ดีเดย์แชมป์...
เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ต้องการนำทีมยักษ์ใหญ่แคว้นกาตาลุนย่าเดินหน้ากำชัยชนะอีกสองเกมเพื่อสอยแชมป์ลีกเมืองกระทิงซีซั่นนี้
ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด'ดีเดย์'คว้าแชมป์ลีกาของ บาร์เซโลน่า จะเกิดขึ้นอย่างช้าในช่วงค่ำคืนวันเสาร์นี้ เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นบนสังเวียน'ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่'อาจทำให้โทรฟี่แชมป์ลีกาโบยบินสู่แคว้นกาตาลุนย่าเร็วกว่านั้น
บาร์เซโลน่า นำเป็นจ่าฝูงลีกาขณะนี้หลังโกย 77 คะแนนจากการลงเล่น 33 เกม ทิ้งห่างอันดับ 2 แอตเลติโก มาดริด ถึง 9 แต้ม โดยเหลือโปรแกรมลงสนามอีกเพียง 5 นัด ซึ่งทีมอาซูลกราน่าต้องการอีก 6 คะแนนเพื่อฟาดแชมป์ลีกาสมัยที่ 26
แอตเลติโก มาดริด มีโอกาสเก็บคะแนนไม่เกิน 83 แต้มกรณีที่กวาดชัยชนะทั้ง 5 เกมสุดท้ายของซีซั่น แต่ตามกฎของฟุตบอลสเปนจะวัดอันดับกันที่ผลงานการพบกันของทั้งสองทีม ซึ่ง บาร์เซโลน่า ทำได้ดีกว่าโดยเป็นฝ่ายชนะทีมตราหมีที่'คัมป์ นู'2-0 ส่วนเกมที่'ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่'ลงเอยด้วยการเสมอ 1-1
ดังนั้นทัพอาซูลกราน่าของ บัลเบร์เด้ จึงต้องการอีกเพียง 6 คะแนนหรือเก็บชัยชนะสองเกมต่อจากนี้เพื่อเช็คบิลคว้าแชมป์ลีกาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก่อนจบซีซั่น 3 นัด
บาร์เซโลน่า มีคิวเยือน อลาเบส คืนวันอังคาร ก่อนจะกลับมาเปิด'คัมป์ นู'รับมือ เลบันเต้ ในคืนวันเสาร์ ซึ่ง บัลเบร์เด้ กำชับให้ลูกทีมเน้นเป็นพิเศษเพื่อเร่งเครื่องคว้าแชมป์ลีกาซีซั่นนี้
แต่มันเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นในกรณีที่ทีมอาซูลกราน่าบุกตบ อลาเบส ก่อนที่ แอตเลติโก มาดริด จะพลิกล็อกพ่ายคารังต่อ บาเลนเซีย ในคืนวันพุธ แชมป์ลีกาจะตกเป็นของทีมอาซูลกราน่าทันที โดยไม่ต้องใส่ใจผลการแข่งขันช่วง 4 เกมสุดท้าย
มันอาจไม่ใช่การคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงเร็วที่สุด แต่มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนที่ บัลเบร์เด้ จะนำทีมยักษ์กาตาลันลงบู๊กับ ลิเวอร์พูล ในรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีก 2 เกม
'สำหรับทุกคน มันเป็นสิ่งสำคัญในการคว้าแชมป์ลีกา ผู้คนมองจากภายนอกและคิดว่ามันง่าย เราต้องการชัยชนะ (อลาเบส) เราต้องเล่นกับทีมที่มีโอกาสคว้าตั๋วไปเล่นยูโรปาลีก เป้าหมายของเราคือการคว้าชัยชนะและจากนั้นเราจะรอดูกัน'บัลเบร์เด้ กล่าว
'ถ้าคุณไปพร้อมจินตนาการก็ดูเหมือนว่าจะคาดเดาได้ แต่มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เพื่อเดินหน้าสู่การคว้าแชมป์เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ เราจะรอดูถ้าเราทำสำเร็จ แต่มันไม่ใช่เรื่องปกติ สิ่งปกติคือการที่คุณต่อสู้ในลีกจนกระทั่งถึงตอนจบ ผมหวังว่าเราจะคว้าชัยชนะไปพร้อมจินตนาการเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน'
สื่อเมืองกระทิงทุกสำนักฟันธงตรงกันว่า บาร์เซโลน่า จะคว้าแชมป์ลีกาภายในช่วงสัปดาห์นี้อย่างช้าสุดคือคืนวันเสาร์หลังเกมกับ เลบันเต้ หรือการตัดสินใจแชมป์อาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันพุธนี้ถ้าหาก บาเลนเซีย ของ มาร์เซลีโน่ การ์เซีย โตราล บุกตบทีมตราหมีหมอบคารังสำเร็จ
มันจะเป็นการคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเหมาะสมสำหรับ บาร์เซโลน่า ก่อนการดวลกับทัพหงส์แดงบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก
นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นก่อนการเปิด'คัมป์ นู'รับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในเกมแรกของรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีกในวันพุธที่ 1 พฤษภาคมนี้แล้ว บัลเบร์เด้ ยังสามารถพักแข้งตัวหลักแบบยกชุดสำหรับเกมเยือน เซลต้า บีโก้ บนเวทีลีกาในวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม ก่อนจะยกพลเยือน'แอนฟิลด์'ในวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม
ขณะที่ ลิเวอร์พูล กำลังแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไหล่เบียดไหล่กับ แมนฯซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดังนั้นทีมหงส์แดงจึงไม่สามารถผ่อนคันเร่งได้แม้แต่เกมเดียว โดยเฉพาะคิวเยือนสังเวียน'เซนต์ เจมส์ พาร์ค'ของ นิวคาสเซิ่ล ซึ่งอยู่คั่นกลางระหว่างเกมดวลทีมอาซูลกราน่าบนเวทียุโรป เจอร์เก้น คล็อปป์ คงไม่สามารถหมุนเวียนนักเตะลงสนามได้หลายตำแหน่งอย่างที่ต้องการ
นั่นเป็นผลดีต่อทีมอาซูลกราน่าหาก บัลเบร์เด้ นำทีมยักษ์กาตาลุนย่าสอยแชมป์ลีกาภายในช่วงสัปดาห์นี้ตามเป้าหมายเพื่อสานฝันสู่การล่า'ทริเปิ้ลแชมป์'ต่อไป
บาร์เซโลน่า เป็นสโมสรแรกที่คว้า'ทริเปิ้ลแชมป์'ถึงสองครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นในซีซั่น 2008-2009 กับ 2014-2015
'ทริเปิ้ลแชมป์'ครั้งแรกของทีมอาซูลกราน่าเป็นผลงานของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก่อนที่ หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาร์ตีเนซ จะทำสำเร็จอีกครั้งเมื่อ 4 ปีก่อน
ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนต่อการคว้า'ทริเปิ้ลแชมป์'ครั้งล่าสุดของ บาร์เซโลน่า คือสามประสานแนวรุก'MSN'ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ซึ่งทำผลงานทรงประสิทธิภาพกระทุ้งทุกรายการรวมกันถึง 122 ประตู
เมสซี่ ซัด 58 ประตู (43 ลีกา, 10 แชมเปี้ยนส์ลีก, 5 โกปา เดล เรย์)
เนย์มาร์ กด 39 ประตู (22 ลีกา, 10 แชมเปี้ยนส์ลีก, 7 โกปา เดล เรย์)
หลุยส์ ซัวเรซ ยิง 25 ประตู (16 ลีกา, 7 แชมเปี้ยนส์ลีก, 2 โกปา เดล เรย์) แต่ตัวเลขของกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยน่าจะมากกว่านี้ถ้าหากไม่ติดโทษแบนช่วง 2 เดือนแรกบนเวทีลีกาซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขบกัด จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลีในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิล
ก่อนการถลุง ยูเวนตุส 3-1 ในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงเบอร์ลินเพื่อการันตีการเป็นทีมดีที่สุดในโลกช่วงเวลานั้น ทีมอาซูลกราน่าน็อคมาทั้ง แมนฯซิตี้, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รวมถึง บาเยิร์น มิวนิค ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ทีมอาซูลกราน่ายุค หลุยส์ เอ็นรีเก้ เล่นได้อย่างสุดยอดทั้งรุกและรับ หลังกวาดชัยชนะถึง 19 จาก 22 เกมบนเวทีลีกาในช่วงปี 2015 ก่อนพุ่งเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงหลังโกย 94 แต้มเหนือกว่าทีมคู่ปรับสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด 2 คะแนน โดยยิง 110 ประตูและเสียเพียง 21 ประตูเท่านั้น ก่อนจบซีซั่นอย่างสมบูรณ์แบบด้วยการคว้า'ทริเปิ้ลแชมป์'
นั่นคือเป้าหมายที่ทีมอาซูลกราน่าของ บัลเบร์เด้ คาดหวังว่าจะทำสำเร็จเป็นครั้งที่ 3 แม้ว่าจะต้องเผชิญโจทย์ยากอย่าง ลิเวอร์พูล ในรอบรองชนะเลิศก็ตาม
แต่ถ้าหากทีมของเทรนเนอร์ชาวบาสโก้สามารถฝ่าด่านหินอย่างหงส์แดงสำเร็จ สำหรับคู่ชิงชนะเลิศไม่ว่าจะเป็น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หรือ อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม ก็ตาม คงไม่ใช่ปัญหาหนักอกสำหรับทัพอาซูลกราน่า
ส่วนอีกหนึ่งรายการสำคัญอย่าง โกปา เดล เรย์ ซึ่งมีคิวลงเล่นนัดชิงชนะเลิศบนสังเวียน'เบนีโต้ บียามาริน'ของเมืองเซบีย่ากับ บาเลนเซีย ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้ แม้ทัพค้างคาวจะเป็นคู่ปรับที่เล่นด้วยยากก็ตาม
แต่ทีมของ มาร์เซลีโน่ การ์เซีย โตราล ค่อนข้างบอบช้ำพอสมควรหลังการลงกรำศึกทั้งสามรายการจนนักเตะค้างคาวทะยอยร่วงไปทีละคนเพราะอาการบาดเจ็บ ดังนั้นการปราบค้างคาวในนัดชิงดำ โกปา เดล เรย์ จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทีมอาซูลกราน่าเช่นเดียวกัน
นั่นคือเส้นทางการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการลูกหนังของ บาร์เซโลน่า ที่มีโอกาสเป็นสโมสรแรกที่คว้า'ทริเปิ้ลแชมป์'ถึง 3 ครั้ง
เริ่มต้นด้วยการซิวแชมป์ลีกเมืองกระทิงสมัยที่ 26, คว้าถ้วย โกปา เดล เรย์ ครั้งที่ 31 ตบท้ายด้วยโทรฟี่แชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ซึ่งจะเป็นการจบซีซั่นที่สวยหรูของทีมยักษ์กาตาลุนย่า
การจะก้าวไปถึงจุดนั้นส่วนหนึ่งมาจากประสิทธิภาพการเล่นเกมรุกของทีมชุดนี้ ซึ่งอาจจะไม่ร้อนแรงเท่ายุคสามประสาน'MSN'แต่ยังอยู่ในข่ายมาตรฐานสำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ หลังตัวช่วยอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ บาดเจ็บซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วน ฟิลิปเป้ กูตินโญ่ ยังทำผลงานขาดความคงเส้นคงวา
นับจนถึงตอนนี้ บาร์เซโลน่า ยิงรวมกัน 127 ประตู ซึ่งมาจากผลงานของสามประสาน เมสซี่ - หลุยส์ ซัวเรซ - เดมเบเล่ 82 ประตู
เฉพาะ เมสซี่ กดคนเดียว 45 ประตู, หลุยส์ ซัวเรซ 23 ประตู กับ เดมเบเล่ 14 ประตู ซึ่งเหลืออีก 18 ประตูกับช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้จะทำรวมกันแตะหลัก 100 ประตู
ถ้าหากสามประสานแนวรุกของทีมอาซูลกราน่าชุดนี้ทำประตูแตะหลัก 100 ตามเป้าหมาย นั่นอาจหมายความว่าสาวกบาร์เซโลนิสต้าสามารถวาดฝันถึงการฉลอง'ทริเปิ้ลแชมป์'ในซีซั่นนี้ได้เช่นกัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT