บ้านใหม่'ฮาเมส'
ฮาเมส โรดรีเกซ กำลังนับถอยหลังอำลาถิ่น'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังย้ายมาจาก โมนาโก ตั้งแต่ช่วงหน้าร้อนปี 2014 แต่ไม่รุ่งอย่างที่คาดหวัง
เพลย์เมกเกอร์ขณะนั้นอายุเพียง 22 ปี ย้ายมาสวมยูนิฟอร์มชุดขาวฐานะดาวซัลโวของศึกฟุตบอลโลก 2014 หลังกระทุ้ง 6 ประตูกับทีมชาติโคลอมเบียในศึก'เวิลด์ คัพ'ฉบับเมืองกาแฟ ทว่าตลอด 6 ปีในคราบ'โลส บลังโกส'มีแต่ความว่างเปล่ายังถูกปล่อยไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว 2 ปีก่อนหน้านี้ด้วย
จากนักเตะที่เคยถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็นดาวเด่นของวงการลูกหนัง แต่เขาไม่สามารถลงหลักปักฐานในมาดริดอย่างที่ต้องการ แม้จะพยายามฟื้นฟูอาชีพของตนเองในช่วงเวลา 2 ปีในมิวนิค ซึ่งถือว่า ฮาเมส ทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ทีมเสือใต้เซ็นสัญญาถาวรกับเขาจนต้องกลับมาเผชิญชะตากรรมเดิมในเบร์นาเบวอีกครั้ง
เรอัล มาดริด ขาย อังเคล ดิ มาเรีย ให้ แมนฯยูไนเต็ด ในช่วงหน้าร้อนปีนั้น หลังปีกชาวอาร์เจนไตน์เรียกร้องขอเพิ่มค่าเหนื่อยจาก 4 ล้านยูโรเป็น 8 ล้านยูโรต่อปีเพื่อเปิดทางให้ ฮาเมส แข้งป้ายแดงที่ย้ายมาด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร
คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์มาดริดขณะนั้นจัดทัพลงสนามระบบ 4-3-3 โดยมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า กับ แกเร็ธ เบล เป็นสามแนวรุก ส่วน ฮาเมส ลงล็อก 3 แดนกลางกับ ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส แผนของเทรนเนอร์อิตาเลียนใช้ได้ผลดี แม้จะมีปัญหากับการเล่นเกมป้องกันอยู่บ้างก็ตาม
สถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อการเล่นของ ฮาเมส มากขึ้นหลังการบาดเจ็บของ เบล ก่อน'อันเช่'จะปรับหมากมาเล่นระบบ 4-4-2 โดยปล่อยให้ ฮาเมส กับ อีสโก้ อาลาร์กอน เป็นตัวเดินเกมรุกริมเส้น
ทว่าสถานะของเพลย์เมกเกอร์เริ่มสั่นคลอนหลัง เบล ฟิตกลับมาพร้อมลงสนาม อันเชล็อตติ ปรับมาเล่นระบบ 4-3-3 อีกครั้ง แต่ ฮาเมส ไม่ใช่นักเตะที่มีความแข็งแกร่งเหมือน ดิ มาเรีย การเล่นซีซั่นนั้นของเพลย์เมกเกอร์ชาวโคลอมเบียนลงเอยด้วยความผิดหวังก่อนเทรนเนอร์จะถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังจากนั้น
ช่วงซัมเมอร์ดังกล่าวเปิดโอกาสให้ ฮาเมส ฟื้นความมั่นใจกลับคืนมาหลังเผชิญซีซั่นที่ค่อนข้างเครียดในการค้าแข้งปีแรกที่มาดริด เขามีโอกาสจะเริ่มต้นกับเทรนเนอร์คนใหม่ ราฟาเอล เบนีเตซ ทว่าอาการบาดเจ็บกลายเป็นอุปสรรคของ ฮาเมส จนไม่มีส่วนร่วมกับช่วงปรีซีซั่นยุค'เอล ราฟา'
แม้ ฮาเมส จะฟิตกลับมาลงสนามอีกครั้ง แต่เขาเล่นได้ดีเฉพาะบางเกม ไม่สามารถยืนระยะหรือรักษาความสม่ำเสมออย่างที่เทรนเนอร์คาดหวัง เขามีโอกาสลงเล่นเพียง 14 เกมภายใต้การดูแลของ ราฟาเอล เบตีเนซ ก่อน'เอล ราฟา'จะลาออกจากตำแหน่ง
เมื่อ ซีเนดีน ซีดาน ถูกโปรโมตจาก เรอัล มาดริด กาสตีย่า ขึ้นมากุมบังเหียนทีมชุดใหญ่เต็มตัวตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2016 นั่นคือจุดเปลี่ยนของ ฮาเมส โรดรีเกซ เป็นจุดเริ่มต้นของจุดตกต่ำของแข้งชาวโคลอมเบียน
เขามีโอกาสลงสนามไม่มากนัก แม้ว่าจะมีส่วนร่วมในการทำประตูบ้างเมื่อถูกส่งลงเล่น แต่มันไม่เพียงพอที่จะทำให้เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสส่งลงเล่นตัวจริง จนกระทั่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องหากแข้งชาวโคลอมเบียนย้ายไปเล่นกับสโมสรอื่น ก่อนนำมาซึ่งการปล่อยนักเตะย้ายซบ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว 2 ปีช่วงหน้าร้อนปี 2017
ทีมเสือใต้ต้องจ่ายเงินค่ายืมตัว 13 ล้านยูโร พ่วงอ็อปชั่นเซ็นสัญญาถาวร 42 ล้านยูโร และ ฮาเมส ได้โอกาสร่วมงานกับ อันเชล็อตติ ที่ว่ากันว่ามีคู่มือการใช้งานนักเตะอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ฮาเมส เริ่มต้นกับ บาเยิร์น มิวนิค ไม่สวยนักเนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าของเขา ก่อน ฮาเมส จะฟิตกลับมาและได้โอกาสลงสนามตามสมควร ทว่าโชคร้ายที่'อันเช่'ถูกปลดออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนตุลาคม โดยมี จุ๊ปป์ ไฮยน์เกส อดีตเทรนเนอร์ชุด'ทริเปิ้ลแชมป์'ถูกดึงมาคุมทัพชั่วคราว ก่อน ฮาเมส จะจบซีซั่นแรกในคราบเสือใต้ด้วยการลงเล่น 23 เกม
'มันเป็นการย้ายทีมที่ยอดเยี่ยมมากและผมต้องขอบคุณ คาร์โล อันเชล็อตติ อีกครั้ง' คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ซีอีโอ บาเยิร์น มิวนิค กล่าวถึง ฮาเมส โรดรีเกซ ในช่วงเดือนเมษายนปี 2018
เขาเริ่มต้นซีซั่น 2018-2019 กับเทรนเนอร์ใหม่ นิโก้ โควัช ส่งผลให้ ฮาเมส มีโอกาสลงเล่นน้อยลง แต่เขายังช่วยยิง 7 ประตูบนเวทีบุนเดสลีกา แต่ท้ายที่สุด บาเยิร์น มิวนิค ไม่ใช่เงื่อนไขเซ็นสัญญาถาวรกับนักเตะมูลค่า 42 ล้านยูโรส่ง ฮาเมส กลับมาดริดหลังจบซีซั่นดังกล่าว
ทว่าการหวนคืนถิ่น'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ไม่ต่างจากช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นใครคุมทีมทั้ง จูเลน โลเปเตกี, ซานติอาโก้ โซลารี่ มาจนถึงการรีเทิร์นของ ซีดาน สถานะของ ฮาเมส ยังคงอยู่บนม้านั่งสำรองเท่านั้น
ตอนนี้ ฮาเมส อายุ 28 ปี มันยังไม่สายเกินไปสำหรับเขาในการตัดสินใจเลือกเล่นกับทีมที่เห็นคุณค่าของตนเองเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา ขณะเดียวกัน เรอัล มาดริด ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการปล่อยนักเตะย้ายสังกัดเนื่องจากเพลย์เมกเกอร์ชาวโคลอมเบียนเหลือสัญญาอีกเพียงปีเดียวเท่านั้น
ฮาเมส ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับหลายสโมสรสำหรับการย้ายออกจากถิ่น'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ช่วงซัมเมอร์นี้ และทีมชุดขาวไม่สามารถโก่งค่าตัวนักเตะอย่างที่ต้องการเนื่องจากระยะเวลาของสัญญาที่เหลืออยู่บีบบังคับ รวมถึงปัญหาเรื่องขาดสภาพคล่องที่เป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าด้วย
แมนฯยูไนเต็ด กับ ยูเวนตุส เคยตกเป็นข่าวว่ามีการพูดคุยกับ จอร์จ เมนเดส เอเยนต์ของนักเตะเกี่ยวกับอนาคตของ ฮาเมส ก่อนการพูดคุยจะหยุดชะงักเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ขณะที่ นาโปลี กับ อาร์เซน่อล เคยมีข่าวเกี่ยวโยงกับนักเตะเช่นเดียวกัน
อีกทางเลือกหนึ่งคือการย้ายไปค้าแข้งบนเวทีเมเจอร์ลีกกับ อินเตอร์ ไมอามี่ ของ เดวิด เบ็คแฮม ทว่าการโยกไปเล่นในทวีปอเมริกาเหนือสำหรับเขาที่มีอายุเพียง 28 ปียังเร็วเกินไป นักเตะยังมีศักยภาพพอที่จะฟื้นฟูอาชีพค้าแข้งในยุโรปของเขา โดยมีอีกสองตัวละครใหม่ที่สอดแทรกเข้ามาและพร้อมโอบอุ้มเพลย์เมกเกอร์ชาวโคลอมเบียน นั่นคือ แอตเลติโก มาดริด, เอฟเวอร์ตัน, วูล์ฟแฮมป์ตัน หรือแม้แต่ นิวคาสเซิ่ล
แอตเลติโก มาดริด ไม่ใช่ทีมหน้าใหม่แต่อย่างใดหลัง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เคยพยายามดึง ฮาเมส ไปเข้ารังหมีตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปีก่อน แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าตัวกับต้นสังกัดของนักเตะ อีกทั้ง เรอัล มาดริด ยังไม่ต้องการยื่นหอกให้คู่แข่งนำกลับมาทิ่มแทงตัวเองอีกด้วย
ล่าสุด ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ บอนเน็ต นักข่าวชาวโคลอมเบียนคนบ้านเดียวกับ ฮาเมส ปูดข่าวว่าสองสโมสรยักษ์ใหญ่ของมาดริดกำลังเจรจากันเกี่ยวกับการย้ายสังกัดของเพลย์เมกเกอร์วัย 28 ปี และใกล้เคียงกับการแปลงร่างเป็นแข้งทีมตราหมีถึง 80 เปอร์เซ็นต์
'ถ้า เรอัล มาดริด ต้องการเงินกลับมาบางส่วน พวกเขาต้องปิดการเจรจานี้ ถ้าพวกเขาไม่่ทำระหว่างนี้จนถึงเดือนธันวาคม ฮาเมส จะกลายเป็นฟรีเอเจนต์ เรอัล มาดริด ควรเปิดประตูให้ ฮาเมส แหล่งข้อมูลเดียวกันยังบอกกับเราเหมือนตอนที่เขาย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค ว่าการเจรจาผ่านไปถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว'
ในฤดูกาลนี้ ฮาเมส ลงเล่นทุกรายการเพียง 13 เกมและเป็นการลงเล่นตัวจริง 8 ครั้ง เขายิงหนึ่งประตูกับทำหนึ่งแอสซิสต์ โดยลงเล่นเกมสุดท้ายบนเวทีลีกาตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา แม้ เรอัล มาดริด ต้องการขายนักเตะ แต่พวกเขาพึงพอใจกับการปล่อย ฮาเมส ย้ายออกนอกประเทศมากกว่า นั่นอาจหมายถึงเวทีพรีเมียร์ลีกที่พอจะมีกำลังทรัพย์สำหรับการจ่ายค่าตัวและค่าจ้างนักเตะ
ฮวน ปาโบล อังเคล อดีตกองหน้าทีมชาติโคลอมเบียฐานะคนเคยมีประสบการณ์ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับ แอสตัน วิลล่า ในช่วงปี 2001-2007 มองว่าแข้งรุ่นน้อง ฮาเมส มีทักษะความสามารถครบถ้วนสำหรับการประสบความสำเร็จในอังกฤษเพียงแต่แข้งวัย 28 ปีจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมด้วยเท่านั้น
'ฮาเมส มีทักษะในการเล่นทุกที่ที่ต้องการและจะประสบความสำเร็จในอังกฤษ มันจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่คุณอยู่ ท้ายที่สุดการประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นกับทักษะของคุณเท่านั้น'
'นักเตะทุกคนพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอย่างใดอย่างหนึ่งและลักษณะของสโมสร ในการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ผมมีในอาชีพค้าแข้งของผม ผมต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่แตกต่างและนั่นคือเหตุผลที่นักฟุตบอลต้องปรับตัวเองตลอดเวลา'
แมนฯยูไนเต็ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน, เอฟเวอร์ตัน กับ นิวคาสเซิ่ล ต่างมีข่าวเชื่อมโยงกับ ฮาเมส โรดรีเกซ แต่คงจะตัดทีมปีศาจแดงออกรายแรกหลังการเซ็นสัญญากับ บรูโน่ แฟร์นานเดส ซึ่งทำผลงานโดดเด่น อีกทั้ง ปอล ป็อกบา กำลังจะฟิตกลับมาลงสนามจึงไม่มีพื้นที่สำหรับเพลย์เมกเกอร์ชาวโคลอมเบียน
ขณะที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน มีข่าวกับ ฮาเมส เนื่องจาก จอร์จ เมนเดส เอเยนต์ของนักเตะมีความสนิทสนมกับเจ้าของทีมหมาป่าจนพยายามผลักดันนักเตะในการดูแลย้ายมาค้าแข้งในถิ่น'โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม' ส่วน นิวคาสเซิ่ล นับตั้งแต่มีข่าวว่ากำลังจะได้กลุ่มทุนใหม่มาเทคโอเวอร์สโมสรก็ถูกจับเชื่อมโยงกับนักเตะมากมาย แต่ทีมสาลิกายังไม่มีแรงดึงดูดมากพอสำหรับเพลย์เมกเกอร์ชาวโคลอมเบียน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเป็นสโมสรที่มีเงินทุนและที่สำคัญมีแรงดึงดูดใจนักเตะอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ซึ่งมีโอกาสกล่อมนักเตะย้ายมาร่วมงานเป็นครั้งที่ 3 จาก มาดริด และ มิวนิค ดังนั้นทีมทอฟฟี่จึงกลายเป็นตัวเต็งที่อาจเป็นบ้านหลังใหม่ของแข้งวัย 30 ปีไม่น้อยไปกว่า แอตเลติโก มาดริด
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT