:::     :::

'7 ต่าง 5 เหมือน'

วันอังคารที่ 06 พฤศจิกายน 2561 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
2,359
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ซานติอาโก้ โซลารี่ เทรนเนอร์รักษาการของ เรอัล มาดริด ทำผลงานน่าประทับใจจากการคุมทีมชุดขาวชนะ 2 เกมแรกและไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว

ผ่านการทดลองงานมาราวหนึ่งสัปดาห์ในฐานะเทรนเนอร์รักษาการของ ซานติอาโก้ โซลารี่ หลัง เรอัล มาดริด สั่งปลดประจำการ จูเลน โลเปเตกี ปรากฎว่าเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์นำทัพ'โลส บลังโกส'กำชัย 2 นัดรวดโดยไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว ทั้งที่ทีมชุดขาวถูกคู่แข่งทะลวงหลังถึง 6 จาก 7 เกมก่อนหน้านั้น 

โซลารี่ ประเดิมการนั่งเก้าอี้เทรนเนอร์ของ เรอัล มาดริด ด้วยการนำทีมบุกขย่ม เมลีย่า 4-0 บนเวที โกปา เดล เรย์ รอบ 32 ทีม นัดแรก ซึ่งไม่สามารถนำมาวัดคะแนนความสามารถของเทรนเนอร์วัย 42 กะรัตเนื่องจากคู่แข่งเป็นเพียงสโมสรระดับเซกุนด้า เบ หรือเทียบเท่าดิวิชั่น 3 ห่างชั้นกว่าทีมชุดขาวหลายขุม 

แต่ชัยชนะดังกล่าวช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับคืนมาไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นกับทีมใหญ่หรือสโมสรเล็กๆก็ตาม หลังการกำชัยเพียงครั้งเดียวจากการลงเล่น 7 เกมก่อนหน้านั้น


เทรนเนอร์วัย 42 ปียังนำ เรอัล มาดริด คว้าชัยชนะสองเกมติดต่อกันหลังเปิดสังเวียน'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'สยบทีมหลังเหนียวอย่าง เรอัล บายาโดลิด 2-0 โดยได้ทั้งสองประตูในช่วงท้ายเกมท่ามกลางเสียงโห่จากสาวกมาดริดิสต้าที่แสดงความอึดอัดกับสถานการณ์ของทีม 

นั่นคือผลงานของทัพ'โลส บลังโกส'จากการเปลี่ยนเทรนเนอร์กลางศึกหลังอดีตเทรนเนอร์ทีมชาติสเปนทำผลงานน่าผิดหวังเกินเยียวยาจากสถิติการคุมทีมชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 6 จากการลงสนาม 14 เกม ยิง 21 ประตู เสีย 20 ประตู

ตลอดช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาภายใต้การทำงานของ โซลารี่ มีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป แต่บางอย่างยังไม่ต่างจากเดิมพอจะแยกแยะได้ดังนี้ 

7 ความแตกต่าง

1.การแจ้งเกิดของ วินิซิอุส จูเนียร์

หนึ่งในข้อแตกต่างสำคัญระหว่าง จูเลน โลเปเตกี กับ ซานติอาโก้ โซลารี่ คือการเลือกใช้งาน วินิซิอุส จูเนียร์ กองหน้าดาวรุ่งชาวบราซิเลียนวัย 18 กะรัต


ภายใต้การทำงานของ โลเปเตกี เขาเลือกใช้วินิซิอุสลงเล่นเพียง 12 นาทีจากการลงเล่นเป็นตัวสำรอง 2 เกม แต่ โซลารี่ ให้โอกาสเด็กจากเมืองกาแฟลงสนามทั้งสองเกมที่ผ่านมารวมกัน 87 นาทีและเป็นหนึ่งในนักเตะมาดริดที่ทำผลงานดีสุด 

2.การตัดสินใจเชิงตรรกะ 

เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์เข้ามารับงานใหญ่และตัดสินใจหลายอย่างโดยอาศัยหลักการง่ายๆแต่มีเหตุมีผล 

ตัวอย่างเช่นถ้า มาร์เซโล่ วิเอยร่า บาดเจ็บลงเล่นไม่ได้ เทรนเนอร์วัย 42 ปีจะส่ง เซร์คิโอ เรกีลอน ลงเล่นแบ็กซ้าย หรือ ดาเนียล การ์บาฆาล ยังไม่พร้อมโอกาสจะตกเป็นของ อัลบาโร่ โอดรีโอโซล่า 


3.คลีนชีต 

จาก 2 เกมที่ โซลารี่ คุมทีมชุดขาวลงสนาม ปรากฎว่า เรอัล มาดริด ไม่เสียประตูให้คู่แข่งทั้งที่เคยเสียประตูถึง 6 จาก 7 เกมก่อนหน้านี้  แม้ว่าคู่ต่อสู้ทั้งสองทีมจะห่างชั้นกว่ามากก็ตาม 

4.การตัดสินใจที่กล้าหาญ

โซลารี่ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ยึดติดอยู่กับผู้เล่นคนใดคนหนึ่งและเขาไม่กลัวที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆที่เห็นว่ามันจะดีสำหรับทีม หนึ่งในนั้นคือการเปิดโอกาสให้เด็กอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ ลงเล่น รวมถึงการถอดแข้งแกนหลักอย่าง การ์ลอส กาเซมีโร่ หรือ แกเร็ธ เบล ออกจากสนามเพื่อแก้เกมด้วยการส่ง อีสโก้ อาลาร์กอน กับ ลูกัส บาซเกซ ลงเล่นแทน 


5.การกลับมาของ ปินตุส 

อันโตนิโอ ปินตุส คือโค้ชฟิตเนสที่มีบทบาทน้อยในยุค โลเปเตกี แต่มีส่วนสำคัญมากขึ้นหลังการก้าวขึ้นมาของ โซลารี่ หลังมอบหน้าที่ให้ ปินตุส คุมทีมฝึกซ้อมเหมือนที่เขาเคยทำงานดังกล่าวในยุคของ ซีเนดีน ซีดาน


6.โชค

มันเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่ โลเปเตกี โอดครวญว่าเขาไม่มีโชคในการทำงานที่'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ซึ่งเทรนเนอร์ชาวบาสโก้หวังว่า โซลารี่ ที่ก้าวขึ้นมาทำงานแทนจะมีในสิ่งที่เขาขาดไปนั่นคือความโชคดี 

7.ความสุข

ผ่านมาจนถึงตอนนี้ โซลารี่ มีความสุขกับผลงานของทีม เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์สามารถยิ้มได้ทั้งบนม้านั่งสำรองและในการแถลงข่าว ซึ่งต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับ โลเปเตกี ในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ 


นั่นคือความแตกต่าง 7 ข้อหลังการเปลี่ยนเทรนเนอร์กลางศึกของ เรอัล มาดริด แต่ก็ยังมี 5 เรื่องที่ยังต้องได้รับการแก้ไขต่อไปเช่นกัน ส่วนจะมีเรื่องใดบ้างไปติดตามกันครับ

1.รูปแบบการเข้าทำ

หนึ่งในปัญหาของ เรอัล มาดริด ซีซั่นนี้คือจังหวะจบสกอร์ที่ยังขาดความเฉียบคมจนมีส่วนทำให้ โลเปเตกี ตกงาน 

จากเกมล่าสุดกับ เรอัล บายาโดลิด ทัพ'โลส บลังโกส'ครองบอล 58.1 เปอร์เซนต์ แต่ทีมชุดขาวไม่ได้สร้างอันตรายมากนัก การเปิดบอลจากริมเส้นหลายครั้งไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อ จอร์ดี้ มาซิป ผู้รักษาประตูของทีมเยือน ซึ่งการขาดศูนย์หน้าประเภทโป้งปิดบัญชีทำให้การเข้าทำประตูกลายเป็นเรื่องยาก ดังนั้นมันจึงจำเป็นต้องเล่นร่วมกันเป็นทีมเพื่อสร้างช่องว่างและโอกาสในการทำประตูคู่แข่ง


2.ฟอร์มโมดริช 

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ เรอัล มาดริด ทำผลงานกระท่อนกระแท่นในฤดูกาลนี้มาจากฟอร์มการเล่นของ ลูก้า โมดริช ซึ่งยังไม่แจ่มเหมือนที่เขาเคยทำได้ก่อนหน้านี้ มันอาจเป็นผลกระทบจากการลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งที่ผ่านมาทำให้สภาพร่างกายของมิดฟิลด์ชาวโครแอตยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นโดยตรง

ขณะที่ โทนี่ โครส ยังไม่อยู่ในฟอร์มดีที่สุดเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อสองหัวใจหลักในแดนกลางฟอร์มตกพร้อมกัน การสรรสร้างเกมของแดนกลางมาดริดจึงกลายเป็นปัญหาที่ยังต้องแก้ไขกันต่อไป 

3.เบลและการเป็นผู้นำทีม 

แกเร็ธ เบล ได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาและเป็นหนึ่งในผู้นำทีมหลังการจากไปของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ผลงานการเล่นเกมรุกของกองหน้าชาวเวลส์น่าผิดหวังตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่นยิงประตูไม่ได้ติดต่อกันกว่า 9 ชั่วโมงหรือ 550 นาที โดยเฉพาะเกมล่าสุดกับ เรอัล บายาโดลิด ปรากฎว่า เบล แทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมจนถูกแทนที่โดย ลูกัส บาซเกซ 


เรอัล มาดริด ต้องการคนที่สามารถช่วยแบกทีมได้เหมือนที่ โรนัลโด้ เคยทำก่อนหน้านี้ ผู้เล่นที่สามารถนำทีมกลับมาได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ เบล ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถทำได้อย่างที่หลายคนคาดหวัง 

4.ตำแหน่งของ มาร์โก อาเซนซีโอ

เหมือน แกเร็ธ เบล นั่นคือ มาร์โก อาเซนซีโอ ซึ่งถูกคาดหวังว่าจะทะลุขึ้นมาในซีซั่นนี้หลังการจากไปของ โรนัลโด้ แต่แข้งดาวโรจน์พรสวรรค์สูงยังไม่ได้อยู่ในฟอร์มการเล่นอย่างที่คาดหวัง แม้ว่าจะได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงต่อเนื่องก็ตาม 


อาเซนซีโอ เพิ่งยิงเพียง 2 ประตูในซีซั่นนี้และถูกแทนที่โดย วินิซิอุส จูเนียร์ ในเกมล่าสุดก่อนที่กองหน้าดาวรุ่งชาวบราซิเลียนจะมีส่วนช่วยให้ทีมชุดขาวได้ประตูขึ้นนำ 

แน่นอนเจ้าหนุ่มมาร์โกจำเป็นต้องเร่งพัฒนาฟอร์มการเล่นให้ดีกว่าปัจจุบัน หากยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเขาจะถูกดร็อบเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนอื่นสตาร์ทแทน

5.ขาดความมั่นใจ

จูเลน โลเปเตกี เคยทำให้เห็นว่าเขายังไม่ไว้วางใจเด็กอย่าง อัลบาโร่ โอดรีโอโซล่า หรือ เซร์คิโอ เรกีลอน เพื่ออุดช่องว่างหลังการบาดเจ็บของ ดาเนียล การ์บาฆาล กับ มาร์เซโล่ วิเอยร่า ขณะที่ โซลารี่ เลือกแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการส่งทั้ง อัลบาโร่ กับ เรกีลอน สองฟูลแบ็กธรรมชาติลงเล่นทั้ง 2 เกมแรกของเขา 


สิ่งสำคัญคือเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์จะต้องรักษาสิ่งนี้ไว้เพื่อให้นักเตะรู้สึกว่าพวกเขาได้รับความไว้วางใจจากเทรนเนอร์ ซึ่งจะช่วยให้นักเตะเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นหลังมันขาดหายไปในช่วงก่อนหน้านี้ 

นั่นคือความต่างและความเหมือนของทีมชุดขาวของผู้จากไป จูเลน โลเปเตกี และคนมาใหม่ ซานติอาโก้ โซลารี่ 

ผลงานช่วง 2 ปีกับ เรอัล มาดริด กาสตีย่า จัดอยู่ในขั้นสามัญธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นจากสถิติคุมทีมลงสนาม 86 เกม ชนะ 32 เสมอ 29 แพ้ 25 ยิง 112 ประตู เสีย 92 ประตู คิดเป็นเปอร์เซนต์ชนะเพียง 37.21  


แต่ โซลารี่ สามารถตอบโจทย์ 2 ข้อแรกได้ดีในระดับหนึ่ง ถึงตอนนี้ยังเหลือโจทย์อีก 2 ข้อในการเยือน วิคตอเรีย พิลเซ่น บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มคืนวันพุธนี้ ต่อด้วยเกมเยือน เซลต้า บีโก้ บนเวทีลีกาคืนวันอาทิตย์ 

ถ้าหากเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์สอบผ่านทั้ง 4 ข้อข้างต้น ท่านประธานฟลอเรนติโน่อาจตอบแทนด้วยการเปิดโอกาสให้ โซลารี่ ลากยาวไปจนกระทั่งจบซีซั่นเหมือนซีดานก็เป็นได้ 


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด