ปัญหาที่แก้ไม่ตก...
บาร์เซโลน่า เสีย 6 ประตูจากการลงเล่น 2 เกมหลังและถูกกระทุ้งรวมกัน 18 ประตูจากการลงเล่น 12 นัดแรกของซีซั่นกลายเป็นผลงานห่วยสุดในรอบ 44 ปีของทีมยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นกาตาลุนย่า
ทีมอาซูลกราน่ายังไม่เคยเสียมากถึง 18 ประตูจากการลงเล่น 12 นัด นับตั้งแต่ฤดูกาล 1974-75!!!
ย้อนกลับไปในยุคที่มี ตีโต้ บีลาโนบา เป็นเทรนเนอร์ต่อจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในช่วงฤดูกาล 2012-13 ทีมเลือดหมู-น้ำเงินเคยเสีย 15 ประตูจากการลงเล่น 12 เกมแรกของซีซั่น แต่ก็ยังน้อยกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้กับทีมของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ก่อนตีโต้จะนำทัพอาซูลกราน่าทะยานเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกาซีซั่นนั้นด้วยการสร้างประวัติศาสตร์เก็บ 100 คะแนนพร้อมทะลวงคู่แข่งรวมกัน 115 ประตู เสียเพียง 40 ประตูเท่านั้น
'ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราไม่เคยเสียประตูมากมายก่ายกองเท่านี้มาก่อน แต่เราทำหลายสิ่งหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการทำให้ดีขึ้นกว่านี้'เคราร์ด ปีเก้ กองหลังบาร์ซ่ากล่าวหลังเกมพลิกพ่าย เรอัล เบติส 3-4 คารัง'คัมป์ นู'เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการบุกมาคว้าชัยชนะถึงถิ่นบาร์ซ่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 1998
บาร์เซโลน่า ของบัลเบร์เด้ยังทำผลงานแตกต่างจากซีซั่นก่อนอย่างสิ้นเชิง
บัลเบร์เด้ นำทีมยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นกาตาลุนย่าออกสตาร์ท 12 เกมแรกในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยสถิติชนะ 11 เสมอ 1 ยิง 33 ประตู เสียเพียง 4 ประตู เก็บ 34 จาก 36 คะแนน
ส่วนผลงานในซีซั่นนี้ปรากฎว่าเทรนเนอร์ชาวบาสโก้นำบาร์ซ่าเก็บคะแนนน้อยกว่าซีซั่นก่อนถึง 10 แต้มและยังเสียมากกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาถึง 14 ประตู แม้ว่าจะยิงมากขึ้นหนึ่งประตูก็ตาม
การเก็บ 24 คะแนนจากการลงเล่น 12 เกมแรกของฤดูกาลยังเป็นผลงานย่ำแย่สุดนับตั้งแต่ทีมยุค แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด เคยทำไว้ในช่วงซีซั่น 2007-08 แต่ยังโชคดีที่คู่แข่งทีมอื่นโดยเฉพาะ เรอัล มาดริด ต่างก็ทำผลงานแย่เช่นเดียวกัน ทัพอาซูลกราน่าของบัลเบร์เด้ถึงยังรั้งบัลลังก์จ่าฝูงไว้ได้ในปัจจุบัน ทว่ามันจะยาวนานแค่ไหนหากแนวรับยังก่อความผิดพลาดง่ายเยี่ยงนี้
บาร์เซโลน่า เป็นทีมที่เล่นเกมรุกทรงประสิทธิภาพมากที่สุดของลีกา แต่ทีมอาซูลกราน่าเล่นเกมป้องกันแย่จนเสียประตูมากสุดอันดับ 6 ของลีกโดยเสียประตูน้อยกว่า อ้วยส์ก้า (25), ราโย บาเยกาโน่ (25), เซลต้า บีโก้ (20), เลบันเต้ (19) และ แอธเลติก บิลเบา (19) เท่านั้น
แม้กระทั่งทีมโซนท้ายตารางอย่าง เลกาเนส ยังเสียแค่ 16 ประตู หรือแม้แต่ทีมคู่ปรับสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด ที่เคยมีปัญหาการเล่นเกมรับก่อนหน้านี้จนมีส่วนทำให้ จูเลน โลเปเตกี ถูกปลดออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ยังเสียเพียง 16 ประตู
การปราชัยคารังต่อ เรอัล เบติส 3-4 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ติดต่อกันใน'คัมป์ นู'ไว้เพียง 42 เกมและยังเป็นการพลาดท่าให้ทีมเยือนจากแคว้นอันดาลูเซียครั้งแรกหลังไม่เคยพ่ายมาตลอด 14 ครั้งที่พบกันก่อนหน้านี้
42 เกมหรือ 792 วันที่ทีมอาซูลกราน่าไม่แพ้ที่'คัมป์ นู'นับจากการปราชัยคารังครั้งสุดท้ายในเกมพลิกพ่าย อลาเบส 1-2 ช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของซีซั่น หลังจากนั้น บาร์เซโลน่า ทำผลงานชนะ 34 เสมอ 8 ย้อนกลับไปตั้งแต่ฤดูกาล 2016-17 ยุค หลุยส์ เอ็นรีเก้ ซึ่งทำสถิติชนะ 14 เสมอ 3 ต่อเนื่องมาถึงยุค บัลเบร์เด้
'เราเล่นไม่ดีเลยในช่วงครึ่งแรก'บัลเบร์เด้กล่าวด้วยความผิดหวังหลังทีมอาซูลกราน่าตกเป็นฝ่ายตามหลังทีมเบตีโก้ในช่วง 45 นาทีแรกด้วยสกอร์ 0-2 จากการทำประตูของกองหลังดาวรุ่งวัย 22 ปี เอคตอร์ จูเนียร์ ฟีร์โป กับแข้งลายครามวัย 37 กะรัต ฆัวกิน ซานเชซ 'เราไม่สามารถเล่นตามแนวทางของเราเพื่อกลับเข้าสู่เกม'
'เรากำลังเล่นในฟอร์มที่ดี แต่เราออกสตาร์ทเกมนี้ไม่ดีเลย มีบางอย่างขาดหายไป เราเริ่มความเร่าร้อนในช่วงครึ่งหลังและสร้างสรรโอกาสได้มากกว่าที่เราทำก่อนหน้านั้น'
'มันยังรู้สึกดีที่ได้เข้าสู่ช่วงเบรคทีมชาติในฐานะทีมนำ แต่เราคาดหวังว่าจะแสดงตัวตนของเราได้มากกว่านี้เสมอ ลีกาฤดูกาลนี้กำลังเปิดกว้างเพื่อให้เกิดการแข่งขันมากขึ้นและวันนี้เป็นการเตือนให้จำว่าการจะเอาชนะเกมมันยากเย็นแค่ไหน'
ย้อนกลับไปถึงการเสีย 18 ประตูจากการลงเล่น 12 เกมแรกของซีซั่นนี้ มันแตกต่างจากฤดูกาลก่อนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากทีมของ บัลเบร์เด้ ต้องลงเล่นถึง 33 เกมกว่าจะเสียประตูเท่าตอนนี้
การเสียถึง 4 ประตูใน'คัมป์ นู'เกมล่าสุดยังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่เคยถูก เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า บุกมากระทุ้ง 4-2 ในช่วงปี 2003
บาร์เซโลน่า ไม่เสียประตูจากการลงเล่นลีกาเฉพาะ 2 นัดแรกของซีซั่นที่ชนะ อลาเบส 3-0 ต่อด้วยเกมบุกเชือด เรอัล บายาโดลิด 1-0 หลังจากนั้นทีมอาซูลกราน่าเสียประตูตลอด 10 เกมที่ผ่านมา รวมกันถึง 18 ประตูหรือเฉลี่ยเสียเกมละ 1.8 ประตู
ปัญหาเกมป้องกันของบาร์ซ่ารั่วมาจากอะไร??? ระบบหรือตัวผู้เล่น!?!?
บัลเบร์เด้ เคยเลือกใช้ระบบ 4-4-2 ในช่วงซีซั่นก่อน ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ทีมอาซูลกราน่าเล่นเกมรับแน่นขึ้นจนเสียประตูน้อยลง แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าเล่นน่าเบื่อไร้ความเร้าใจ แต่ถึงอย่างไรผ่านช่วง 12 เกมแรกของซีซั่น บาร์ซ่าก็ยิง 33 ประตูน้อยกว่าฤดูกาลนี้เพียงประตูเดียวเท่านั้น
เทรนเนอร์ชาวบาสโก้เริ่มต้นฤดูกาลนี้ด้วยระบบที่สาวกบาร์เซโลนิสต้าคุ้นเคยอย่าง 4-3-3 ซึ่งช่วยให้ทีมยักษ์กาตาลุนย่าเล่นเกมรุกมีสีสันเร้าใจเช่นเดิม แต่ก็แลกมาด้วยปัญหาในเกมรับจนเสียประตูมากสุดในรอบ 44 ปี
4-3-3 ของบาร์ซ่าจะมีสองดาวดัง ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นตัวยืน อีกตำแหน่งที่เหลือจะสลับสับเปลี่ยนกันระหว่าง ฟิลิปเป้ กูตินโญ่, อุสมาน เดมเบเล่, ราฟาเอล อัลกันตาร่า ราฟินญ่า, มูนีร์ เอล อัดดาดี้ หรือแม้แต่ มัลคอม ซิลวา ในเกมล่าสุด
ตามที่ทราบกันดีว่า เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ จะมีส่วนรับผิดชอบกับการเล่นเกมรับไม่มากนัก ดังนั้นภาระการเล่นเกมรับจึงตกเป็นของผู้เล่นอีก 8 คนที่เหลือ บางเกมที่ บัลเบร์เด้ เลือกส่ง เดมเบเล่, มูนีร์ หรือ มัลคอม ลงเล่นจะมีปัญหามากขึ้นเนื่องจากนักเตะทั้งสามคนเล่นเกมรับไม่ดี หลายต่อหลายครั้งที่ทำเสียบอลในจังหวะทำเกมรุก มันก็เปิดช่องว่างในแดนหลังให้คู่แข่งใช้เกมสวนกลับเร็วเล่นงาน
เนื่องจากทีมอาซูลกราน่าจะเล่นเกมรุกโดยใช้ฟูลแบ็กสองฝั่งเติมเกมขึ้นสูงทั้ง จอร์ดี้ อัลบา หรือ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ดังนั้นหากมีการเสียบอลระหว่างทาง พื้นที่แนวรับด้านข้างทั้งสองฝั่งจะเปิดโล่งให้คู่แข่งโจมตีเหมือนพื้นที่รับผิดชอบของ เซร์จี้ โรเบร์โต้ โดนเล่นงานในเกมล่าสุด
จากระบบนำมาสู่นักเตะที่ทำให้เกมป้องกันของบาร์ซ่า'รั่ว'โดยเฉพาะตำแหน่ง'แบ็กขวา'ที่เกิดขึ้นกับ บาร์เซโลน่า นับตั้งแต่การย้ายทีมของ ดาเนียล อัลเวส ซึ่งอำลาถิ่น'คัมป์ นู'ในช่วงซัมเมอร์ปี 2016
บาร์เซโลน่า ยังไม่สามารถหาตัวแทนที่ทัดเทียมความสามารถที่ขาดหายไปของแบ็กชาวบราซิเลียน บาร์ซ่า เคยดึง อเล็กซ์ บีดาล มาจาก เซบีย่า รวมถึงแบ็กคนล่าสุดอย่าง เนลซอน เซเมโด้ จาก เบนฟิก้า แต่ทั้งคู่ไม่อาจตอบโจทย์ได้อย่างที่ต้องการจนรายแรกต้องย้ายกลับไปซบทีมเซบียาโน่อีกรอบ
ขณะที่ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ที่ยึดสัมประทานแบ็กขวามาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่ผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็กธรรมชาติ เขาเป็นผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ถูกจับมาเล่นแบ็กขวาแก้ขัด มีจุดเด่นที่การเล่นเกมรุก แต่เกมป้องกันยังอ่อนหัด บางนัดเล่นดี บางเกมเล่นแย่เหมือนนัดล่าสุดที่ถูก จูเนียร์ ฟีร์โป เล่นงานจนหัวหมุน
จากแนวรับ 4 คนของ บาร์เซโลน่า มีการบันทึกสถิติระบุว่า เซร์จี้ โรเบร์โต้ แย่งบอลจากคู่แข่งน้อยสุดเพียง 2 ครั้ง ขณะที่ 3 ผู้เล่นกองหลังที่เหลืออย่าง เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์ กับ จอร์ดี้ อัลบา แย่งบอลได้ 10, 6 กับ 5 ครั้งตามลำดับ
เซร์จี้ โรเบร์โต้ กลายสภาพเป็น'บ่อน้ำมัน'ในแนวป้องกันของ บาร์เซโลน่า จนมีส่วนทำให้ อีวาน ราคิติช ออกอาการห่วงหน้าพะวงหลังและต้องขยับมาช่วยปิดช่องว่างทางแนวรับฝั่งขวามากขึ้นจนกระทั่งถูกไล่ออกจากสนามจากการทำฟาวล์จนได้รับใบเหลือง-แดงกลายเป็นปัญหาหนักอก บัลเบร์เด้ เพิ่มเติมหลังพ้นช่วงพักเบรคให้โปรแกรมทีมชาติเพราะทีมอาซูลกราน่ามีคิวเยือน'ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่'ของ แอตเลติโก มาดริด โดยไม่มีมิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียซึ่งติดโทษพักแข้ง
เกมระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ เรอัล เบติส ยังเป็นแมตช์ที่ทีมอาซูลกราน่าทำฟาวล์มากกว่าคู่แข่งครั้งที่ 2 ในซีซั่นนี้เป็นรองเฉพาะแมตช์'เอล กลาซิโก้'เท่านั้น
เกม'เอล กลาซิโก้'เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา บาร์เซโลน่า ทำฟาวล์มากกว่าคู่แข่งครั้งแรกของซีซั่นจากจำนวน 17 ครั้ง ขณะที่ เรอัล มาดริด ทำฟาวล์เพียง 14 ครั้ง
ส่วนเกมล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นักเตะบาร์ซ่าทำฟาวล์ฝ่ายตรงข้าม 13 ครั้ง ขณะที่นักเตะเบตีโก้ทำฟาวล์เพียง 11 ครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทีมของ บัลเบร์เด้ ยังทำฟาวล์รวมกันน้อยสุดของลีกาเพียง 117 ครั้ง ตามมาด้วย เรอัล มาดริด 125 ครั้ง ขณะที่ แอตเลติโก มาดริด, เซบีย่า และ อลาเบส ทำฟาวล์รวมกัน 129, 172 กับ 171 ตามลำดับ โดยมี เคตาเฟ่ ทำฟาวล์มากสุดของลีกา 222 ครั้งและเป็นทีมเดียวที่ทำฟาวล์คู่แข่งเกิน 200 ครั้ง
บัลเบร์เด้ คงต้องพยายามหาทางแก้ปัญหาเกมป้องกันด้วยทรัพยากรนักเตะที่มีอยู่ในตอนนี้ ซึ่งมีสองทางเลือกสำหรับเทรนเนอร์ชาวบาสโก้ว่าจะเลือกแบบใดระหว่างการเปลี่ยนตัวผู้เล่นหรือปรับระบบเพื่อทำให้ทีมอาซูลกราน่ากลับมาเล่นเกมรับเหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิม
การเล่นเกมรุกของทีมอาซูลกราน่าไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเกมรับยังก่อความผิดพลาดง่ายๆจนการันตีการเสียประตูให้ฝ่ายตรงข้ามเหมือน 10 เกมที่ผ่านมา การไต่เต้าสู่ความสำเร็จเหมือนอย่างที่สาวกบาร์เซโลนิสต้าคาดหวังจะเป็นเรื่องยากแน่นอน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT