:::     :::

ตำนานคนใหม่ของทัพ'ลา โรฆา'

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
1,462
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เซร์คิโอ รามอส ก้าวขึ้นมาเป็นตำนานหน้าใหม่ของทัพ'ลา โรฆา'จากการทำสถิติลงเล่นกับทีมชาติสเปนมากสุดในประวัติศาสตร์ 168 เกมและตั้งเป้าลงสนามแตะหลัก 200 เกมในอนาคต

ถ้าไม่นับพฤติกรรมนอกลู่บู๊นอกเกมแล้วคงต้องยอมรับว่า เซร์คิโอ รามอส เป็นหนึ่งในแนวรับดีที่สุดในโลกที่พิสูจน์ให้เห็นมานานกว่าทศวรรษที่ผ่านมา 

รามอส เติบโตมาจากทีมเยาวชนของ เซบีย่า รุ่นราวคราวเดียวกับ เฆซุส นาบาส และ อันโตนิโอ ป้วยร์ต้า (เสียชีวิตเมื่อปี 2007) ลงประเดิมเวทีลีกาตั้งแต่อายุ 18 ปี ก่อนถูก เรอัล มาดริด ดึงเข้าสังกัดในช่วงซัมเมอร์ปี 2005 เขาพัฒนาฝีเท้าจนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกองหลังดีที่สุดในโลกและยืนระยะมาจนถึงปัจจุบัน 

กองหลังชาวอันดาลูซลงประเดิมสนามกับทีมชาติสเปนในเกมอุ่นเครื่องที่ชนะ จีน 3-0 ที่เมืองซาลามังก้าเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2005 กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในรอบ 55 ปีที่ลงเล่นเกมแรกกับทัพ'ลา โรฆา'ด้วยวัย 18 ปีกับ 361 วัน ก่อนสถิติดังกล่าวจะถูกทำลายโดย เชส ฟาเบรกาส ในปีถัดมาหลังการลงเล่นเกมอุ่นแข้งกับ ไอวอรี่โคสท์ ช่วงเดือนมีนาคม 


รามอส รับใช้ทัพกระทิงต่อเนื่องยาวนานกว่า 14 ปีจนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นตำนานลูกหนังคนใหม่จากการสร้างสถิติลงเล่นกับทัพกระทิงมากสุดในประวัติศาสตร์ 168 เกม 

ตัวเลขดังกล่าวย่อมไม่ธรรมดาสำหรับผู้เล่นตำแหน่ง'เอาท์ฟิลด์' หลังอดีตเจ้าของสถิติลงเล่นกับทีมชาติสเปนสองคนก่อนหน้านี้ต่างเป็นผู้รักษาประตูทั้ง อันโดนี่ ซูบีซาร์เรต้า (126 เกม) กับ อีเกร์ กาซียาส (167 เกม) เนื่องจากตำแหน่งนายทวารใช้พละกำลังน้อยกว่าและมีการปะทะกับผู้เล่นฝั่งตรงข้ามที่สุ่มเสี่ยต่อการบาดเจ็บน้อยกว่าผู้เล่นตำแหน่งอื่น 

รามอส จึงเป็นผู้เล่นที่น่าทึ่งสำหรับการลงเล่นกับทีมชาติถึง 168 เกมตลอดช่วง 14 ปีที่ผ่านมา คิดเฉลี่ย 12 เกมต่อปี นอกจากจะต้องมีความแข็งแกร่งแล้วยังต้องดูแลร่างกายเป็นอย่างดีและรักษาฟอร์มการเล่นระดับสูงสม่ำเสมอยาวนานด้วย ซึ่งคงมีน้อยคนนักที่จะทำได้เหมือนกัปตันทีมชาติสเปนคนปัจจุบัน

ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นตำนานลูกหนังคนใหม่ของทัพ'ลา โรฆา'มี 10 ย่างก้าวสำคัญของกองหลังวัย 33 ปี ดังนี้ 


1.เส้นทางสู่ทีมชาติ

เซร์คิโอ รามอส นำทัพกระทิงชุดยู-19 ปีคว้าแชมป์ยุโรปในปี 2004 ก่อนก้าวกระโดดขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในอีก 10 เดือนต่อมา แม้จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นเนื่องจากทีมชุดยู-21 ปีต้องการเก็บไว้ใช้งานก่อนก็ตาม แต่ หลุยส์ อาราโกเนส เทรนเนอร์ทัพ'ลา โรฆา'ในขณะนั้นดึงรามอสขึ้นมาทีมชุดใหญ่ทันทีโดยไม่สนใจเสียงทัดทานใดๆก่อนส่งลงประเดิมสนามในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีนที่เมืองซาลามังก้า

2.ประตูแรก

รามอส ใช้เวลา 6 เดือนสำหรับการทำประตูแรกในนามทีมชาติสเปนนับตั้งแต่การลงประเดิมสนาม หลังทำคนเดียว 2 ประตูในเกมกับ ซาน มารีโน่ จนคุณปู่หลุยส์ติดอกติดใจจะขยับรามอสขึ้นมาเล่นแนวรุก แต่จากฟุตบอลของเขาและแรงทะเยอทะยานทำให้ รามอส ก้าวขึ้นมาติดทำเนียบนักเตะที่ทำประตูมากสุดอันดับ 10 จากการทำ 21 ประตูเท่า มิเกล กอนซาเลซ เดล กัมโป้ หรือ มิเชล โดยไล่หลังสองอดีตกองหน้าดังอย่าง ฆูลีโอ ซาลีนาส กับ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ เพียง 1 กับ 2 ประตูตามลำดับ


3.ประตูสร้างจุดเปลี่ยน

สเปน ลงเล่นเกมชี้ชะตาเพื่อแย่งตั๋วเข้ารอบสุดท้ายของศึกยูโร 2008 ในเกมเยือน เดนมาร์ก ที่เมืองอาร์ฮุส ซึ่งทัพกระทิงต้องการชัยชนะสถานเดียวและดูเหมือนงานจะง่ายเมื่อ ราอูล ตามูโด้ ทำประตูขึ้นนำตั้งแต่นาที 14 ซึ่ง รามอส มีส่วนร่วมกับเกมดังกล่าวค่อนข้างมากโดยเฉพาะการเติมเกมรุกทางกราบขวาก่อนจบลงด้วยการทำประตูที่สองในช่วงท้ายครึ่งแรก มาจากการครองบอล 1 นาทีกับ 15 วินาที สัมผัสบอล 65 ครั้ง, ต่อบอล 28 หน ปิดไดรฟ์เกมบุกจากแนวรับทีมชุดขาวจะยิงผ่านมือ โธมัส โซเรนเซ่น ก่อนนำทัพ'ลา โรฆา'คว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายหลังบุกกำราบทีมโคนมด้วยสกอร์ 3-1


4.ความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกับเทรนเนอร์

รามอส เป็นกองหลังที่ชอบการเล่นเกมรุกเพื่อลุยขึ้นไปทำประตู แต่ หลุยส์ อาราโกเนส ไม่ค่อยปลื้มแนวทางดังกล่าวมากนักเนื่องจากเทรนเนอร์ทีมกระทิงต้องการให้นักเตะมุ่งมั่นกับการเล่นเกมป้องกันมากกว่าการโจมตีโดยเฉพาะผู้เล่นแนวรับ ก่อนเกิดช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุดระหว่างเทรนเนอร์กับเทรนเนอร์ในศึกยูโร 2008 รอบสุดท้าย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเทพนิยายของทัพ'ลา โรฆา'ในเวลาต่อมา แม้ว่า สเปน จะประเดิมทัวร์นาเมนต์ด้วยการเอาชนะ รัสเซีย 4-1 แต่เทรนเนอร์กล่าวโทษรามอสว่ามีส่วนทำให้ทีมเสียประตูตีไข่แตกของทีมหมีขาว จนมีการเผชิญหน้ากันระหว่างการฝึกซ้อมและมีการพูดคุยเพื่อเคลียร์ปัญหากันภายในทีม ซึ่งรามอสยอมรับว่าไม่ชอบการถูกตำหนิจากเทรนเนอร์ ท้ายที่สุดเรื่องดังกล่าวก็ถูกลืมเลือนหลังความสำเร็จที่กรุงเวียนนาในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา 


5.แชมป์ยุโรป 2 สมัย

สเปน ทลายกำแพงอย่าง อิตาลี ซึ่งมักจะสร้างความผิดหวังให้พวกเขาในทัวร์นาเมนต์สำคัญด้วยการดวลเป้าเอาชนะทีมอัซซูรี่ 4-2 ในรอบ 8 ทีมของศึกยูโร 2008 ก่อนจะฝ่าด่าน รัสเซีย และ เยอรมัน คว้าแชมป์ยุโรปสมความปรารถนา รามอส ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รายการแรกกับทัพ'ลา โรฆา' ซึ่งทำให้เขามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่าในปีดังกล่าวครั้งแรก หลังจากนั้นอีก 4 ปี รามอส จับคู่เล่นเซนเตอร์กับ เคราร์ด ปีเก้ ภายใต้การคุมทีมของ บีเซนเต้ เดล บอสเก้ คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่สองกลับมาจากกรุงเคียฟสำเร็จ


6.แชมป์ฟุตบอลโลกสุดยอดความปรารถนาของนักเตะทุกคน

บีเซนเต้ เดล บอสเก้ เข้ามารับไม้ต่อจาก หลุยส์ อาราโกเนส หลังศึกยูโร 2008 แม้จะเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการปราชัยต่อ สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 เซร์คิโอ รามอส ยังเล่นแบ็กขวา โดยมี การ์เลส ปูโยล ลงเล่นเซนเตอร์คู่ เคราร์ด ปีเก้ พร้อมด้วยแกนหลักสำคัญอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อีเนียสต้า, ชาเบียร์ อลอนโซ่, ดาบิด บีย่า, อีเกร์ กาซียาส ซึ่งมีส่วนช่วยทัพกระทิงเดินหน้าคว้าชัยชนะ 6 เกมต่อเนื่องจนผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งประวัติศาสตร์จากการทำประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษของ อีเนียสต้า นำทัพ'ลา โรฆา'พิชิต ฮอลแลนด์ 1-0


7.จุดโทษ'ปาเนนก้า'

เซร์คิโอ รามอส เป็นนักเตะที่สร้างความตื่นเต้นให้ฟุตบอลเสมอ เชาชื่นชอบความท้าทายกับทุกคนและทุกอย่าง โดยเฉพาะการรับหน้าที่สังหารลูกจุดโทษที่มักจะยิงแบบ'ปาเนนก้า'(การยิงจุดโทษแบบดึงจังหวะหลอกให้ผู้รักษาประตูพุ่งตัวไปทางใดทางหนึ่งก่อนจะชิพบอลเข้าตรงกลาง) บ่อยครั้ง แม้จะผิดพลาดจากการยิงลักษณะดังกล่าวในการเล่นรอบตัดเชือกของแชมเปี้ยนส์ลีกกับ บาเยิร์น มิวนิค ก็ตาม ทว่าอีก 2 เดือนต่อมา รามอส ยังใช้การยิงแบบ'ปาเนนก้า'เล่นงาน รุย ปาตริซิโอ นายทวารชาวโปรตุกีส ก่อน สเปน จะดวลเป้าชนะ โปรตุเกส ในรอบตัดเชือกของศึกยูโร 2012 ตามด้วยเกมยิงสลุต อิตาลี 4-0 คว้าแชมป์ในบั้นปลาย


8.100 เกมที่'เอล โมลีน่อน'

รามอส ลงเล่นกับทีมชาติสเปนครบ 100 เกมด้วยวัยเพียง 26 ปี เป็นนักเตะยุโรปที่อายุน้อยสุดที่ทำสถิติดังกล่าว ในเกมกับ ฟินแลนด์ บนสังเวียน'เอล โมลีน่อน'เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2013 เพียงแต่การฉลองทำเซนจูรี่เกมไม่สวยหรูหลังทำได้แค่แบ่งคะแนนกับทีมฟินน์ แม้ รามอส จะทำประตูให้ทีมกระทิงขึ้นนำช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ทีมเยือนตามตีเสมอจาก ตีมู ปุ้กกี้ ก่อนหมดเวลา 10 นาที ณ ตอนนั้นเขาเป็นนักเตะคนที่ 8 ในประวัติศาสตร์ของสเปนที่ลงเล่นกับทีมชาติแตะหลัก 100 นัด ตอนนี้ผ่านมา 6 ปีความท้าทายของเขาคือการลงเล่นทีมชาติแตะหลัก 200 เกม โดยเหลืออีก 32 นัดเพื่อทำสถิติดังกล่าว ถ้าหากไม่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักหรือฟอร์มตกเป็นกู่ไม่กลับก็มีโอกาสเกิดขึ้นจริงหลัง โรเบิร์ต โมเรโน่ เทรนเนอร์คนปัจจุบันของทัพ'ลา โรฆา'เคยคิดตรงกับรามอสที่ตั้งใจจะเล่นจนกระทั่งอายุ 40 ปี


9.ตกรอบยูโร 2016 แบบน่าเศร้า

สเปน เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการคว้าชัยชนะสองนัดรวดเหนือ สาธารณรัฐเช็ก (1-0) กับ ตุรกี (3-0) ก่อนพลิกพ่าย โครเอเชีย 1-2 ส่วนหนึ่งมาจากการยิงจุดโทษพลาดของ เซร์คิโอ รามอส ซึ่งมีโอกาสช่วยทีมขึ้นนำ 2-1 จนหลุดมาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม นำมาซึ่งการตกรอบในเวลาต่อมาหลังการปราชัยต่อ อิตาลี 0-2 จากการทำประตูของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กับ กราเซียโน่ เปลเล่ แต่การทำงานร่วมกับ จูเลน โลเปเตกี ทำให้รามอสรู้สึกสบายใจมากกว่าที่เคยเป็นหลังเคยทำงานกับเทรนเนอร์ผู้เฒ่าสองคนก่อนหน้านี้ อีกทั้ง โลเปเตกี ยังมอบความไว้วางใจด้วยการมอบปลอกแขนกัปตันทีมกระทิงให้รามอสอีกด้วย นั่นทำให้กองหลังจากมาดริดเป็นหนึ่งในนักเตะที่เศร้าสุดหลังเทรนเนอร์ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียเพียง 2 วัน 


10.มุ่งมั่นสร้างสถิติและมุ่งหน้าสู่ศึกยูโร 2020

ไม่ช้าก็เร็วที่มันต้องมาถึงสำหรับการสร้างสถิติเป็นนักเตะที่ลงเล่นกับทีมชาติสเปนมากที่สุดของ เซร์คิโอ รามอส ซึ่งมันเกิดขึ้นในเกมเสมอ นอร์เวย์ 1-1 นับตั้งแต่การลงเล่นเกมแรกเมื่อ 14 ปีก่อนหน้านั้น การลงเล่นกับทีมชาติ 168 เกมเท่า อีวาน อูร์ตาโด้ อดีตกองหลังทีมชาติเอกวาดอร์ แต่ รามอส ยังมีแรงบันดาลใจในการลงสนามกับทัพ'ลา โรฆา'แตะหลักไมล์ 200 เกม ซึ่งมันมีโอกาสเป็นไปได้ นอกจากนี้เขายังตั้งเป้านำทัพกระทิงชูโทรฟีครั้งแรกในฐานะกัปตันทีมและมันอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงกลางปีหน้ากับศึกยูโร 2020


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด