คู่ชิงฯทีมแรก
เรอัล มาดริด ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของศึก ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า เป็นทีมแรกซึ่งเป็นครั้งที่ 15 ของสโมสรหลังเด็กๆของ ซีเนดีน ซีดาน ฝ่าด่าน บาเลนเซีย ด้วยสกอร์ 3-1 โดยรอพบกับผู้ชนะระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ แอตเลติโก มาดริด ในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคมนี้
ทัพ'โลส บลังโกส'เดินทางมาทำศึก ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า ที่เมืองเจดดาห์ หรือ จิดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบียพร้อมปัญหาในแนวรุกเนื่องจากขาดแข้งเทพอย่าง เอแด็น อาซาร์, คาริม เบนเซม่า กับ แกเร็ธ เบล
ซีดาน จึงเหลือเฉพาะแนวรุกวัยเยาว์อย่าง โรดรีโก้ โกเอส กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ขณะที่ ลูก้า โยวิช ยังต้องพิสูจน์ตัวเองนับตั้งแต่ย้ายมาจาก แฟร้งค์เฟิร์ต ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ส่วน ฮาเมส โรดรีเกซ, มาเรียโน่ ดีอาซ, บราอิม ดีอาซ หรือ ลูกัส บาซเกซ แทบจะไม่มีส่วนร่วมกับทีมของเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสในช่วงหลังๆ
แม้สภาพทีมจะไม่สมประกอบ แต่ ซีดาน ยืนยันว่า เรอัล มาดริด เดินทางมาประเทศซาอุดิอาระเบียไม่ได้มาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น แต่มาเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จในรายการนี้
'เรามาที่นี่เพื่อลงเล่น เราจะปรับตัวกัน เราคิดเพียงเรื่องของรายการนี้ สำหรับเรามันคือรอบชิงชนะเลิศ เราต่างตื่นเต้น เราไม่ได้มาซาอุฯ เพื่อพักผ่อน นี่เป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญและเราต้องการทุ่มเต็มที่ การจะคว้าแชมป์ได้เราต้องเล่นให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้'
ซีดาน เลือกแก้ปัญหาแนวรุกด้วยการปรับระบบการเล่นจากปกติที่เคยใช้ 4-3-3 มาเล่นระบบ 4-3-2-1 หรือระบบต้นคริสต์มาสและสามารถปรับมายืนระบบ 4-2-3-1 ตามความเหมาะสม เนื่องจากทีมชุดขาวยังมีขุมกำลังแดนกลางที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสจึงเลือกใช้ประโยชน์จากจุดดังกล่าวมากที่สุด
ทั้ง ลูก้า โมดริช กับ อีสโก้ อาลาร์กอน จึงได้โอกาสออกสตาร์ทพร้อม โทนี่ โครส, การ์ลอส กาเซมีโร่ และ เฟเดรีโก้ วัลเวร์เด้ โดยทั้ง โมดริช กับ อีสโก้ จะเล่นตำแหน่งสูงขึ้นพร้อมสนับสนุน โยวิช รวมถึงการเพรสซิ่งหรือสร้างความกดดันให้แนวป้องกันของคู่แข่ง
อีสโก้ ถูกวางบทบาทเป็นตัวเดินเกมรุกทางฝั่งซ้ายเป็นหลัก ขณะที่ วัลเวร์เด้ จะเติมขึ้นฝั่งขวา ส่วน โทนี่ โครส จะขยับเข้ามายืนตรงกลางใกล้กับ กาเซมีโร่ โดยมี โมดริช เป็นตัวปั้นเกมเมื่อปรับมาเล่นระบบ 4-2-3-1 จนแนวป้องกันของทีมค้างคาวปรับตัวรับมือยากมากขึ้น
จากระบบการเล่นที่เน้นกองกลางถึง 5 คนทำให้ เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายครองบอลเหนือกว่าชัดเจน ระหว่าง 62 เปอร์เซ็นต์กับ 38 เปอร์เซ็นต์ แม้ บาเลนเซีย จะสร้างโอกาสทำประตูได้ไม่เป็นรอง แต่ความเฉียบคมยังด้อยกว่าทัพ'โลส บลังโกส'
หลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ บาเลนเซีย? ทั้งที่ทีมค้างคาวเคยเล่นได้ดีกับ เรอัล มาดริด บนเวทีลีกานัดที่ 17 ของซีซั่นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งทีมชุดขาวต้องไล่ตามตีเสมอแบบหืดจับจากการทำประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ คาริม เบนเซม่า
อัลเบิร์ต เซลาเดส เทรนเนอร์ทีมค้างคาวปรับขุมกำลังเพียง 2 ตำแหน่งจากเกมที่เมสตาย่าด้วยการส่ง เควิน กาไมโร่ ลงเล่นแทน โรดรีโก้ โมเรโน่ กองหน้าทีมชาติสเปนซึ่งเจ็บเข่ามาจากเกมชนะ เออิบาร์ 1-0 ขณะที่ เจฟเฟร่ กงด็อกบา ได้ออกสตาร์ทแทน ฆวาเม่ กอสต้า พร้อมถอย ดาเนียล วาสส์ ลงไปเล่นแบ็กขวา ปรับจาก 4-4-2 มาเล่นระบบ 4-1-4-1
มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการตัดสินใจของ เซลาเดส ว่าทำไมไม่เลือก มักซี่ โกเมซ ที่ฟอร์มดีกว่าออกสตาร์ทก่อน กาไมโร่ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา อีกทั้งกองหน้าชาวฝรั่งเศสยังถูกโดดเดี่ยวในแดนกลางมากเกินไปจนแทบจะไม่มีโอกาสคุกคามแนวป้องกันของทีมชุดขาวอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนจะถูกถอดออกจากสนามช่วงนาที 58 โดยส่งกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยลงเล่นแทน
มันแทบจะไม่เปลี่ยนโฉมหน้าเกม แม้ว่า มักซี่ โกเมซ จะลงมาสร้างอันตรายได้มากกว่า กาไมโร่ ก็ตาม แต่มันเป็นการตัดสินใจสายเกินไปจนกระทั่ง เรอัล มาดริด ปิดเกมจากการทำประตูที่สามของ โมดริช
ความโดดเด่นของ เรอัล มาดริด อยู่ที่ขุมกำลังแดนกลางที่เป็นฝ่ายคุมเกมดีกว่าคู่แข่งชัดเจนจนได้รับคำชมจาก ซีดาน โดยเฉพาะ โมดริช กับ อีสโก้ ที่เล่นได้ตามสั่งของเทรนเนอร์
'ผมสามารถส่งปีกลงสนามได้ แต่ผมตัดสินใจที่จะใช้งาน อีสโก้ และ ลูก้า (โมดริช) ให้เล่นด้านในมากกว่าเดิม'
'สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเล่นแบบกดดันสูงกว่าเดิมและเล่นฟุตบอลให้ออกมาดี เราต้องการลงโทษฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่ต้นเกม เราทำทุกอย่างออกมาดี เราชอบที่จะทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ในเกมต่อไปเราก็จะทำสิ่งที่แตกต่างออกไป'
อีสโก้ อาลาร์กอน ที่ไม่ได้รับโอกาสจาก ซีดาน ในช่วงก่อนหน้านี้มากนัก แต่มิดฟิลด์วัย 27 ปีเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมและทำหนึ่งประตูจากได้รับคำชมจากเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศส
'ทุกคนอยู่ในระดับที่ดี ทุกคนอยูในช่วงที่ดี แต่เรายังไม่ได้ชนะอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้มีหน้าที่ฟื้นฟู อีสโก้ ผมแค่ยินดีกับเรื่องนั้น เขามีบุคลิกส่วนตัวและต้องการลงสนาม เขาไม่อายที่จะเข้ามารับผิดชอบหน้าที่'
ส่วน ลูก้า โยวิช กองหน้าค่าตัวแพงยังคงความฝืดเหมือนเดิม แต่กองหน้าชาวเซิร์บยังมีส่วนร่วมกับเกมจนได้รับคำชมเช่นเดียวกัน 'เขา (ลูก้า โยวิช) มีเกมที่ดีแม้ว่าทำประตูไม่ได้ มันไม่ง่ายเมื่อคุณเล่นไม่มากเท่าไหร่ เพราะมีเรื่องของระดับที่แตกต่าง เขาจะมีความสุขกว่านี้หากทำประตูได้ เขาทำทุกๆอย่างในสนาม'
เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายครองเกมกว่า 70 นาที ก่อนจะผ่อนคันเร่งในช่วง 20 นาทีสุดท้ายหลังนำห่าง 3-0 จนกระทั่ง บาเลนเซีย ตีไข่แตกจากการยิงจุดโทษของ ดาเนียล ปาเรโฆ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ก็ไม่มีผลใดๆต่อการแข่งขัน
ขณะที่ เซลาเดส ยอมรับว่าลูกทีมเล่นกันได้ไม่ดีพอและไม่ได้อยู่ในฟอร์มดีที่สุดเท่าที่เคยทำได้ แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากในการรับมือกับทีมที่อัดแน่นไปด้วยผู้เล่นพรสวรรค์อย่าง เรอัล มาดริด
'เราตระหนักดีว่าเราไม่ได้เล่นเกมที่ดีนัก เราไม่ได้อยู่ในระดับที่แท้จริงของเรา มันมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ช่วงต้นเกม (เสียประตูแรก) มันยากที่จะป้องกันพรสวรรค์ของ มาดริด และมันยากที่จะเชื่อมเกมการเล่น เราจัดผู้เล่นกองกลางลงสนามมากขึ้นเพื่อเน้นการครองบอล แต่มันทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายและผลที่ตามมาคือผลการแข่งขัน'
'เรามีวันที่แย่อีกวันหนึ่ง เราขาดความกระตือรือร้นมากพอ เมื่อคุณเล่นกับทีมอย่าง เรอัล มาดริด คุณต้องมีความพยายามมากขึ้น เรายังทำได้ไม่มีทั้งตอนมีบอลและไม่มีบอล ผู้เล่นต้องดิ้นรนและยังคงสู้ต่อไปจนกระทั่งจบเกม'
เทรนเนอร์ทีมค้างคาวยอมรับว่าการพลาดท่าเสียประตูแรกตั้งแต่นาที 15 จากการยิงของ โทนี่ โครส มีส่วนพลิกโฉมหน้าเกมทันทีเช่นกัน
'มันเป็นความจริงที่เราเริ่มต้นเกมไม่ดีนัก แต่ประตูนั้นทำร้ายเราเพราะมันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันยากสำหรับเราที่จะทวงกลับคืนมา พวกเขาไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แต่มันก็เกิดขึ้น'
ก่อน เซลาเดส จะกล่าวทิ้งท้ายว่าไม่รู้สึกประหลาดใจกับการวางหมากของ ซีดาน ที่ส่งมิดฟิลด์ลงสนาม 5 คนว่า 'เรามองเห็นข้อดีว่าพวกเขาสามารถเล่นกับมิดฟิลด์ 5 คนและมีกองหน้าเพียงคนเดียว มันคล้ายกันมากกับช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกมที่เมสตาย่า แม้ว่าพวกเขาจะมี โรดรีโก้ พวกเขาเล่นได้ดีและอัดนักเตะอยู่ตรงกลาง มันเป็นอะไรที่คล้ายกันโดยไม่คำนึงถึงชื่อนักเตะ'
เซลาเดส กับลูกทีมยกพลเดินทางกลับเมืองกระทิงโดยไม่ต้องอยู่เสียวต่อเหมือน เรอัล มาดริด หรือทีมอื่นที่เหลือ เนื่องจากสถานการณ์ในดินแดนดังกล่าวยังตึงเครียดจากความขัดแย้งระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ อิหร่าน
ความตึงเครียดเกิดขึ้นหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯสั่งปลิดชีพนายพล กาเซ็ม โซเลมานี ผู้บัญชากองกำลังคุดส์ของอิหร่านจนฝ่ายหลังเอาคืนด้วยการยิงขีปนาวุธถล่ม 2 ฐานทัพมะกันในอิรัก แม้ สหรัฐอเมริกา จะไม่ได้ตอบโต้กลับแต่ยังไม่สามารถไว้วางใจได้เพราะสถานการณ์มีโอกาสลุกลามบานปลายได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะกับชาติพันธมิตรของแยงกี้ทั้ง อิสราเอล, ซาอุดิอาระเบีย หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่อาจถูกหางเลขไปด้วย
สหพันธ์ฟุตบอลสเปนเลือกจัดศึก'ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า'ที่เมืองเจดดาห์ตั้งแต่ปีก่อนเนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะเกิดความตึงเครียดบริเวณพื้นที่ดังกล่าวในช่วงเวลานี้ ดังนั้นจึงได้แต่คาดหวังว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงจนกว่าจะผ่านพ้นเกมชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์นี้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT