ใครกลัวใคร!?!?
ผลการจับสลากประกบคู่แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาคงทำให้หลายคนซี๊ดซ้าดไปตามกันโดยเฉพาะศึกยักษ์ชนยักษ์ระหว่าง เรอัล มาดริด กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ขณะที่ บาร์เซโลน่า ดวลกับคู่ปรับเก่าอย่าง เชลซี ส่วน เซบีย่า ชนตออย่าง แมนฯยูไนเต็ด!!!
นั่นคือ 3 ทีมสเปนบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกที่ต้องเจอแต่ของหนักทั้งสิ้น
อีก 4 สโมสรเมืองกระทิงบนเวทียูโรปาลีกรอบ 32 ทีมมีคิวพบคู่แข่งหนักเบาแตกต่างกันไป แอตเลติโก มาดริด ดวลกับ เอฟซี โคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก, แอธเลติก บิลเบา เย่อกับ สปาร์ตัก มอสโก คู่ปรับเก่าทีมเซบียาโน่บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก, เรอัล โซเซียดาด บู๊กับ เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก เก่งเล็กจากออสเตรีย และ บียาร์เรอัล ชนของหนักอย่าง ลียง ของฝรั่งเศส
ศึกยักษ์ชนยักษ์ระหว่าง เรอัล มาดริด กับ เปแอสเช เป็นการดวลกันระหว่างแชมป์ 2 สมัยล่าสุดและเจ้าของสถิติคว้าแชมป์รายการนี้มากสุด 12 ครั้ง กับ ทีมแกร่งจากเมืองน้ำหอมที่ทำสถิติกระทุ้ง 25 ประตูสูงสุดในรอบแบ่งกลุ่มและพยายามจะสถาบันตนเองขึ้นมาเป็นยอดทีมของยุโรปด้วยการทุ่มทุนจำนวนมหาศาลคว้าแข้งซุปตาร์เข้ามาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
กีเยม บาลาเก ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลสเปนยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ล่วงหน้าที่ทั้งสองทีมจะลงฟาดแข้งกันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ศกหน้า แต่ตามมุมมองบาลาเกเชื่อว่าทีมชุดขาวจะเป็นฝ่ายที่ผ่านเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนัล
'ผมมองว่า เรอัล มาดริด จะเป็นทีมที่ผ่านเข้ารอบ มันยากที่จะพูดถึงเกมที่พวกเขาจะลงเล่นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ถ้าพวกเขาพบกันตอนนี้ นั่นจะเป็นเรื่องสนุกสำหรับการวิเคราะห์สถานการณ์แน่นอนและผมไม่คิดว่าเปแอสเชจะผ่านเข้ารอบนะ'
'เปแอสเชมีทีมที่ดีมาก พวกเขายังยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่มมากที่สุด แต่ เรอัล มาดริด ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พวกเขาอาจไม่ได้เล่นเพื่อลุ้นแชมป์ลีกาและจะเป็นทีมที่ผ่านเข้ารอบ'
หากถามว่าคู่นี้ใครควรกลัวใครมากกว่ากัน? ตอบได้ทันทีว่าต่างฝ่ายต่างต้องยำเกรงกันพอสมควร
เรอัล มาดริด อาจทำผลงานตกลงไปตลอดช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่ทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ยังมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งและมีโอกาสที่จะเบนเป้ามาลุ้นความสำเร็จในแชมเปี้ยนส์ลีกเต็มตัวหากสถานการณ์บนเวทีลีกาไม่เป็นใจตามการสันนิษฐานของบาลาเก
จากบรรดารองแชมป์กลุ่มที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีม เรอัล มาดริด ยังเป็นโจทย์ยากและเป็นทีมที่ เปแอสเช ไม่ต้องการเผชิญหน้าด้วยมากที่สุด หลัง เปแอสเช เคยตกรอบควอเตอร์ไฟนัลปีก่อนจากการพ่ายทีมอาซูลกราน่าแบบคาดไม่ถึงทั้งที่เป็นฝ่ายคว้าชัยจากเกมแรก 4-0 ทว่าทีมของ อูไน เอเมรี หงายเก๋ตกรอบเพราะการปราชัยที่'คัมป์ นู' 1-6
'ผมไม่คิดว่ามันเป็นผลการจับสลากที่เลวร้ายสุดนะ ผมเชื่อว่าเราอยู่ในระดับที่สามารถสู้กับ เรอัล มาดริด ได้ การทำผลงานยอดเยี่ยมในแชมเปี้ยนส์ลีก คุณจะต้องเอาชนะทีมที่ดีที่สุดอย่าง เรอัล มาดริด'เอเมรี กัดฟันพูดถึงการจับสลากชนตออย่างมาดริด
'สำหรับการเอาชนะทีมอย่างมาดริด เราจะต้องเล่นแคแร็กเตอร์และแสดงความสามารถของเรา เกมนี้จะเป็นที่สนใจของแฟนบอลทั่วโลก'
ขณะที่ เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ อดีตกองหน้าทีมชาติสเปนและทัพชุดขาวซึ่งเป็นตัวแทนการจับสลากของสโมสรยอมรับว่ามันเร็วไปสำหรับการโคจรมาดวลกันตั้งแต่รอบ 16 ทีมระหว่าง เรอัล มาดริด กับ เปแอสเช ซึ่งต่างเป็นตัวเต็งลุ้นแชมป์รายการนี้
'การจับสลากมีเรื่องโชคเข้ามาเกี่ยวข้องและ 1 ใน 2 ทีมนี้จะต้องถูกเขี่ยตกรอบ ผมคิดว่ามันเร็วเกินไปสำหรับสองทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์มาเผชิญหน้ากันในรอบนี้'
'เปแอสเชเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้น การเล่นรอบแบ่งกลุ่มของพวกเขาไร้ที่ติและมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม ผมไม่คิดว่าสำหรับพวกเขามันจะเป็นผลการจับสลากที่ดีเช่นกัน แต่เราจะต้องเผชิญหน้ากับเกมแบบนี้เหมือนการเข้าชิงชนะเลิศสองครั้งล่าสุด มันน่าจะเป็นเกมลุ้นเข้ารอบที่น่าตื่นเต้นเร้าใจทีเดียว'
เซบีย่า เป็นอีกทีมที่เจอคู่ปรับที่เล่นด้วยยากอย่าง แมนฯยูไนเต็ด ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่ง กีเยม บาลาเก มองว่าทีมเซบียาโน่มีศักยภาพด้อยกว่าปีก่อนหลังการปรับเปลี่ยนขุมกำลังหลายตำแหน่ง
'เซบีย่า เป็นทีมที่ดูแย่กว่าฤดูกาลที่ผ่านมา ผมคิดว่ามีผู้เล่นใหม่ 7-8 คนที่เล่นกับ เรอัล มาดริด ทำผลงานน่าผิดหวังในช่วง 45 นาทีแรก'
'พวกเขาแพ้ 0-5 คุณอาจจะพูดได้ว่ามันเป็นผลที่เกินจริง แต่ในกรณีนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเล่นกันไม่ดีจริงๆ'
ส่วน บาร์เซโลน่า จะดวลกับ เชลซี เป็นครั้งที่ 6 บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกรอบน็อกเอาท์ ซึ่งทีมอาซูลกราน่ามีสถิติเหนือกว่า 3-2 จากการพบกัน 5 ครั้งก่อนหน้านี้
บาร์เซโลน่า ชนะ เชลซี ด้วยผลประตูรวม 2 นัด 6-4 ในรอบควอเตอร์ไฟนัลฤดูกาล 1999-2000 เชลซี คว้าชัยที่'สแตมฟอร์ด บริดจ์'เกมแรก 3-1 แต่ บาร์ซ่า เอาคืนด้วยสกอร์เดียวกันที่'คัมป์ นู' ก่อน ริวัลโด้ กับ พาทริค ไคลเวิร์ต จะซัดคนละประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษนำต้นสังกัดกำชัย 5-1
ฤดูกาล 2004-05 เชลซี คว้าตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมจากการล้ม บาร์เซโลน่า ด้วยสกอร์รวม 5-4 หลังทีมอาซูลกราน่าเบียดคว้าชัยที่'คัมป์ นู'2-1 ทว่าทีมสิงห์น้ำเงินจัดหนักที่'สแตมฟอร์ด บริดจ์'ด้วยสกอร์ 4-2
ทีมอาซูลกราน่าถอนแค้นสำเร็จในการดวลกันรอบ 16 ทีมในซีซั่นต่อมา หลังสอยทีมสิงห์น้ำเงินด้วยสกอร์รวม 3-2 จากการบุกซิวที่'สแตมฟอร์ด บริดจ์'2-1 ก่อนกลับมาเสมอ 1-1 ที่'คัมป์ นู'
ทั้งสองทีมพบกันในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2006-07 เกมแรกที่'สแตมฟอร์ด บริดจ์'ชัยชนะตกเป็นของ เชลซี 1-0 ก่อนเกมที่'คัมป์ นู'จะลงเอยด้วยการเสมอ 2-2
บาร์เซโลน่า ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในฤดูกาล 2008-09 หลังล้ม เชลซี ในรอบตัดเชือกด้วยกฎการยิงประตูทีมเยือน หลังเสมอ 0-0 ที่'คัมป์ นู'ก่อนทีมยักษ์กาตาลุนย่าจะบุกยันเสมอ 1-1 ที่'สแตมฟอร์ด บริดจ์'จากการยิงประตูสำคัญของ อันเดรส อีเนียสต้า
แมตช์ดังกล่าวมีเรื่องดราม่าทั้งระหว่างเกมและหลังเกมเนื่องจากผู้เล่นเชลซีไม่พอใจการตัดสินของ ทอม เฮนนิ่ง โอเวรโบ เชิ้ตดำชาวนอร์วีเจี้ยนที่ไม่เป่าให้ลูกจุดโทษกับพวกเขาถึง 4 ครั้ง สร้างความขุ่นเคืองให้ ดิดีเย่ร์ ดร็อกบา ที่ตามไปเอาเรื่องผู้ตัดสินในอุโมงค์หลังจบเกม
ล่าสุด เชลซี เอาคืนในการเล่นรอบตัดเชือกฤดูกาล 2011-12 หลังเฉือนชนะด้วยสกอร์รวม 3-2 ทีมสิงห์น้ำเงินคว้าชัยที่'สแตมฟอร์ด บริดจ์'1-0 จากประตูโทนของ ดร็อกบา ก่อน เชลซี จะบุกยันเสมอถึง'คัมป์ นู'2-2 ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรสำเร็จ
บาร์เซโลน่า ดวลกับ เชลซี ในรอบรองชนะเลิศรายการนี้ 2 ครั้ง ผลัดกันเข้ารอบฝ่ายละครั้ง เช่นเดียวกันรอบ 16 ทีม อีกหนึ่งครั้งเป็นการฟัดกันในรอบควอเตอร์ไฟนัล ซึ่งทีมอาซูลกราน่าเป็นฝ่ายที่ผ่านเข้ารอบ
อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือชาวอิตาเลียนของ เชลซี กล่าวถึงการเผชิญหน้ากับยอดทีมเมืองกระทิงว่า'เรามองโลกแง่ดี ผมรู้อยู่แล้ว คุณต้องพร้อมเผชิญหน้ากับทุกอย่างและในกรณีนี้ คุณต้องพร้อม อดีตคืออดีต ตอนนี้คือปัจจุบันและมันเป็นอีกเรื่อง'
'ในเกมแบบนี้ถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักเตะทุกคนที่จะแสดงความสามารถออกมาไม่แต่เฉพาะ อาซาร์ เท่านั้น แต่สำหรับทุกคนด้วย'
'เราต้องพร้อมสำหรับเกมในบ้าน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นความได้เปรียบในการเล่นนอกบ้านก่อน การเจอกับทีมอย่างบาร์ซ่า คุณต้องทุ่ม 120% และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเล่นกับ บาร์เซโลน่า เราจะเริ่มคิดถึงเรื่องนั้น'
ขณะที่ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์บาร์เซโลน่ายอมรับว่าไม่ใช่งานง่ายสำหรับการเผชิญหน้ากับทีมแกร่งอย่าง เชลชี ในรอบ 16 ทีม
'มันเป็นงานหนักสำหรับเราเพราะเชลซีเป็นคู่ปรับที่แข็งแกร่ง เชลซีเป็นแชมป์ลีกและเป็นคู่แข่งที่เล่นด้วยยากเสมอ แต่เราตื่นเต้นที่จะได้พบกับพวกเขา เชลซีเป็นทีมที่แข็งแกร่งทั้งระบบและตัวผู้เล่น รวมถึงแท็กติกด้วย'
'การดึง (อัลบาโร่) โมราต้า เข้ามาช่วยเพิ่มความเร็วในแนวรุก ขณะะที่ เอแด็น อาซาร์ พร้อมทำลายล้างแนวรับฝั่งตรงข้ามทุกเมื่อ'
นั่นคือผลการจับสลากประกบคู่แชมเปี้ยนส์ลีกรอบน็อกเอาต์ที่ไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าใครสมควรกลัวใครมากกว่ากัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT