ปรัชญาบาร์ซ่า...
เอ็นรีเก้ เซเตียน เทรนเนอร์คนใหม่ของ บาร์เซโลน่า เริ่มต้นด้วยการนำทัพอาซูลกราน่าคว้าชัยชนะ 2 เกมเหนือ กรานาด้า 1-0 บนเวทีลีกา ต่อด้วยเกมเชือด อีบีซ่า 2-1 ในศึก โกปา เดล เรย์ รอบ 32 ทีม แต่ภาพโดยรวมยังไม่น่าประทับใจอย่างที่คาดหวัง
ส่วนหนึ่งมาจาก กีเก้ เซเตียน เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งต่อจาก เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา เทรนเนอร์วัย 61 ปียังต้องใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันกับนักเตะเพื่อถ่ายทอดแนวคิดเรื่องฟุตบอลของตนเองสู่ลูกทีมสร้างแนวทางการเล่นอย่างที่ต้องการโดยยึดมั่นในปรัชญาของสโมสร
อย่างไรก็ตามการเริ่มงานของ กีเก้ เซเตียน ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากเทรนเนอร์วัย 61 ปีเริ่มต้นด้วยการสูญเสียกองหน้าคนสำคัญอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการเข็บเข่าขวาจนต้องพักยาว 4 เดือน
ดังนั้นเทรนเนอร์คนใหม่ของทัพอาซูลกราน่าจึงต้องใช้ทรัพยากรนักเตะที่มีอยู่เพื่อสร้างประโยชน์มากที่สุดต่อทีม หรืออาจกระโจนลงตลาดนักเตะช่วงหน้าหนาวที่เหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
หลุยส์ ซัวเรซ เป็นนักเตะที่มีบทบาทสำคัญต่อแนวรุกของ บาร์เซโลน่า นอกเหนือจากการทำประตูแล้ว กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยยังเป็นตัวพักบอลในแดนหน้าและมีความแข็งแกร่งสำหรับการปะทะหรือชนกับแนวรับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นในแนวรุกของทีมอาซูลกราน่า
กีเก้ เซเตียน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการขยับ อองตวน กรีซมันน์ มาเล่นตำแหน่งหมายเลข 9 แต่กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสยังทำได้ไม่เหมือนกับ หลุยส์ ซัวเรซ เนื่องจากเป็นนักเตะที่มีสไตล์การเล่นแตกต่างกัน อดีตกองหน้าทีมตราหมีไม่สามารถเล่นได้เหมือนดาวยิงอุรุกวัย เพียงแต่มีความเร็วเหนือกว่า ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่าบาร์ซ่าอาจจะต้องเติมกองหน้าตัวเป้าก่อนตลาดหน้าหนาวปิดทำการ
นั่นเป็นปัญหาที่ฝ่ายบริหารของบาร์เซโลน่าต้องหาทางแก้ ส่วน กีเก้ เซเตียน มีหน้าที่แก้ไขปัญหาในสนามเพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด
เทรนเนอร์วัย 61 ปีนำทัพอาซูลกราน่าประเดิมสังเวียนตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นการเบียดคว้าชัยเหนือ กรานาด้า แบบหืดจับก็ตาม แต่ กีเก้ เซเตียน สร้างสถิติที่น่าประทับใจตามแบบฉบับของ บาร์เซโลน่า นั่นคือการครองบอลที่เหนือกว่าคู่แข่ง
ตามข้อมูลระบุว่าทีมของ กีเก้ เซเตียน เป็นฝ่ายครองบอลถึง 83 เปอร์เซ็นต์ เปิดโอกาสให้ กรานาด้า ครองบอลเพียง 17 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นสถิติการครองบอลมากกว่าคู่แข่งมากที่สุดในบรรดาลีกใหญ่ยุโรปซีซั่นนี้
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทีมเยือนจากแคว้นอันดาลูเซียถอยร่นลงไปเล่นตั้งรับเต็มพิกัดโดยรอดักจังหวะสวนกลับบ้างในบางโอกาสเท่านั้น แม้ กรานาด้า จะต้านอยู่ในช่วงแรก แต่ท้ายที่สุดแนวป้องกันของทีมเยือนก็พังทลายจากการยิงประตูโทนของ ลิโอเนล เมสซี่
กีเก้ เซเตียน นำปรัชญาของบาร์ซ่ากลับมาปัดฝุ่นใช้งานตามที่เคยกล่าวในวันแถลงข่าวเปิดตัวฐานะเทรนเนอร์คนใหม่ของ บาร์เซโลน่า ทีมของเทรนเนอร์วัย 61 ปีสร้างความมั่นคงด้วยการครองบอลถึง 83 เปอร์เซ็นต์กลายเป็นสถิติสูงสุดของซีซั่นนี้และทีมอาซูลกราน่ายังผ่านบอลมากถึง 1,006 ครั้ง เพียงแต่ยังต้องปรับปรุงในจังหวะจบสกอร์เท่านั้น
บาร์เซโลน่า ผ่านบอลในเกมเดียวมากสุดของซีซั่นทำลายสถิติของ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งเคยผ่านบอล 969 ครั้ง ในเกมชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ดีกว่า ดอร์ทมุนด์ ที่เคยผ่านบอลถึง 942 กับ 886 ครั้งในเกมกับ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ และ เอาก์สบวร์ก ส่วน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เคยผ่านบอลรวมกัน 885 ครั้งในเกมกับ อองเช่ร์
ผลงานของ เอ็นรีเก้ เซเตียน ทำได้ใกล้เคียงกับ บาร์เซโลน่า ยุค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เคยผ่านบอลในเกมเดียวมากถึง 1,046 ครั้ง ซึ่งเป็นการผ่านบอลสำเร็จ 988 ครั้งในเกมลีกากับ เลบันเต้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2011 ตามมาด้วยเกมกับ เลบันเต้ บนเวทีลีกาอีกครั้งเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2012 หลังทีมของ'เป๊ป'ผ่านบอล 1.035 ครั้ง ประสบความสำเร็จ 950 ครั้ง ส่วน บาร์เซโลน่า ของ กีเก้ เซเตียน ผ่านบอล 1,006 ครั้ง ซึ่งเป็นการผ่านบอลสำเร็จ 921 ครั้ง
แต่การครองบอล 83 เปอร์เซ็นต์ของ บาร์เซโลน่า ยังไม่ใช่สถิติสูงสุดของสโมสร ทัพอาซูลกราน่ายุค'เป๊ป'กวาร์ดิโอล่า เคยเป็นฝ่ายครองบอลมากถึง 86.57 เปอร์เซ็นต์ในเกมกับ อินเตอร์ มิลาน บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสองที่'คัมป์ นู'เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2010 แต่เป็นฝ่ายชนะเพียง 1-0 ส่งผลให้ทีมงูใหญ่ยุค โชเซ่ มูรินโญ่ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 3-2 ก่อนคว้าแชมป์ในเวลาต่อมา
ส่วนการคองบอลมากกว่าคู่แข่งลำดับถัดมายังเป็นทีมยุค'เป๊ป'ในเกมกับ พานาธิไนกอส บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ซีซั่น 2010-2011 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2010 หลังทีมอาซูลกราน่าครองบอลมากถึง 85.76 เปอร์เซ็นต์
เปอร์เซ็นต์การครองบอลของ บาร์เซโลน่า ในเกมเชือด กรานาด้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเหนือกว่า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยุค เมาริซิโอ โปเช็ตตีโน่ ซึ่งเคยครองบอลถึง 80.16 เปอร์เซ็นต์ ทว่าทีมไก่เดือยทองของกุนซือชาวอาร์เจนไตน์พลิกพ่ายคาเล้าต่อ นิวคาสเซิ่ล 0-1 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมปีก่อน
บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมเมืองเบียร์ทำสถิติครองบอลมากกว่าคู่แข่งมากสุดอันดับ 3 ซีซั่นนี้ ทีมเสือใต้ครองบอล 78.44 เปอร์เซ็นต์ในเกมเยือน เอาก์สบวร์ก เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมปีก่อน แต่ บาเยิร์น มิวนิค ทำได้แค่เสมอ 2-2
ดอร์ทมุนด์ ตามมาเป็นอันดับ 4 ของทีมที่ครองบอลมากสุด 78.21 เปอร์เซ็นต์ ในเกมถล่ม เอาก์สบวร์ก 5-1 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมปีก่อน ตามมาด้วย โอลิมปิก ลียง ของฝรั่งเศสที่ครองบอล 78.17 เปอร์เซ็นต์ ในเกมบุกขย่ม นีมส์ 4-0 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม
บาร์เซโลน่า ยุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เคยครองบอลเหนือกว่าในเกมเยือน เลกาเนส 76.76 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ก่อนทีมอาซูลกราน่าจะเบียดคว้าชัยด้วยสกอร์ 2-1
เลสเตอร์ ซิตี้ ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ติดโผอันดับ 7 ของทีมที่ครองบอลมากสุดในซีซั่นนี้เกมบุกชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-0 เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ทีมจิ้งจอกของ'บี-ร็อด'เป็นฝ่ายครองบอลมากถึง 76.62 เปอร์เซ็นต์
ตามมาด้วย แมนฯซิตี้ ของ'เป๊ป'กวาร์ดิโอล่า ที่ครองบอล 76.43 เปอร์เซ็นต์ในเกมเยือน'เซนต์ เจมส์ พาร์ค' เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนปีที่ผ่านมา แต่ นิวคาสเซิ่ล ใช้หมากเด็ดเล่นเกมสวนกลับจนสามารถแบ่งแต้มกับทีมเรือใบด้วยสกอร์ 2-2
ฮอฟเฟนไฮม์ ของ อัลเฟร็ด ชรอยเดอร์ เทรนเนอร์ชาวดัตช์ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของทีมที่ครองบอลมากสุดเช่นกันโดยเป็นฝ่ายครองบอลในเกมกับ เอาก์สบวร์ก เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมปีก่อน 72.6 เปอร์เซ็นต์ แต่พวกเขาพ่ายคารังด้วยสกอร์ 2-4
ทีมเรือใบของ กวาร์ดิโอล่า ยังเป็นฝ่ายครองบอลถึง 76.06 เปอร์เซ็นต์ในเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ทีมหมาป่าใช้เกมโต้กลับเล่นงานแนวป้องกันของของทีมเรือใบจนบุกคว้าชัยถึงถิ่น'เอติฮัด สเตเดี้ยม' 2-0
จากสถิติของการครองบอลมากกว่าคู่แข่ง 10 อันดับแรกในซีซั่นนี้จึงไม่ได้การันตีว่าทีมที่คุมบอลได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป
อย่างไรก็ตาม กีเก้ เซเตียน พยายามนำปรัชญาดังกล่าวกลับมาใช้งานกับทัพอาซูลกราน่าอีกครั้งหลังจางหายไปตั้งแต่ยุค หลุยส์ เอ็นรีเก้ มาร์ตีเนซ ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงการทำทีมของ บัลเบร์เด้ โดยเทรนเนอร์วัย 61 ปีพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างบาร์ซ่าเล่นตามแนวทางของตนเองไม่เว้นแม้กระทั่งการสั่งลูกทีมลงฝึกซ้อมท่ามกลางสายฝน
แต่เกมกับ กรานาด้า หรือ อีบีซ่า เป็นเพียงออเดิร์ฟก่อน กีเก้ เซเตียน จะนำทีมเผชิญหน้ากับ บาเลนเซีย บนเวทีลีกาวันเสาร์นี้ซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญของทัพอาซูลกราน่ายุคเทรนเนอร์วัย 61 ปีว่าจะทำได้ดีอย่างที่ฝ่ายบริหารและสาวกบาร์เซโลนีสต้าคาดหวังมากน้อยเพียงใดเท่านั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT