จิตวิญญานกาตาลัน!!!

    'อุดมการณ์'เป็นเพียงนามธรรมที่ไม่สามารถรับรู้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น หรือ กาย แต่มันเป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ด้วยใจ อย่างที่เราเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้างว่า'อุดมการณ์'กินไม่ได้ แต่มันเป็นหลักการหรือสิ่งสำคัญที่ตั้งไว้เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติไปสู่จุดหมายนั้น
    คำว่า'อุดมการณ์'อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับวงการลูกหนังถ้าหากไม่มีการลงประชามติแยกตัวเป็นอิสระจากประเทศสเปนของแคว้นกาตาลุนย่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
    หากถามว่าการลงประชามติแยกตัวของแคว้นกาตาลุนย่าเกี่ยวข้องกับวงการลูกหนังของเมืองกระทิงอย่างไร? สามารถตอบได้ทันทีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง
    แคว้นกาตาลุนย่ามีบาร์เซโลน่าเป็นนครหลวง แคว้นแห่งนี้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวที่คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจสเปน มีอำนาจปกครองตนเอง แต่แคว้นกาตาลุนย่าต้องนำเงินภาษีแต่ละปีส่งต่อรัฐบาลกลางในนครมาดริดซึ่งมีความสำคัญมากต่องบประมาณประจำปีของประเทศ
    ขณะที่สโมสรบาร์เซโลน่าเปรียบเสมือนตัวแทนของแคว้นกาตาลุนย่าที่ลงประกาศศักดาบนเวทีลีกาโดยมี เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนรัฐบาลกลางเป็นคู่ปรับสำคัญ
    ดังนั้นแมตช์'เอล กลาซิโก้'จึงเป็นยิ่งกว่าเกมฟุตบอลธรรมดาเกมหนึ่งเพราะมันมีความหมายยิ่งกว่านั้นทั้งการต่อสู้ด้านการเมือง ความคิด วัฒนธรรมและอุดมการณ์

    จากความพยายามเรียกร้องอิสรภาพได้จุดชนวนการเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลกลางกับฝ่ายบริหารของแคว้นกาตาลุนย่าจนกลายเป็นวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่สิ้นยุคเผด็จการของนายพล ฟรานซิสโก้ ฟรังโก้ เมื่อปี 1975
    แคว้นกาตาลุนย่ามีประชากรราว 7.5 ล้านคนยังมีความเห็นขัดแย้งเรื่องการแยกตัวออกจากจากสเปน ส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการจัดทำประชามติอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับข้อขัดแย้งนี้
    อย่างไรก็ดีตามรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 1978 ระบุว่าดินแดนสเปนเป็นหนึ่งเดียวไม่สามารถแบ่งแยกได้และการทำประชามติครั้งนี้ไม่มีผลทางกฎหมายหลังศาลรัฐธรรมนูญของสเปนวินิจฉัยแล้วว่าขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้แคว้นส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่สนับสนุนการแยกตัวของแคว้นกาตาลุนย่าด้วย
    ดังนั้นรัฐบาลกลางจึงจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการลงประชามติเมื่อวันอาทิตย์นี้ที่ผ่านมา หนึ่งในมาตรการหนึ่งที่ถูกนำมาใช้คือการส่งเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนมาหยุดยั้งหรือขัดขวางการลงประชามติของคนกาตาลันจนมีการปะทะกันระหว่างสองฝ่ายและมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 800 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางซึ่งมีกระบองและกระสุนยางเป็นอาวุธบาดเจ็บราว 30 คน
    จำนวนผู้บาดเจ็บอาจไม่สูงมากนักและเป็นเพียงการบาดเจ็บเล็กน้อย แต่หลายชาติสมาชิกของสหภาพยุโรปหรือ อียู อย่าง อังกฤษ, เบลเยียม กับ ฮอลแลนด์ ต่างวิจารณ์การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐบาลกลาง
    มีชาวกาตาลันออกไปใช้สิทธิ์ราว 2.26 ล้านคนหรือคิดเป็น 42% และมีสูงถึง 90% ที่สนับสนุนให้แยกตัวออกจากประเทศสเปน แม้การลงประชามติครั้งนี้จะไม่มีผลทางกฎหมายใดๆก็ตาม แต่มันเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่อาจทำให้อุดมการณ์ของชาวกาตาลันส่วนใหญ่ประสบผลสำเร็จในอนาคต

    ผลจากการปะทะกันระหว่างฝูงชนกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันอาทิตย์มีผลทำให้สโมสรบาร์เซโลน่าประกาศยกเลิกเกมกับ ลาส ปัลมาส เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย แต่สหพันธ์ฟุตบอลสเปน, ฟุตบอลลีกา กับ ทีมชาวเกาะต่างยืนยันว่าแมตช์ดังกล่าวจะต้องดำเนินไปตามปกติหากทีมอาซูลกราน่าไม่ปฏิบัติตาม พวกเขาจะถูกปรับแพ้ตามกฎด้วยสกอร์ 0-3
    บาร์เซโลน่าจึงจำยอมลงเตะตามกำหนดเวลาเดิมแต่ไม่เปิดประตูสนามให้แฟนบอลเข้าชมเกมตามปกติเพื่อความปลอดภัย ก่อนทัพอาซูลกราน่าจะสอยทีมเยือนจาก กราน กานาเรีย 3-0 จากการเหมาสองประตูของ ลิโอเนล เมสซี่ บวกอีกหนึ่งจาก เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ซึ่้งเป็นการทำประตูแรกในรอบ 3 ปีของมิดฟิลด์วัย 29 ด้วย
    ทีมอาซูลกราน่าเก็บชัยชนะ 7 นัดรวดนำโด่งเป็นจ่าฝูงโดยทิ้งอันดับ 2 เซบีย่า ถึง 5 แต้ม แต่มันไม่ใช่เกมที่น่าจดใจแม้แต่น้อยสำหรับคนอุดมการณ์แรงกล้าอย่าง เคราร์ด ปีเก้ ซึ่งต้องลงเล่นตามหน้าที่ของนักฟุตบอล
    'ชาวกาตาลันกำลังมีวันที่ยากลำบาก การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของพวกเขา เราอยู่ที่นี่มาหลายปีและก่อนหน้านี้ มันไม่เคยมีปัญหาแบบนี้เลย'ปีเก้ กล่าวหลังเกมชนะ ลาส ปัลมาส
    'ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเองและความคิดเหล่านั้นควรได้รับความเคารพ'
    'คำว่า'มากกว่าสโมสร'ยังมีความหมายเหมือนเดิม ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าที่เราต้องลงแข่งในวันนี้เป็นเพราะว่าเราไม่มีทางเลือก'

    ปีเก้ยังแสดง'อุดมการณ์'ชัดเจนว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับวันลงประชามติของชาวกาตาลันโดยไม่หวั่นแม้กระทั่งการถูกขับพ้นทีมชาติสเปนจนชวดลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายช่วงกลางปีหน้า
    'ผมเป็นคนกาตาลัน จิตวิญญาณของผมคือกาตาลัน วันลงประชามติขอแยกตัวออกจากสเปนเป็นวันสำคัญสำหรับผม ผมภูมิใจในชาวกาตาลันทุกคน'
    'ผมไปเล่นกับทีมชาติสเปนเพราะผมเชื่อในระบอบประชาธิปไตยและมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้'
    'คนที่ไปกับทีมชาติไม่ได้เป็นคนที่รักชาติมากที่สุดเสมอไป คุณต้องไปและทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด มันไม่ใช่การแข่งขันรักชาติ มันคือการไปและทุ่มเททุกอย่างของคุณเพื่อชัยชนะ นั่นเป็นสิ่งที่ผมเข้าใจ'
    'แต่ถ้าคนในสหพันธ์ฟุตบอลสเปนเห็นว่าการกระทำของผมไม่เหมาะสม ผมก็พร้อมที่จะอำลาทีมชาติ ผมไม่มีปัญหาอะไร'
    เคราร์ด ปีเก้ เป็นโจทก์เก่าของแฟนบอลชาวสเปนจากการที่กองหลังค่ายอาซูลกราน่าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของแคว้นกาตาลุนย่าบ่อยครั้งจนถูกแฟนบอลส่งเสียงโห่ทุกครั้งที่ลงเล่นกับทีมชาติสเปนตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก่อน เซร์คิโอ รามอส ในฐานะกัปตันทีมกระทิงต้องออกโรงอ้อนวอนให้แฟนบอลเลิกส่งเสียงโห่ปีเก้เพื่อชาติก่อนหน้าเกมที่ยิงสลุต อิตาลี 3-0 ทว่ายังมีเสียงโห่ประปรายบ้าง
    แต่ผลจากการแสดงท่าทีชัดเจนจากกองหลังวัย 30 ปีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้แฟนบอลชาวสเปนรวมตัวกันมาแสดงพลังต่อต้านปีเก้ในการลงฝึกซ้อมมื้อแรกกับทัพกระทิงที่'ลาส โรซาส'เพื่อเตรียมตัวลงเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับ แอลเบเนีย และ อิสราเอล ในวันศุกร์ที่ 6 กับ 9 ตุลาคมนี้

    มีทั้งการส่งเสียงโห่ ชูป้ายขับไล่และตะโกนด่าปีเก้ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อาทิ 'ปีเก้, ไอ้รูทวาร ออกไปจากทีมชาติซะ!!!'หรือ 'ปีเก้ สเปนเป็นชาติบ้านเกิดของเมิงนะ!!!' ทั้งที่มันเป็นสิทธิ์ของปีเก้ที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามระบอบประชาธิปไตยและสำหรับเกมรับมือแอลเบเนียบนสังเวียน'เอสตาดิโอ โฆเซ่ รีโก้ เปเรซ'ของเมืองอาลีกานเต้ในวันศุกร์นี้ กองหลังบาร์ซ่าคงตกเป็นเป้าส่งเสียงโห่และตะโกนด่าแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้ว่าเขาจะทำหน้าที่เพื่อสเปนก็ตาม
    ส่วนควันหลงหลังวันลงประชามติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังดำเนินต่อไปเมื่อสหภาพแรงงานกว่า 44 องค์กรของแคว้นกาตาลุนย่าเรียกร้องให้ชาวกาตาลันหยุดงานและรวมตัวกันบนท้องถนนเพื่อประท้วงการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของกาตาลุนย่าขั้นร้ายแรงในวันอังคาร
    หนึ่งในองค์กรเหล่านั้นคือสโมสรบาร์เซโลน่าซึ่งประกาศปิดในวันเดียวกันโดยไม่มีการฝึกซ้อมของนักเตะอาชีพและผู้เล่นเยาวชนทุกระดับชั้นเพื่อร่วมประท้วงในวันอังคาร
    มันเป็นการแสดงออกถึงจิตวิญญานของชนชาวกาตาลันเพียงแต่ปีเก้จะไม่มีส่วนร่วมกับการประท้วงครั้งประวัติศาสตร์เพราะกองหลังวัย 30 ปีต้องไปทำตามหน้าที่ของเขานั่นเอง...