แฮตทริคเพื่อลูก
'เอล กลาซิโก้'ยก 177 บนเวทีลีกาจบลงด้วยชัยชนะของ บาร์เซโลน่า เหนือ เรอัล มาดริด 5-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลการแข่งขันที่ขาดลอยเกินความคาดหมายทั้งที่ทัพอาซูลกราน่าไม่มีซุปตาร์อย่าง ลิโอเนล เมสซี่
มันเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ทั้งปัจจุบันและอนาคตว่าทีมยักษ์กาตาลุนย่าสามารถก้าวเดินต่อไปได้ในกรณีที่แข้งชาวอาร์เจนไตน์อำลาสโมสรในอนาคตข้างหน้า
เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ นำทีม'เลือดหมู-น้ำเงิน'กำชัยชนะในสองเกมยากกับ อินเตอร์ มิลาน (2-0) และแมตช์'เอล กลาซิโก้' (5-1) หลัง เมสซี่ กระดูกแขนขวาร้าวจากการลงเล่นกับ เซบีย่า ก่อนหน้านั้น
เมสซี่ เป็นเพียงหนึ่งในผู้ชมที่'คัมป์ นู'เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขามาพร้อมกับ ติอาโก้ หลังเคยนำลูกชายคนโตเดินทางมาชมเกมกับ อินเตอร์ มิลาน ในช่วงกลางสัปดาห์ ครอบครัวเมสซี่นั่งอยู่เคียงข้างลูกๆของ หลุยส์ ซัวเรซ ทั้งลูกสาวและลูกชายที่เข้ามาเป็นสักขีพยานการทำแฮตทริคของคุณพ่อ
หลุยส์ ซัวเรซ เป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำประตูจากการสังหารลูกจุดโทษในแมตช์'เอล กลาซิโก้'ที่ไม่ใช่ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นับตั้งแต่ปี 2008
รุด ฟาน นิสเตลรอย หัวหอกชาวดัตช์ของ เรอัล มาดริด เป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ไม่ใช่ เมสซี่ หรือ โรนัลโด้ ที่ทำประตูจากการยิงจุดโทษในเกม'เอล กลาซิโก้'เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2008 ก่อนมาถึงคิว หลุยส์ ซัวเรซ เมื่อคืนวันอาทิตย์
ซามูแอล เอโต้ อดีตกองหน้า บาร์เซโลน่า เคยรับหน้าที่สังหารลูกจุดโทษในแมตช์'เอล กลาซิโก้'ในช่วงเดือนธันวาคมปีเดียวกัน แต่หัวหอกชาวแคเมอรูนยิงพลาด หลังจากนั้นหน้าที่ยิงจุดโทษตกเป็นของ เมสซี่ และทั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมา ซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ยิงไม่เคยพลาด ขณะที่ โรนัลโด้ ก็ยิงให้มาดริดเข้าทั้ง 4 ครั้งเช่นกัน
หลุยส์ ซัวเรซ สร้างชื่อด้วยการทำแฮตทริคครั้งที่ 12 นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 และยังเป็นการทำแฮตทริคครั้ง 25 ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของแมตช์'เอล กลาซิโก้'ด้วย
ถ้าไม่นับรวม เมสซี่ หรือ โรนัลโด้ นักเตะคนสุดท้ายที่เคยทำแฮตทริคในแมตช์'เอล กลาซิโก้'คือ โรมาริโอ หัวหอกชาวบราซิเลียนของทีมอาซูลกราน่าที่เคยทำได้ในปี 1994 ส่วนแฮตทริคครั้งล่าสุดที่้เกิดขึ้นในเกม'เอล กลาซิโก้'เป็นผลงานของ เมสซี่ ที่ทำได้ในเดือนมีนาคมปี 2014
หลุยส์ ซัวเรซ ทำแฮตทริคล่าสุดฉลองให้ลูกชาย'เลาตาโร่'ที่เพิ่งลืมตาดูโลก กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยกำลังกลับมาเล่นด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมหลังออกสตาร์ทซีซั่นนี้ค่อนข้างฝืด จากผลงานชิ้นโบแดงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้อดีตกองหน้าหงส์แดงยิง 7 ประตูกับ 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นทุกรายการในฤดูกาลนี้
'มันเป็นสถานการณ์ปกติ ช่วงซีซั่นที่ผ่านมา หลุยส์ ก็ทำได้ยอดเยี่ยมแบบนี้'บัลเบร์เด้ กล่าวชื่นชมผลงานของแฮตทริคฮีโร่คนล่าสุด
'ทุกคนต่างพูดว่าเขายิงประตูไม่ได้ แต่เพราะว่าเขาทำงานอย่างหนัก ผลที่ได้ก็คือความสำเร็จในวันนี้'
'ระยะยาว นั่นคือสิ่งที่เขาทำเพื่อทีม เราคว้าชัยชนะจากการมีเขาอยู่ในทีม'
'ผมไม่คิดว่าผู้คนจะต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับ หลุยส์ ซัวเรซ อีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าการทำแฮตทริคมันคุ้มค่าจริงๆ'บัลเบร์เด้กล่าว
หลังกดประตูแรกจากการสังหารจุดโทษนาที 30 หลุยส์ ซัวเรซ ฉลองกับครอบครัวด้วยการถลกโชว์เสื้อยืดด้านในที่สกรีนภาพลูกๆทั้ง 3 คน เดลฟีน่า ลูกสาวคนโต, ลูกชาย เบนฮามิน พร้อมน้องนุชสุดท้อง เลาตาโร่ ที่เพิ่งลืมตาดูโลกไม่กี่วันก่อนหน้านี้
หลายคนอาจเคยเห็นซัวเรซในมุมดิบๆบนสังเวียนหญ้าโดยเฉพาะพฤติกรรมแบบคาดไม่ถึงอย่างการกัด จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลีในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 2014 หรือการใช้หัวโขกฝ่ายตรงข้ามหลายครั้ง แต่ภาพที่เราเห็นจาก'คัมป์ นู'เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอีกด้านของชายชื่อซัวเรซที่มีความอบอุ่นและรักครอบครัว
นับแต่ซัดประตูเบิกร่องและโชว์เสื้อสกรีนรูปครอบครัวอบอุ่นเหมือน หลุยส์ ซัวเรซ จะบอกเป็นนัยๆว่าจะยิงประตูเพื่อลูกๆจนครบทั้งสามคน ก่อนที่หัวหอกชาวอุรุกวาโย่จะทำแฮตทริคแจกทั้ง เดลฟีน่า, เบนฮามิน และเจ้าหนู เลาตี้
สื่อเกือบทุกสำนักให้คะแนนความสามารถ หลุยส์ ซัวเรซ จัดอยู่ในขั้นเทพ 10 เต็ม 10 หลังมีส่วนร่วมกับเกมมากเป็นพิเศษก่อนทำแฮตทริคสำเร็จ
หลุยส์ ซัวเรซ ใช้ความปราดเปรียวชิงจังหวะเล่นบอลตัดหน้า ราฟาแอล วาราน ก่อนเซนเตอร์แชมป์โลกของทีมชุดขาวจะพลาดท่าเสียทีให้ดาวยิงชาวอุรุกวาโย่จนเสียลูกจุดโทษ ซึ่งต้องใช้วีเออาร์ช่วยตัดสิน หัวหอกวัย 31 กะรัตยังเป็นฝันร้ายของแนวรับมาดริดหลังเล่นงานทั้ง เซร์คิโอ รามอส รวมถึง ติโบต์ กูร์กตัวส์ หลังโชว์ฟอร์มระดับเทพทำ 3 ประตูในแมตช์'เอล กลาซิโก้'เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคู่ควรกับคำว่า'สมบูรณ์แบบ'อย่างแท้จริง
'เราต้องภูมิใจในการมีนักเตะดีที่สุดในโลก'หลุยส์ ซัวเรซ กล่าวถึงเพื่อนสนิทอย่างเมสซี่ 'แต่เราแสดงให้เห็นว่าเราก็มีทีมที่ยอดเยี่ยมกับโค้ชที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน'หัวหอกชาวอุรุกวาโย่กล่าวชื่นชมเพื่อนร่วมทีม รวมถึงเทรนเนอร์บัลเบร์เด้
เมื่อปราศจากผู้เล่นหัวใจสำคัญอย่าง เมสซี่ ทีมของบัลเบร์เด้ใช้'จุดแข็ง'จากการเล่นกันด้วยทีมเวิร์คสยบคู่ปรับตลอดชาติอย่างมาดริดสำเร็จ โดยเฉพาะการทำประตูเบิกร่องช่วงนาที 11 มาจากการต่อบอลของนักเตะอาซูลกราน่าถึง 30 ครั้ง ก่อน ฟิลิปเป้ กูตินโญ่ จะปิดบัญชี ซึ่งเป็นการประสานงานกันและจบลงด้วยการทำสกอร์มากสุดนับตั้งแต่ศึก'เอล กลาซิโก้'ในซีซั่น 2005-06
บาร์เซโลน่า ยังเป็นทีมแรกและทีมล่าสุดที่กระทุ้ง เรอัล มาดริด ในเกมเดียวถึง 5 ประตู หลังทีมชุดขาวเคยพ่ายทีมอาซูลกราน่า 0-5 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2010 หลัง'เป๊ป'กวาร์ดิโอล่า รับน้อง โชเซ่ มูรินโญ่ ตั้งแต่การคุมมาดริดซีซั่นแรก
ทีมอาซูลกราน่า ยังทำสถิติไม่แพ้จากการลงเล่นในถิ่น'คัมป์ นู' 42 เกมติดต่อกัน (ชนะ 34 เสมอ 8) ส่วนสถิติไม่แพ้ยาวนานติดต่อกันเคยทำไว้ที่ 67 เกมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 1977
บาร์เซโลน่า ยังทำประตูในแมตช์'เอล กลาซิโก้'ถึง 22 เกมติดต่อกัน รวม 53 ประตู เทียบเท่าสถิติของ เรอัล มาดริด ที่เคยยิงประตูติดต่อกัน 22 เกมระหว่างปี 1959-1969
จากผลงานของแฮตทริคฮีโร่ทำให้ หลุยส์ ซัวเรซ ขยับขึ้นมาเป็นผู้เล่นอันดับ 5 ที่ทำประตูให้ทีมอาซูลกราน่ามากสุดตลอดกาลแซงหน้า โจเซป เอสโกล่า ที่กดรวมกัน 158 ประตู
หลุยส์ ซัวเรซ ซัดประตูที่ 157, 158 และ 159 หลังการลงเล่นในถิ่น'คัมป์ นู'เพียง 4 ฤดูกาล ตามหลังเฉพาะ เมสซี่ (564), เซซ่าร์ โรดริเกซ (232), ลาดิสเลา กูบาล่า (194) และ โจเซป ซามีเตียร์ (184) เท่านั้น
นั่นคือการทำแฮตทริคครั้งที่ 26 ตลอดอาชีพค้าแข้งของ หลุยส์ ซัวเรซ และยังเป็นแฮตทริคครั้งที่ 12 ในการเล่นกับทีมอาซูลกราน่า
มันมีการทำแฮตทริคหลายครั้งที่น่าประทับใจทั้งในฐานะนักเตะ ลิเวอร์พูล, บาร์เซโลน่า และ ทีมชาติอุรุกวัย
หลุยส์ ซัวเรซ เคยกดแฮตทริคใส่ นอริช ถึง 2 ครั้งในปี 2012 กับ 2013
หัวหอกชาวอุรุกวาโย่ยังกดแฮตทริคนำ บาร์เซโลน่า ถล่ม เรอัล เบติส 6-2 เมื่อปี 2016 และแฮตทริคล่าสุดในแมตช์'เอล กลาซิโก้'
แม้ หลุยส์ ซัวเรซ จะเคยทำแฮตทริคในการเล่นกับทีมชาติอุรุกวัยเพียง 2 ครั้งและหนึ่งในนั้นคือเกมกระทุ้ง ชิลี ในรอบคัดเลือกของศึกฟุตบอลโลกเมื่อปี 2013
แฮตทริคล่าสุดของ หลุยส์ ซัวเรซ ยังทำให้เขากระทุ้งรวมกัน 9 ประตูจากการลงเล่นแมตช์'เอล กลาซิโก้'11 เกมและยังสร้างชื่อเป็นนักเตะคนที่ 11 ที่ทำแฮตทริคในเกมระหว่างทัพอาซูลกราน่ากับทีมชุดขาวด้วย
หลุยส์ ซัวเรซ แฮปปี้ นักเตะบาร์ซ่าและสาวกบาร์เซโลนิสต้าต่างมีความสุขกับชัยชนะสวยหรู ในทางกลับกัน เรอัล มาดริด กำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติมากขึ้นโดยเฉพาะ จูเลน โลเปเตกี ที่กำลังจะถูกปลดในไม่ช้า ส่วนผู้ที่จะเข้ามากอบกู้เรือที่กำลังจะอัปปางจะเป็นใครระหว่าง อันโตนิโอ คอนเต้ หรือ ซานติอาโก้ โซลารี่ คงต้องติดตามกันต่อไป
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT