10กองหน้าตำนานของมาดริด
เรอัล มาดริด ขึ้นชื่อว่าเป็นสโมสรที่มีกองหน้าพรสวรรค์ค้าแข้งกับทีมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและหลายคนก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับตำนานของ'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว' ส่วนแข้งพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่สุดของทัพ'โลส บลังโกส' 10 อันดับแรกมีใครบ้างไปติดตามกันครับ
10.โรนัลโด้ นาซารีโอ (บราซิล)
ผู้เล่นมหัศจรรย์ของวงการลูกหนังโลก เขาอาจเป็นกองหน้ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของฟุตบอล เขาย้ายมาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2002 หลังการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปีนั้น ต่อด้วยการซิว'บัลลง ดอร์'ฤดูกาลนั้น ก่อนจะฟาดรางวัล'ปิชีชี่'หรือ ดาวซัลโวลีกเมืองกระทิงในซีซั่น 2003-2004 หลังยิง 24 ประตูจากการลงเล่น 32 เกม เป็นครั้งที่สองของหัวหอกบราซิเลียน หลังเคยคว้ารางวัลดาวยิงสูงสุดช่วงที่ค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า หนึ่งปีในฤดูกาล 1996-1997
สาวกมาดริดิสต้าเห็นการเล่นที่น่าทึ่งช่วงที่ โรนัลโด้ นาซารีโอ ค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด โดยเฉพาะการทำแฮตทริคในเกมเยือน'โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด'ของ แมนฯยูไนเต็ด บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก รอบควอเตอร์ไฟนัล นัดสอง ตลอด 5 ปีกับทีมชุดขาว เขายิง 104 ประตูจากการลงเล่น 177 เกม นำทีมชุดขาวคว้าแชมป์ ลีกา, อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ และ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ รายการละสมัย
9.ฆวน โกเมซ กอนซาเลซ ฆวานีโต้ (สเปน)
ฆวานีโต้ ถูกยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของสโมสร เขาไม่ใช่ผู้ทำประตูที่สมบูรณ์แบบหรือเป็นนักเตะที่มีความสามารถเชิงลูกหนังสูงส่ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการเล่นเพื่อชัยชนะของเขาทำให้'ฆวานีโต้'เป็นผู้เล่นที่น่าเหลือเชื่อในสนาม
ช่วงเวลาที่ค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ระหว่างปี 1977-1987 ยิง 85 ประตูจากการลงเล่น 284 เกม หลายต่อหลายนัดที่เขามีส่วนช่วยทัพ'โลส บลังโกส'คัมแบ็กกลับมาคว้าชัยชนะและ'ฆวานีโต้'เป็นหัวใจสำคัญของเกมเหล่านั้นด้วยทัศนคติและการต่อสู้ด้วยหัวจิตหัวใจจนสาวกมาดริดิสต้ายกย่องว่าเป็น'จิตวิญญาณของ ฆวานีโต้' ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปีจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อวันที่ 2 เมษายน 1992
8.คาริม เบนเซม่า (ฝรั่งเศส)
เบนเซม่า ย้ายจาก ลียง มาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ในช่วงหน้าร้อนปี 2009 เขาเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงเริ่มต้นที่ต้องแข่งขันแย่งตำแหน่งหมายเลข 9 กับ กอนซาโล่ อีกวาอิน แต่ในไม่ช้าหัวหอกชาวฝรั่งเศสก็ได้รับตำแหน่งของตนเอง
กองหน้าชาวเมืองน้ำหอมสร้างชื่อด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของสามประสานแนวรุก'บีบีซี'ของทัพ'โลส บลังโกส'ร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ แกเร็ธ เบล ซึ่งร่วมกันนำทีมชุดขาวคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 10 ของสโมสร
แม้มุมมองของสาวกมาดริดิสต้าที่มีต่อ เบนเซม่า จะหลากหลายและมีความแตกต่างกันก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่เขาทำกับทีมโดยเฉพาะการคว้าแชมป์ยุโรป 4 สมัยในรอบ 5 ปี ตลอดอาชีพค้าแข้งกับทัพ'โลส บลังโกส' กระทุ้ง 241 ประตูจากการลงเล่น 501 เกม กลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูมากสุดสูงสุดอันดับ 5 ของสโมสร
7.ฟรานซิสโก้ เคนโต้ 'ปาโก้' (สเปน)
ประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ของ เรอัล มาดริด, ปาโก้ เคนโต้ เป็นอดีตปีกซ้ายสไตล์โบราณที่มักจะสร้างความเสียหายให้แนวป้องกันคู่แข่งในช่วงครึ่งเวลาหลัง ตลอดช่วงค้าแข้งยาวนาน 18 ปี (1953-1971) เขามีส่วนร่วมกับ 2 ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของสโมสร
ปาโก้ มีอิทธิพลต่อการคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 5 สมัยติดต่อกันของทัพ'โลส บลังโกส' และเป็นกัปตันทีมชูโทรฟี่แชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ในปี 1966 เขายังมีส่วนร่วมกับการคว้าแชมป์ลีกา 8 สมัยในรอบ 9 ปี ตลอดอาชีพคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิง 12 ครั้ง
เขายังเป็นเจ้าของสถิตินักเตะสเปนที่ครองแชมป์ยุโรปมากสุด, เป็นนักเตะที่ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ มากสุดเทียบเท่า เปาโล มัลดินี่ ตำนานลูกหนังของ เอซี มิลาน, เป็นผู้เล่นที่คว้าแชมป์ลีกามากสุดและยังคงเป็นผู้เล่นทีมชุดขาวที่คว้าแชมป์กับสโมสรมากสุดในประวัติศาสตร์ 23 รายการ ลงเล่น 428 เกม ยิง 128 ประตู
6.อูโก้ ซานเชซ (เม็กซิโก)
ตำนานลูกหนังชาวเม็กซิกันคว้ารางวัลปิชีชี่ หรือ ดาวซัลโวลีกา ครั้งแรกฐานะนักเตะ แอตเลติโก มาดริด ในซีซั่น 1984-1985 ก่อนโยกข้ามฝากมาอยู่กับ เรอัล มาดริด พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวลีกเมืองกระทิง 4 สมัยจาก 5 ปีฐานะแข้ง'โลส บลังโกส' นำต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลา ลีกา 5 ปีติดต่อกัน
อูโก้ ซานเชซ เป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบและเป็นส่วนเติมเต็มผู้เล่นท้องถิ่นของมาดริด เขามีเอกลักษณ์ในการจบสกอร์เป็นของตนเอง เคยทำสถิติยิง 38 ประตูในฤดูกาล 1989-1990 ตลอดอาชีพค้าแข้งกับทีมชุดขาวช่วงปี 1985-1992 ทำรวมกัน 164 ประตูจากการลงเล่น 207 เกม
5.เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ (สเปน)
อีกหนึ่งตำนานลูกหนังของ เรอัล มาดริด มีฉายาว่า'เอล บุยเตร้'หรือ 'พญาแร้ง' เขาลงเล่นในช่วงเวลาเดียวกับ อูโก้ ซานเชซ และ ฮอร์เค่ วัลดาโน่ นำทัพ'โลส บลังโกส'เข้าสู่ยุคทองเดินหน้าคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิง 5 สมัยติดต่อกันในช่วงปี 1985-1990 เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ เป็นผู้เล่นที่มีความสง่างามมองเห็นชัดเจนในสนามตรงข้ามกับฉายาของเขา
เขาเติบโตขึ้นมาจากทีมเยาวชนของสโมสร (เรอัล มาดริด กาสตีย่า) ใช้โอกาสของเขาอย่างมีสไตล์ ซึ่งเขาทำสกอร์ได้ภายใน 15 นาทีของการลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ ก่อน บูตราเกนโญ่ ยังเป็นคนทำประตูให้ทีมชุดขาวกำชัยชนะจากการลงเล่นเกมที่สองของเขา ซึ่งเป็นการคัมแบ็กคว้าชัยหลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง กาดีซ 0-2 และ'พญาแร้ง'ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมชุดขาวในเวลาต่อมาอีกหลายปี ตลอดอาชีพกับมาดริดทำ 171 ประตูจากการลงเล่น 436 เกม
4.เฟเรนซ์ ปุสกัส (ฮังการี)
กองหน้าชาวฮังกาเรียนมาถึงสโมสรตอนอายุ 31 ปี หลังสร้างชื่อเสียงกับ บูดาเปสต์ ฮอนเวด สโมสรบ้านเกิด สิ่งที่เขานำมาสู่ทีมชุดขาวเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความยอดเยี่ยมฐานะนักเตะที่เขาเป็น นักฟุตบอลที่มีความสามารถเหลือเชื่อ มีไอคิวฟุตบอลสูงและมีความสามารถพิเศษในการทำประตู
หัวหอกชาวฮังกาเรียนเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สามารถจับคู่ทะลวงคู่แข่งร่วมกับ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ อีกหนึ่งตำนานของสโมสร แม้อดีตดาวดังชาวอาร์เจนไตน์จะบดบังรัศมีของกองหน้าชาวฮังกาเรียนจากการคว้ารางวัลปิชีชี่ 4 สมัย แต่ เฟเรนซ์ ปุสกัส ยังทำแฮตทริคในเกมชิงชนะเลิศของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1962 ที่ทีมชุดขาวพ่าย เบนฟิก้า 3-5
อย่างไรก็ตามภาพจดจำมากสุดของ ปุสกัส เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1960 กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ซึ่งหัวหอกฮังกาเรียนกดคนเดียว 4 ประตูในชัยชนะเหนือคู่แข่ง 7-3 ซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตบรมกุนซือ แมนฯยูไนเต็ด เคยยกย่องเขาเป็น 'หนึ่งในผู้เล่นยิ่งใหญ่สุดตลอดกาล' เมื่อได้เห็นการทำประตูของ ปุสกาส จากอัฒจันทร์ในวันนั้น
3.ราอูล กอนซาเลซ (สเปน)
ราอูล เกิดมาเพื่อเล่นกับทัพ'โลส บลังโกส' สำหรับแฟนๆหลายคนในยุค90 และยุค 2000 ราอูล มีความหมายเหมือน เรอัล มาดริด เขาเป็นตัวแทนของเสื้อสีขาวที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน อดีตกัปตันทีมชุดขาวเปิดตัวครั้งแรกกับทีมชุดใหญ่ในปี 1994 ด้วยวัยเพียง 17 ปี เขาไม่เคยเหลียวหลังไปมองนับตั้งแต่นั้น
ช่วงเวลาโดดเด่นสุดของ ราอูล เกิดขึ้นในเกม'เอล กลาซิโก้'กับ บาร์เซโลน่า เมื่อเขาสงบเสียงเชียร์ของสาวกบาร์เซโลนิสต้าในสังเวียน'คัมป์ นู' หลังการทำประตูตีเสมอในช่วงนาที 86 ในช่วงเดือนตุลาคมปี 1999 ก่อนเกมจะลงเอยด้วยการเสมอ 2-2
ไม่มีแฟนๆมาดริดคนใดสามารถลืมภาพของ ราอูล ที่ทำประตูและฉลองด้วยการใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของเขาส่งสัญญาณถึงสาวกบาร์เซโลนิสต้าว่าหุบปากซะ ช่วงเวลาค้าแข้งตลอด 16 ปีกับทีมชุดขาว เขาก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ทำประตูมากสุดของสโมสร (ก่อนจะถูกทำลายลงโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้) เขานำทีมคว้าแชมป์ยุโรป 3 สมัย และ แชมป์ลีกา อีก 6 ครั้ง กระทุ้ง 228 ประตู จากการลงเล่น 550 เกม
2.อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ (อาร์เจนตินา)
ดิ สเตฟาโน่ เข้ามาและเปลี่ยนโฉมหน้าของ เรอัล มาดริด ไปตลอดกาล เขากลายเป็นซุปตาร์คนแรกของทัพ'โลส บลังโกส' ฐานะผู้เล่นดีที่สุดตลอดกลาลของสโมสร เขามีส่วนสำคัญในการนำสโมสรก้าวไปสู่ยุครุ่งเรืองบนเวทียุโรปจากการคว้าแชมป์ 5 สมัยติดต่อกันและเขายังยิงประตูตลอด 5 ครั้งในเกมชิงชนะเลิศด้วย
ตำนานลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ยังประสบความสำเร็จในประเทศกับ เรอัล มาดริด ด้วยการคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิง 8 สมัยใน 11 ฤดูกาล ดิ สเตฟาโน่ คว้ารางวัล'ปิชีชี่' 5 สมัย และ บัลลง ดอร์ อีก 2 ครั้ง กลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะมาดริดที่ทำประตูมากสุดของสโมสรด้วยผลงาน 308 ประตูจากการลงเล่น 396 เกม สถิติดังกล่าวอยู่มานานถึง 45 ปี ก่อนจะถูกทำลายลงด้วยผลงานของ ราอูล กอนซาเลซ
1.คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส)
เขากลายเป็นนักเตะยิ่งใหญ่สุดที่เคยค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด เขามาถึง'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ฐานะเจ้าของรางวัล'บัลลง ดอร์' ฐานะ แมนฯยูไนเต็ด แต่ด้วยความทะเยอทะยานของเขาทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้ารางวัลดังกล่าวฐานะแข้งทีมชุดขาวอีก 4 ครั้ง
โรนัลโด้ ย้ายจากทีมปีศาจแดงมาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ช่วงซัมเมอร์ปี 2009 ด้วยค่าตัวแพงสุดในโลก ณ ตอนนั้น เขาใช้เวลา 9 ปีทำลายสถิติทำประตูทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ ซุปตาร์ชาวโปรตุกีสเดินหน้าทำลายสถิติเก่าของ ราอูล กอนซาเลซ ตั้งแต่การเล่นซีซั่นที่ 6 กับทัพ'โลส บลังโกส' ก่อนจบด้วยผลงาน 450 ประตูจากการลงเล่นเพียง 438 เกม
เขายังมีบทบาทสำคัญต่อการนำทีมชุดขาวคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัยในรอบ 5 ปี คริสเตียโน่ ทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ 2 ครั้งและยังเป็นคนยิงจุดโทษชี้ขาดนำทัพ'โลส บลังโกส'ดวลเป้าชนะทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด สาวกมาดริดิสต้าไม่เคยเห็นใครเป็นเครื่องจักรผลิตประตูเหมือนเขาและอาจจะต้องรออีกนานที่พวกเขาจะเห็นคนอื่นทำผลงานได้ใกล้เคียงซุปตาร์ชาวโปรตุกีส
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT