โอกาสสุดท้ายของบัลเบร์เด้
เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เริ่มงานปีแรกด้วยการนำทัพอาซูลกราน่าฟาด'ดับเบิ้ลแชมป์'ทั้ง ลีกา กับ โกปา เดล เรย์ และยังเกือบจะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์ลีกเมืองกระทิงแบบไร้พ่ายด้วย
แต่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้เสียรังวัดไม่น้อยหลังทีมยักษ์กาตาลุนย่าถูก โรม่า เขี่ยตกรอบควอเตอร์ไฟนัลของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งที่เป็นฝ่ายกำชัยชนะจากเกมแรกที่'คัมป์ นู'4-1 แต่กลับหัวทิ่มพ่ายต่อทีมหมาป่าที่กรุงโรม 0-3 จนหลุดวงโคจรฟุตบอลยุโรปด้วยกฎประตูทีมเยือน
มองแง่บวกนั่นคือผลงานที่ยอดเยี่ยมของ บัลเบร์เด้ ทั้งที่ประสบปัญหาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์หลังการตีจากของ เนย์มาร์ ที่ย้ายไปค้าแข้งกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัว 222 ล้านยูโร เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2017
บาร์เซโลน่า เสียเวลากับการเสาะหาตัวแทนของซุปตาร์บราซิเลียนจนกระทั่งประสบความสำเร็จด้วยการคว้าตัว อุสมาน เดมเบเล่ กองหน้าดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสมาจาก ดอร์ทมุนด์ ก่อนตลาดช่วงหน้าร้อนปิดทำการเพียง 6 วัน แต่ทีมอาซูลกราน่าต้องลงทุนสูงถึง 105 ล้านยูโรบวก'แอ็ดด์-ออนส์'อีก 40 ล้านยูโร
เดมเบเล่ เป็นแข้งใหม่คนที่ 4 ในช่วงซัมเมอร์ดังกล่าวต่อจาก เคราร์ด เดวโลเฟว, เนลซอน เซเมโด้ และ เปาลินโญ่ โดยใช้งบรวมกันทั้งหมด 187 ล้านยูโร ถ้าไม่นับจำนวนเงินที่ลงทุนไปถือเป็นการเสริมทัพที่ขี้เหร่สุดครั้งหนึ่งของทีมอาซูลกราน่าก็ว่าได้
เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ยังต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอีกครั้งหลัง เดมเบเล่ บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังจากเกมเยือน เคตาเฟ่ เมื่อวันที่ 17 กันยายนจนต้องพักยาว 4 เดือน เงินที่ลงทุนไปกว่า 100 ล้านยูโรเหมือนสูญเปล่า
การเจ็บยาวของแข้งค่าตัวแพงเว่อร์อย่าง เดมเบเล่ มีส่วนทำให้ทีมยักษ์กาตาลุนย่าต้องเดินหน้าล่าตัว ฟิลิปเป้ กูตินโญ่ จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการดึงมิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนมาเป็นสมาชิกใหม่ด้วยค่าตัว 120 ล้านยูโรบวกกับอ็อปชั่นเพิ่มเติมอีกราว 40 ล้านยูโร ซึ่งการมาของมิดฟิลด์วัย 26 ปีช่วยเติมเต็มเกมของบาร์ซ่าได้ดีในระดับหนึ่ง แม้ว่านักเตะจะลงเล่นได้เฉพาะเกมในประเทศก็ตาม
จากช่วงซัมเมอร์ที่ดูฉุกละหุกลุกลี้ลุกลนและมีปัญหาให้บัลเบร์เด้ต้องแก้อย่างต่อเนื่อง แต่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ยังสามารถนำทีมทัพอาซูลกราน่ากวาดแชมป์ในประเทศทั้งสองรายการมาได้ถือว่าน่าชื่นชมอย่างยิ่ง
เพียงแต่บัลเบร์เด้มีจุดด่างพร้อมบนเวทียุโรปที่ยังเป็นเครื่องหมายคำถามว่าเทรนเนอร์วัย 54 ปีมีความเหมาะสมสำหรับการเป็นเทรนเนอร์ของทัพอาซูลกราน่าต่อไปหรือไม่
สาวกบาร์เซโลนิสต้าโดยเฉพาะฝ่ายบริหารของบาร์เซโลน่ายังคงจดจำความอัปยศที่เกิดขึ้นบนสังเวียน'สตาดิโอ โอลิมปิโก้'เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่ามันจะเกิดจากความประมาท, การวางแผนผิดพลาด หรืออะไรก็ตาม แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีก นั่นเป็นสิ่งที่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ทราบดี
สถานการณ์ช่วงหน้าร้อนปีก่อนแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับช่วงซัมเมอร์ปีนี้ หลังทีมยักษ์กาตาลันเดินหน้าเสริมทัพแบบไม่ลุกลนเหมือนปีที่ผ่านมา แม้จะมีการปรับเปลี่ยนแผนงานบ้างตามความเหมาะสมและสถานการณ์ก็ตาม
อันเดรส อีเนียสต้า มิดฟิลด์กัปตันทีมประกาศอำลาถิ่น'คัมป์ นู'ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน ซึ่งทีมอาซูลกราน่ามีเวลามากพอสำหรับการหานักเตะเข้ามาทดแทน เพียงแต่จะปรับบทบาทของ กูตินโญ่ เข้ามารับหน้าที่แทนอีเนียสต้าเท่านั้น ก่อนที่จะเซ็นสัญญาดึง อาร์ตูร์ เมโล่ มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวบราซิเลียนจาก เกรมิโอ เข้ามาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมอีกคน.
เกลม็องต์ ล็องเล่ต์ กองหลังชาวฝรั่งเศสถูกดึงมาจาก เซบีย่า หลังบาร์ซ่ายอมจ่ายค่าฉีกสัญญานักเตะที่สโมสรมองว่ากองหลังวัย 23 ปีจะเป็นกำลังเสริมชั้นดีสำหรับอนาคต
ต่อด้วยการปาดหน้า โรม่า ดึง มัลคอม ซิลวา มาจาก บอร์กโดซ์ แม้จะเป็นเพียงแผน'บี'หลังการพลาดคว้าตัว อองตวน กรีซมันน์ ที่ตัดสินใจอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ต่อไป ขณะที่ วิลเลียน ถูกเชลซีโก่งค่าตัวจนต้องถอยหลังกลับมาตั้งหลักจนกระทั่งเบนเป้าไปเซ็นสัญญากับ มัลคอม ซึ่งอายุน้อยกว่า 8 ปีและยังจ่ายค่าตัวบวกค่าเหนื่อยน้อยกว่าด้วย
ล่าสุด บาร์เซโลน่า เติมเต็มแดนกลางด้วยการดึง อาร์ตูโร่ วีดาล มิดฟิลด์ทีมชาติชิลีมาจาก บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นการเสริมกำลังทดแทนการอำลาสโมสรของ เปาลินโญ่ ที่ย้ายกลับ กว่างโจว เอเวอร์กรานด์
ทัพอาซูลกราน่าเสริมทีมด้วย 4 ผู้เล่นใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้ทั้ง อาร์ตูร์ เมโล่, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, มัลคอม ซิลวา และ อาร์ตูโร่ วิดาล เป็นการเสริมจุดแข็ง ลบจุดด้อยได้ดีกว่าช่วงซัมเมอร์ปีก่อนชัดเจน ซึ่งยังไม่นับรวมการดึง มุสซ่า วาเก้ แบ็กขวาดาวรุ่งทีมชาติเซเนกัลมาจาก อูเปน เพื่อเป็นกำลังเสริมตำแหน่งดังกล่าวในอนาคตอีกราย
การซื้อนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ของบาร์ซ่าอาจไม่โดนใจบัลเบร์เด้ทุกคนเพราะมันขึ้นอยู่กับความเหมาะสม, ความคุ้มค่าและตามสถานการณ์ แต่จากภาพโดยรวมถือว่าสโมสรจัดทรัพยากรนักเตะที่เกือบครบถ้วนสมบูรณ์ให้เทรนเนอร์นำไปใช้งานและแน่นอนว่าเป้าหมายของสโมสรคือการคว้าแชมป์ทุกรายการที่มีส่วนร่วมในฤดูกาลหน้า
บัลเบร์เด้ อาจจะมีเวลาเตรียมทีมแบบครบองค์ประชุมไม่นานนักเนื่องจากนักเตะส่วนใหญ่เดินทางกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมช่วงปรีซีซั่นล่าช้าหลังการลงเล่นทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่างฟุตบอลโลกที่รัสเซีย แต่ทีมอื่นก็มีปัญหาไม่ต่างกันโดยเฉพาะสองสโมสรจากมาดริดที่จะเป็นก้างขวางคอในซีซั่นหน้าทั้ง เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด
แต่ เรอัล มาดริด มีการเปลี่ยนแปลงครั้งหลังโดยแต่งตั้ง จูเลน โลเปเตกี อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติสเปนเข้ามารับงานต่อจาก ซีเนดีน ซีดาน ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังจบซีซั่นที่ผ่านมา ก่อนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งสร้างผลงานระดับประวัติศาสตร์ของสโมสรในการค้าแข้งกับทีมชุดขาวนาน 9 ปีตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส
ทีมชุดขาวจึงลดความแข็งแกร่งลงชัดเจนเมื่อเทียบกับทีมอาซูลกราน่าที่ยังมีทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ
บาร์เซโลน่า ของ บัลเบร์เด้ ยังมีตัวเลือกในแนวรับที่สามารถไว้วางใจได้มากขึ้นจากการมาของ ล็องเล่ต์ ที่สร้างความประทับใจบนเวทีลีกากับ เซบีย่า ซึ่งจะดีกว่าทั้ง โธมัส แฟร์มาเล่น หรือ เยร์รี มีน่า ในการสลับลงเล่นกับคู่เซนเตอร์ตัวจริงอย่าง เคราร์ด ปีเก้ กับ ซามูแอล อุมตีตี้ ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงปราการหลังทีมแชมป์โลกล่าสุด
ขณะที่การอำลาทีมของ อีเนียสต้า น่าจะส่งผลกระทบต่อทีมอาซูลกราน่าในระดับหนึ่ง แต่ กูตินโญ่ น่าจะก้าวขึ้นมาเติมเต็มช่องว่างที่อดีตกัปตันทีมบาร์ซ่าทิ้งไว้ได้เป็นอย่างดี
กูตินโญ่ ย้ายมาค้าแข้งในถิ่น'คัมป์ นู'ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลายคนคาดหวังว่ามิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนจะฉายแววเด่นโดยทันที แต่เขายังไม่สามารถเล่นในระดับที่คาดหวัง มันเป็นเพราะเขามีเวลาปรับตัวน้อย ทว่าแข้งชาวบราซิเลียนยังยิง 8 ประตูและทำ 5 แอสซิสต์
แม้มิดฟิลด์วัย 26 ปีจะเดินทางกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมช่วงปรีซีซั่นล่าช้าเหมือนนักเตะอีกหลายคนที่ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แต่ กูตินโญ่ มีเวลาปรับตัวเข้ากับทีมมากขึ้น แน่นอนว่าความคาดหวังย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวโดยเฉพาะการก้าวขึ้นมารับบทบาทแทน อีเนียสต้า ซึ่งสาวกบาร์เซโลนิสต้าหวังว่าเขาจะสามารถสานต่อฟอร์มที่ยอดเยี่ยมมาจากฟุตบอลโลกไปจนถึงซีซั่นหน้า
นับจนถึงตอนนี้ บาร์ซ่า ยุค บัลเบร์เด้ ใช้งบเสริมทัพนักเตะจาก 3 ตลาดนักเตะที่ผ่านมา รวมกัน 444.7 ล้านยูโร มากกว่าเงินค่าตัว เนย์มาร์ ถึง 2 เท่า
เฉพาะการจ่ายตลาด 2 ช่วงแรก ทีมอาซูลกราน่า จ่ายเงินมากถึง 318.8 ล้านยูโรเพื่อแลกกับ เคราร์ด เดวโลเฟว (12), เนลซอน เซเมโด้ (30), เปาลินโญ่ (40), อุสมาน เดมเบเล่ (105+40) ก่อนกดอีก 2 ในตลอดหน้าหนาว เยร์รี มีน่า (11.8) กับ ฟิลิปเป้ กูตินโญ่ (120+40)
ส่วน 4 แข้งใหม่ชุดล่าสุดมีมูลค่ารวม 125.9 ล้านยูโร อาร์ตูร์ (31+9), ล็องเล่ต์ (35.9), มัลคอม (41+1) และ วีดาล (18+3)
ขณะที่สโมสรมีรายรับจากการปล่อยนักเตะออกจากทีมเพียง 255.2 ล้านยูโร เฉพาะค่าฉีกสัญญา เนย์มาร์ ก็ 222 ล้านยูโร ส่วนที่เหลือมาจาก คริสเตียน เตโย่ (4+1), ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (5.5), เคราร์ด เดวโลเฟว (13+4), ลูก้าส์ ดีญ (20.2+1.5) กับ อเล็กซ์ บีดาล (8.5+2) และกำลังจะได้เงินอีกก้อนจากการปล่อย เยร์รี มีน่า ออกจาก'คัมป์ นู'ช่วงซัมเมอร์นี้
สถานการณ์บีบให้ทีมอาซูลกราน่าต้องปล่อย มีน่า ออกจากสังกัดเนื่องจากมีแข้งนอกอียูเกินโควตา แม้ว่า กูตินโญ่ จะได้พาสสปอร์ตโปรตุกีสแล้วก็ตาม แต่ บัลเบร์เด้ ยังมีทั้ง อาร์ตูร์, มัลคอม กับ วีดาล สมาชิกใหม่คนล่าสุดที่ต้องใช้โควตาดังกล่าว มันจึงไม่มีที่ว่างสำหรับ มีน่า รวมถึง มาร์ลอน ซานโตส กองหลังชาวบราซิเลียนอีกรายที่จะต้องย้ายออกจาก'คัมป์ นู'ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการยืมตัวหรือขายขาดก็ตาม
จากการลงทุนด้วยงบประมาณมหาศาลในตลาดนักเตะและมีเวลาเตรียมความพร้อมช่วงปรีซีซั่นพอสมควร ซึ่งฝ่ายบริหารของทัพอาซูลกราน่าตั้งเป้าหมายไว้สูงลิบนอกเหนือจากการป้องกันแชมป์ภายในประเทศทั้งสองรายการแล้ว
อีกหนึ่งเป้าหมายที่บอร์ดบาร์ซ่าฝันถึงการคว้าโทรฟี่แชมป์ยุโรป ถ้าหากพลาดรายการหนึ่งรายการใดก็ตามอาจมีโอกาสเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งในถิ่น'คัมป์ นู' แต่ครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนเฉพาะหัวขบวนอย่างเทรนเนอร์เท่านั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT