล่นที่นั่นเต็มสามฤดูกาลนามชุดใหญ่ทำไป 20 ประตูจากการลงสนาม 112 นัด จน คริสตัล พาเลซ ซื้อร่วมงานเมื่อซัมเมอร์ 2020 สนนราคา 17 ล้านปอนด์
ภาพรวมที่ เซลเฮิร์สต์ พาร์ค ยังไม้เปรี้ยงเพราะเจ็บบ่อย แต่เพลย์เมกเกอร์เบอร์ 10 คนใหม่ของสโมสรก็พร้อมกลับมาตอบแทนความไว้ใจของ ‘ดิ อีเกิ้ลส์’ นับจากนี้
เรื่องราวของนักเตะสู้ชีวิตมักมีจุดเริ่มคล้ายๆกันคือโดนปฏิเสธจากอะคาเดมี่ แต่สร้างตัวเป็นแข้งหลักล้านปอนด์ แต่กรณีของ ไวท์ ไม่ธรรมดาเพราะขึ้นไปถึง 50 ล้านปอนด์ รวมถึงมีชื่อไปแข่งรายการเมเจอร์นามทีมชาติอังกฤษ
เขาคนนั้นคือ ไวท์ เซนเตอร์แบ็ก อาร์เซน่อล ในปัจจุบันที่โดนปล่อยทิ้งจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ตอนอายุ 16 ปี
“ระหว่างทางกลับบ้านเมื่อรู้ว่าโดนปล่อยทิ้งผมร้องไห้นิดหน่อย” เบน เปิดปาก
“ผมคุยกับแม่นิดหน่อยแล้วเธอก็บอกว่า - ลูกอยากสู้ต่อไหม? เพราะหากมันไม่ได้ให้ลูกมีความสุขเมื่ออยู่ตรงนั้นแล้ว ก็เสียเวลาเปล่า?”
“แต่ก็บอกแม่ไปว่าจะลุยอีกสักตั้ง แล้วก้าวสู่นักเตะอาชีพ”
“คิดว่านั่นคือช่วงตัดสินใจลำบากเพราะเสียความมั่นใจเมื่อโดนขับออกจากทีมเก่า รู้ว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการ”
“โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นคนหนุ่มด้วยก็ยากจะรับมือไหว คิดว่ามันคือภาวะต้องเลือกจะจมน้ำหรือว่ายเอาตัวรอด”
ก็ยังมี ไบรท์ตัน ให้โอกาสเซ็นมาอยู่ในสังกัดเมื่อป 2014 ก็ค่อยสั่งสมประสบการณ์จากการเล่นยืมตัวไป นิวพอร์ท เคาน์ตี้, ปีเตอร์สโบโร่ ยูไนเต็ด และสร้างชื่อที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด จน ‘นางนวล’ เรียกกลับมาใช้งานอีกหนึ่งซีซั่น ก็เดินทางผจญภัยใหม่ที่ อาร์เซน่อล
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT