การบ้านปีใหม่ของบาร์ซ่า
บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จในช่วงปีที่ผ่านมาด้วยการคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงเพียงรายการเดียว ขณะที่ ลิโอเนล เมสซี่ ประสบความสำเร็จส่วนตัวอย่างยิ่งใหญ่จากการคว้ารางวัล'บัลลง ดอร์'สมัยที่ 6 รวมถึงการคว้ารางวัล ปีชีชี่ หรือ ดาวซัลโวลีกา และ รางวัลรองเท้าทองคำ หรือ ดาวซัลโวสโมสรยุโรป ก่อนย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ที่ทีมยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นกาตาลุนย่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อความสำเร็จในปี 2020
1.ลิโอเนล เมสซี่ คือทุกสิ่งทุกอย่าง
ถ้า บาร์เซโลน่า จะเชื่อใจใครสักคนคงต้องเป็น ลิโอเนล เมสซี่ ที่มีส่วนโอบอุ้มทีมยักษ์ใหญ่ของแคว้นกาตาลุนย่ามานานกว่าทศวรรษ มันเป็นความท้าทายอีกครั้งของทัพอาซูลกราน่าและ เมสซี่ ในการต่อสู้เพื่อความสำเร็จอีกครั้งในปีนี้ เขามีโอกาสเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ยิงประตูกับสโมสรเดียวมากสุดของ เปเล่ ตำนานลูกหนังบราซิเลียน กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ยังลุ้นคว้ารางวัล'ปีชีชี่'หรือ ดาวซัลโวลีกเมืองกระทิงสมัยที่ 7 เช่นเดียวกับรางวัล'รองเท้าทองคำ'หรือ ดาวซัลโวสโมสรยุโรป รวมถึงการนำบาซ่ากลับมาประสบความสำเร็จบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง นั่นคือความท้าทายของ เมสซี่ และ บาร์เซโลน่า ในปี 2020
2.เรียนรู้จากหายนะ
บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งสุดท้ายตั้งแต่ซีซั่น 2014-15 พวกเขาเคยพลิกนรกหลังการปราชัยต่อ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในเกมแรกของรอบ 16 ทีม 0-4 ก่อนเปิด'คัมป์ นู'ยิงสลุต เปแอสเช 6-1 แย่งคว้าตั๋วเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์ 6-5 แต่ทัพอาซูลกราน่าหลุดวงโคจรเพียงรอบควอเตอร์ไฟนัลหลังการพ่ายแพ้ต่อ ยูเวนตุส ในซีซั่น 2016-17 เช่นเดียวกับการปราชัยต่อ โรม่า ในรอบเดียวกันของฤดูกาลต่อมา จนกระทั่งพบ'หายนะ'ที่แอนฟิลด์ในซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งบาร์ซ่าต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อกลับมาประสบความสำเร็จบนเวทียุโรปอีกครั้ง
3.ปกป้อง'อัตลักษณ์'ของ บาร์ซ่า
หนึ่งในข้อถกเถียงที่ถูกพูดถึงมากที่สุดใน บาร์เซโลน่า ช่วงเวลานี้คือสไตล์การเล่นของทัพอาซูลกราน่าในช่วงที่ผ่านมาขาดหายไปซึ่ง'อัตลักษณ์'หรือ 'ดีเอ็นเอ'ของทีมที่เคยเป็นมาในอดีต ซึ่งมาจากอายุอานามของนักเตะที่เพิ่มมากขึ้นบังคับให้พวกเขาต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นโดยเฉพาะ ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ การครองบอลของ บาร์ซ่า ลดน้อยลงและไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งมากมายเหมือนก่อน ทั้งในยุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ซึ่งเข้ามารับงานต่อจาก หลุยส์ เอ็นรีเก้ ที่เคยยืนยันว่า บาร์เซโลน่า ยังซื่อสัตย์กับปรัชญาของสโมสร แต่จำเป็นต้องปรับสไตล์การเล่นบางส่วนเท่านั้น
4.ตำแหน่งการเล่นของ เฟรงกี้ เดอ ย็อง
การเซ็นสัญญากับ เดอ ย็อง เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นของสโมสรและแฟนบอลในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งอดีตแข้ง อาแจ็กซ์ ทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งช่วง 6 เดือนแรกในฐานะนักเตะอาซูลกราน่า แต่มิดฟิลด์ชาวดัตช์ยังไม่โดดเด่นอย่างที่คาดหวัง ส่วนหนึ่งมาจาก เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมลงตัวสำหรับ เดอ ย็อง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นทดแทนหรือร่วมกับ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ จนมีส่วนทำให้ อีวาน ราคิติช หลุดออกจากทีมตัวจริงในช่วงแรก ดังนั้นการเลือกนักเตะและระบบการเล่นที่ลงตัวสำหรับมิดฟิลด์ชาวดัตช์จึงเป็นโจทย์ที่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้ยังต้องแก้ไข
5.เชื่อมั่น บัลเบร์เด้
จากผลสำรวจความคิดเห็นของ'มุนโด้เดปอร์ติโบ'ระบุว่ามีแฟนบอลราว 80 เปอร์เซ็นต์ไม่ต้องการให้ บัลเบร์เด้ นั่งเก้าอี้เทรนเนอร์ของ บาร์เซโลน่า ต่อไป แต่เทรนเนอร์ชาวบาสโก้เป็นคนนำทัพอาซูลกราน่าคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เทรนเนอร์วัย 55 ปี พยายามที่จะรักษาเสถียรภาพของทีมชุดนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ถ้าเทรนเนอร์ชาวบาสโก้นำบาร์ซ่าคว้าแชมป์ลีกาอีกสมัย เขาจะเป็นอีกหนึ่งเทรนเนอร์ประวัติศาสตร์สโมสรที่นำทีมคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงจากการคุมทัพ 3 ปีแรกเช่นเดียวกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดังนั้นการทำงานของ บัลเบร์เด้ ควรได้รับความเคารพมากกว่าที่เป็นอยู่
6.เด็กปั้นสโมสร
บาร์เซโลน่า ขึ้นชื่อว่าเป็นสโมสรที่พร้อมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อเซ็นสัญญากับยอดนักเตะ แต่สิ่งที่ไม่เคยขาดหายไปจากทีมคือการส่งเสริมเด็กปั้นขึ้นมาจากทีมเยาวชนที่ก้าวขึ้นมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์กับสโมสรจากรุ่นสู่รุ่น ท่ามกลางผู้เล่นที่เติบโตมาจากศูนย์ฝึก'ลา มาเซีย'เพิ่มมากขึ้น แต่กลับมีโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่น้อยลงในปัจจุบัน ดังนั้นทีมอาซูลกราน่าต้องไม่ลืมนักเตะจากทีมเยาวชนและเปิดโอกาสให้นักเตะลงเล่นมากขึ้นทั้ง อันซู ฟาตี, การ์เลส อาเลนญ่า หรือ รีกี ปูอิก เป็นต้น
7.สร้างสามประสานแนวรุกใหม่
ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดเขา แต่ เนย์มาร์ ดา ซิลวา จูเนียร์ สามารถเข้ามาช่วยยกระดับการเล่นของ บาร์เซโลน่า ได้อย่างแน่นอน หลังทีมอาซูลกราน่าเคยลองพยายามกับ อุสมาน เดมเบเล่ และ ฟิลิปเป้ กูตินโญ่ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ขณะที่ อองตวน กรีซมันน์ กองหน้าค่าตัวแพงยังลูกผีลูกคนว่าจะทำได้ดีอย่างที่คาดหวังหรือไม่ นั่นจึงเป็นที่มาของข่าวการคืนถิ่นของ เนย์มาร์ ที่สโมสรมองว่าจะเป็นตัวแทนระยะยาวของ ลิโอเนล เมสซี่ รวมถึงการดึง เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ เพื่อเข้ามาเป็นตัวตายตัวแทนของ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นการสร้างสามประสานแนวรุกโฉมใหม่ของสโมสร
8.อายุนักเตะที่มากขึ้น
บาร์เซโลน่า พยายามจะดึงผู้เล่นสายเลือดใหม่เข้ามาทดแทนนักเตะหลายคนที่อายุมากขึ้น โดยเฉพาะบรรดากระดูกสันหลังของทีมทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เคราร์ด ปีเก้, อีวาน ราคิติช กับ จอร์ดี้ อัลบา ที่อายุแตะหลัก 30 ปี แต่ทีมอาซูลกราน่ายังต้องปรับเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป นักเตะเหล่านี้ยังมีความสำคัญต่อทีม ทว่าด้วยอายุที่มากขึ้นจึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นตามความเหมาะสม ก่อนจะทะยอยส่งมอบหน้าที่ให้ผู้เล่นสายเลือดใหม่ต่อไป
9.เลือกตั้งประธานสโมสรปี 2021
แนวทางการทำทีมและบริหารมาจากประธานสโมสรและบอร์ดบริหาร โดย บาร์เซโลน่า จะมีการเลือกตั้งประธานสโมสรคนใหม่ในช่วงซัมเมอร์ปี 2021 ซึ่ง โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรคนปัจจุบันจะลงสมัครรับเลือกตั้งแน่นอน ถ้าหากบาร์โตเมวยังคงนั่งเก้าอี้ตัวเดิมต่อไปคาดว่านโยบายบริหารคงไม่แตกต่างจากเดิมมากขึ้น ขณะที่ บิคตอร์ ฟอนต์ กับ เอมีลี่ รูเซาด์ ต่างพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งเช่นเดียวกัย ส่วน โจน ลาปอร์ต้า อดีตประธานสโมสรคนดังจะแสดงความชัดเจนอีกครั้งว่าจะกลับมาช่วงชิงเก้าอี้ตัวนี้หรือไม่
10.ปรับโฉม'คัมป์ นู'
สังเวียน'คัมป์ นู'จะเริ่มต้นปรับปรุงตามแผนงานของสโมสรตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2021 แต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาใช้สำหรับโครงการนี้ ซึ่งประธานบาร์โตเมวยืนยันว่าอนาคตทางการเงินของสโมสรจะไม่ตกอยู่บนความเสี่ยง แม้ว่าจะต้องทุ่มเงินก้อนโตเพื่อโครงการนี้ก็ตาม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT