ก่อนจะถูกลืม...
เจดอน ซานโช่ ตัดสินใจออกท่องโลกกว้างด้วยวัยเพียง 17 ปีก่อนที่โชคชะตาพลิกผันเพียงชั่วข้ามปีจากแข้งวัยรุ่นก้าวขึ้นมาเป็นดาวโรจน์อนาคตไกลจนมีการประเมินค่าตัวไว้สูงถึง 100 ล้านปอนด์ในปัจจุบัน
การจากตีอ้อมอกของ แมนฯซิตี้ เพื่อไขว่ขว้าโอกาสลงสนามมากขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ใน ดอร์ทมุนด์ เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของเด็กหนุ่มจากแคมเบอร์เวลล์เป็นแบบอย่างของแข้งวัยรุ่นอีกจำนวนไม่น้อยที่หวังเดินตามรอยที่หนุ่มซานโช่ปูทางไว้
แต่ใช่ว่านักเตะดาวรุ่งทุกคนจะประสบความสำเร็จเหมือนหนุ่มเจดอน
หนึ่งปีหลัง เจดอน ย้ายออกจากถิ่น'เอติฮัด สเตเดี้ยม'มาค้าแข้งกับทีมเสือเหลือง อีกหนึ่งเด็กสร้างของซิตี้เลือกทางเดินในอาชีพค้าแข้งไม่ต่างกัน หลัง บราอิม ดีอาซ ตัดสินใจเดินตามความฝันอำลาทีมเรือใบเพื่อย้ายกลับมาค้าแข้งในสเปนกับ เรอัล มาดริด
บราอิม ดีอาซ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับ มาลาก้า ก่อน แมนฯซิตี้ จะดึงเข้ามาสู่ศูนย์ฝึกนักเตะเยาวชนเมื่อปี 2015 ตอนอายุ 16 ปี ด้วยค่าตัว 2 แสนปอนด์
เขาลงประเดิมสนามกับทีมเรือใบในปีต่อมาหลังลงเล่นแทน เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของศึก อีเอฟแอล คัพ กับ สวอนซี ซิตี้ จากนั้นอีกเพียง 5 วัน หนุ่มบราอิมเซ็นสัญญาอาชีพครั้งแรกกับ ซิตี้ เป็นเวลา 3 ปี
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือทีมเรือใบพยายามฟูมฟัก บราอิม ดีอาซ พร้อมแข้งดาวรุ่งรุ่นราวคราวเดียวกันอย่าง เจดอน ซานโช่ และ ฟิล โฟเด้น โดยคาดหวังว่าเด็กเหล่านี้จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในอนาคตของซิตี้ แต่หลายอย่างไม่เป็นไปตามที่กุนซือชาวสเปนปรารถนา
หนุ่มเจดอนชิ่งหนีไปอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 ก่อนที่ บราอิม ดีอาซ จะย้ายกลับสเปนในช่วงหน้าร้อนปีต่อมา ทว่าโชคชะตาของดาวรุ่งทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ขณะที่ ซานโช่ กลายเป็นแข้งตัวหลักของ ดอร์ทมุนด์ จนมีส่วนช่วยทีมเสือเหลืองผงาดขึ้นมารั้งบัลลังก์จ่าฝูงบุนเดสลีกา แต่ บราอิม ยังไม่มีส่วนร่วมกับทีมชุดขาวอย่างที่คาดหวัง
บราอิม ดีอาซ ย้ายมาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 17 ล้านยูโร รวมอ็อปชั่นเพิ่มเติมทำให้ค่าตัวมีโอกาสเพิ่มสูงถึง 24 ล้านยูโร เนื่องจากสัญญากับซิตี้กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายน 2019 ดังนั้นทีมเรือใบจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยนักเตะออกจากทีมเพื่อแลกกับเงินจำนวนหนึ่งหลังหนุ่มดีอาซยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะไม่ขยายสัญญากับสโมสร
แข้งดาวรุ่งวัย 19 ปี เซ็นสัญญายาวกับทัพ'โลส บลังโกส'จนถึงปี 2025 ขณะเดียวกัน แมนฯซิตี้ ยังจะได้เงินส่วนแบ่ง 15 เปอร์เซนต์ ถ้าหากมาดริดขายนักเตะในอนาคตและตัวเลขส่วนแบ่งจะสูงถึง 40 เปอร์เซนต์หากขายให้ทีมสีแดงของเมืองแมนเชสเตอร์
กีเยม บาลาเก ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลสเปนของ'สกาย สปอร์ตส์'ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเด็กหนุ่มวัย 19 ปีเพราะเขามองว่า อิบรา จะมีโอกาสพัฒนาฝีเท้ามากกว่าถ้าหากเลือกอยู่กับทีมเรือใบต่อไป
'ถ้าเขารอคอย, พัฒนาและเรียนรู้ที่ แมนฯซิตี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับเขามากกว่าการตัดสินใจย้ายไปหาความท้าทายที่ เรอัล มาดริด ซึ่งเขาจะเป็นตัวเลือกลำดับ 4 ในแนวรุกของทีมชุดขาว'
หนุ่มบราอิมอาจเริ่มต้นดีเนื่องจากได้โอกาสลงประเดิมสนามกับทีมชุดขาวเพียง 3 วันหลังการเซ็นสัญญา เมื่อ ซานติอาโก้ โซลารี่ ส่งเขาลงเล่นแทน วินิซิอุส จูเนียร์ ช่วงนาที 78 ในเกมชนะ เลกาเนส 3-0 บนเวทีโกปา เดล เรย์ รอบ 16 ทีม นัดแรก
จากนั้นอีก 4 วัน เขายังได้ลงเล่นลีกาในเกมบุกชนะ เรอัล เบติส 2-1 โดยถูกส่งลงเล่นช่วง 8 นาทีสุดท้ายของเกมแทน เฟเดรีโก้ วัลเวร์เด้ โดยมีโอกาสลงสนามก่อน อีสโก้ อาลาร์กอน 'ไอดอล'ในวัยเด็กของเขาสมัยที่อีสโก้ยังเล่นกับ มาลาก้า ด้วยซ้ำ
มันดูเหมือนเป็นการเริ่มต้นที่ดีของเด็กหนุ่มที่มีความใฝ่ฝันว่าจะเล่นกับทัพ'โลส บลังโกส'ตั้งแต่วัยเยาว์ แต่มันเป็นเฉพาะช่วงแรกเท่านั้น
นับตั้งแต่ย้ายมาเซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา หนุ่มบราอิมมีโอกาสลงเล่นกับทีมชุดขาวรวมกันเพียง 24 นาที
บราอิม ฝึกซ้อมร่วมกับทีมมาโดยตลอด แต่ 7 เกมหลังสุด โซลารี่ ไม่ได้เรียกแข้งวัย 19 ปีติดอยู่ในทีมพร้อมใช้งานนับตั้งแต่ แกเร็ธ เบล, มาร์โก อาเซนซีโอ กับ มาเรียโน่ ดีอาซ ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ครั้งล่าสุดที่ บราอิม มีชื่อติดทีมของเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มกราคมในเกมกับ คีโรน่า บนเวทีโกปา เดล เรย์ รอบ 8 ทีม นัดแรก แต่เขาไม่ได้ลงสนาม
เขาไม่ได้ลงเล่นตลอด 9 นัดหลังและไม่มีชื่อแม้กระทั่งบนม้านั่งสำรอง 7 เกม โดยมีโอกาสลงสนามเพียง 24 นาที ต่างจากตอนที่ยังอยู่กับ ซิตี้ เขายังมีโอกาสลงเล่นถึง 314 นาที
เส้นทางการค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ของ บราอิม ไม่ได้ราบรื่นเหมือนกรณีของ ซานโช่ กับ ดอร์ทมุนด์ เนื่องจากองค์ประกอบและสถานการณ์ของทั้งสองทีมแตกต่างกัน
ดอร์ทมุนด์ วางรากฐานอนาคตด้วยผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง ซานโช่ (18 ปี), ดาน อักเซล ซากาดู (19 ปี), อับดู ดิยัลโล่ (22 ปี), ยาค็อบ บรุนน์ ลาร์เซ่น (20 ปี), มานูเอล อาคานยี่ (23 ปี), มักซิมิเลียน ฟิลิปป์ (24 ปี) หรือ มาริอุส โวล์ฟ (23 ปี)
ขณะเดียวกัน ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์ทีมเสือเหลืองยังไม่ลังเลที่จะมอบโอกาสให้แข้งดาวรุ่งอายุน้อยลงพิสูจน์ผลงานในสนาม ซึ่งหนุ่มเจดอนได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวโดยตรง
ต่างจากสถานการณ์ของ บราอิม ดีอาซ กับ เรอัล มาดริด ที่มีหลายปัจจัยเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องและสิ่งสำคัญสุดของสโมสรนี้คือความสำเร็จที่ต้องมาเป็นอันดับแรก
จากอาการลูกผีลูกคนในช่วงต้นซีซั่น เรอัล มาดริด กลับมาตั้งลำได้จนมีโอกาสลุ้นคว้าแชมป์ 3 รายการทั้ง ลา ลีกา, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และ โกปา เดล เรย์ หลังเปลี่ยนมือเทรนเนอร์จาก จูเลน โลเปเตกี มาเป็น โซลารี่ ทว่าเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ทำงานภายใต้แรงกดดัน เขาจะต้องทำผลงานให้ดีและเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
ดังนั้น โซลารี่ จึงไม่เลือกแนวทางที่สุ่มเสี่ยงต่อความล้มเหลวและหนึ่งในนั้นคือการปล่อยแข้งดาวรุ่งลงสนามในเกมสำคัญ โดยมีเฉพาะ วินิซิอุส จูเนียร์ เท่านั้นที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นนักเตะที่มีศักยภาพพอจะช่วยทีมได้มากกว่าดาวรุ่งรายอื่น
เรอัล มาดริด ไม่ผิดที่เซ็นสัญญาระยะยาวกับ บราอิม ดีอาซ ที่สโมสรมองว่าเป็นนักเตะสำหรับอนาคตของทีม
หนุ่มบราอิมไม่ผิดที่เลือกย้ายมาเล่นกับทัพ'โลส บลังโกส'เพื่อเติมเต็มความฝันวัยเด็กของเขา
ทว่าการตัดสินใจย้ายครั้งนี้มันเร็วเกินไปสำหรับ บราอิม ดีอาซ ซึ่งเขาควรใช้เวลาเรียนรู้และพัฒนาฝีเท้ากับทีมเรือใบจนเติบใหญ่แล้วค่อยกลับมาในอนาคตมากกว่ารีบย้ายมาอยู่กับทีมที่ชอบตอนดาวรุ่งอย่างมาดริด
จากแข้งดาวรุ่งที่มีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนักและทางออกคือการปล่อยหนุ่มบราอิมย้ายไปเล่นกับทีมอื่นด้วยสัญญายืมตัวก่อนที่เด็กคนนี้จะกลายเป็นนักเตะที่ถูกลืมเหมือนรุ่นพี่ๆหลายคนก่อนหน้านี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT