ชีวิตหมาล่าเนื้อ
เซร์คิโอ รามอส มาถึงวันที่ต้องกล่าวคำอำลา เรอัล มาดริด ตามรอยอดีตแข้งดังก่อนหน้านี้ไม่ต่างจาก อีเกร์ กาซียาส, ราอูล กอนซาเลซ, โฆเซ่ มาเรีย กูเตียร์เรซ กูตี หรือ เฟร์นานโด เอียร์โร่ ซึ่งนักเตะแต่ละคนต่างต้องการยุติอาชีพค้าแข้งกับทีมชุดขาว ทว่าความคาดหวังนั้นมันไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา
ตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมามีแค่ มาโนโล่ ซานชีส คนเดียวเท่านั้นที่เล่นกับทัพ 'โลส บลังโกส' เพียงทีมเดียวนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาจากชุดเยาวชนก่อนอำลาสโมสรในปี 2001
เอียร์โร่ ไม่ได้เติบโตจากสถาบันเยาวชนของ เรอัล มาดริด เขาย้ายมาจาก เรอัล บายาโดลิด ในช่วงซัมเมอร์ปี 1989 และค้าแข้งกับทีมชุดขาวนาน 14 ปี ก่อนอำลาสโมสรหลังจบฤดูกาล 2002-2003 ลงเล่นรวมกัน 610 เกม ทำ 127 ประตู คว้าแชมป์รวมกัน 17 รายการ
ราอูล กอนซาเลซ เลื่อนชั้นจากทีมเยาวชนลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ในปี 1994 จนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมหลัง เอียร์โร่ อำลาสโมสร ความคาดหวังของ ราอูล คือการเป็น 'วัน แมน คลับ' เล่นกับสโมสรเดียวตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดอาชีพ
ทว่าสิ่งนั้นมันไม่เกิดขึ้นกับ ราอูล ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสโมสร หลังประกาศอำลาสโมสรที่ค้าแข้งมายาวนาน 16 ซีซั่นในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 ลงสนามรวมกัน 741 เกม ทำ 323 ประตู คว้าแชมป์รวมกัน 16 รายการ
การประกาศอำลาสโมสรของ ราอูล กอนซาเลซ เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลัง โฆเซ่ มาเรีย กูเตียร์เรซ กูตี แถลงข่าวอำลาทีมชุดขาวที่ค้าแข้งมานาน 16 ปีด้วยเช่นกัน
กาซียาส เป็นอีกหนึ่งกัปตันทีมที่ไม่ได้สิ้นสุดอาชีพในฐานะนักเตะ เรอัล มาดริด อย่างที่เจ้าตัวปรารถนา เขาแถลงข่าวอำลาสโมสรในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 หลังเคยกับทีมชุดขาวนาน 17 ซีซั่น ลงเฝ้าเสารวมกัน 725 เกม คว้าแชมป์รวมกัน 19 รายการ
จนกระทั่งมาถึงคิว เซร์คิโอ รามอส ที่แถลงข่าวอำลากับ เรอัล มาดริด เมื่อวันพฤหัสฯที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังค้าแข้งมานาน 16 ปี นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เซบีย่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 2005 ลงเล่นรวมกัน 671 เกม ทำ 101 ประตู และคว้าแชมป์ 22 รายการ
เอียร์โร่, กูตี, ราอูล หรือ กาซียาส ต่างต้องการยุติการเล่นอาชีพกับ เรอัล มาดริด ทั้งสิ้น แต่ความปรารถนานั้นมันไม่เกิดขึ้นเมื่อทีมชุดขาวยุคประธาน ฟลอเรนตีโน่ เปเรซ มองว่าผู้เล่นเหล่านั้นไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสโมสร
หลังประธาน ฟลอเรนตีโน่ และ เซร์คิโอ รามอส ต่างกล่าวสุนทรพจน์เพื่อเริ่มต้นการแถลงข่าวอำลาสโมสรของกองหลังวัย 35 ปี รามอส เปิดโอกาสให้นักข่าวสอบถามเกี่ยวกับการออกจากทีมที่เขาเล่นด้วยมานาน 16 ปี
อันดับแรก รามอส ชี้แจงว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับการขยายสัญญาอย่างที่คาดหวังว่า 'มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ผมต้องการทำให้ชัดเจนคือผมไม่เคยต้องการออกจาก เรอัล มาดริด นั่นเป็นความคิดของผมเสมอ'
'พวกเราคว้าแชมป์ลีกาหลังช่วงล็อกดาวน์ จากนั้นสโมสรเปิดโอกาสให้ผมในการเสนอสัญญาของผม แต่นั่นล่าช้าเพราะสถานการณ์ของการแพร่ระบาดครั้งใหญ่'
'สโมสรเสมอสัญญา 1 ปีให้ผมกับการลดค่าจ้าง ผมต้องการทำให้ชัดเจนว่าเรื่องเงินไม่เคยเป็นปัญหา มันเป็นเรื่องระยะเวลาเพราะผมต้องการความมั่นคงให้ครอบครัวผม'
'ผมต้องการสัญญา 2 ปี และพวกเขาเสนอ 1 ปี ผมขอย้ำ ปัจจัยทางเศรษฐกิจไม่เคยเป็นเหตุผล ในการสนทนาช่วงหลังๆนี้ ผมบอกว่าผมจะยอมรับ (ข้อเสนอ 1 ปี) แต่แล้วผมก็ได้รับแจ้งว่าไม่มีข้อเสนออีกต่อไปแล้ว ข้อเสนอมันมีวันหมดอายุ ผมไม่ได้รับรู้เลย'
แต่ รามอส ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการเจรจาระหว่างเขากับสโมสร 'นั่นไม่ใช่คำถามที่ผมสามารถตอบได้'
ก่อนจะชี้แจงเรื่องข้อเสนอจากสโมสรที่มีวันหมดอายุว่า 'พวกเขาไม่เคยแจ้งให้ผมทราบว่าข้อเสนอดังกล่าวมีวันหมดอายุ นั่นทำให้ผมประหลาดใจจริงๆ ผมคิดว่าข้อเสนอหรือการพูดคุยยังอยู่บนโต๊ะ บางทีผมอาจเข้าใจมันผิด'
กองหลังวัย 35 ปี ยังยืนยันว่าเขาไม่ได้พยายามกดดัน คาร์โล อันเชล็อตติ หลังโค้ชชาวอิตาเลียนถูกดึงเข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ต่อจาก ซีเนดีน ซีดาน เพื่อโน้มน้าวให้สโมสรขยายสัญญากับเขาอีกครั้ง
'เมื่อ อันเชล็อตติ กลับมา ผมโทรหาเขาเพื่อร่วมยินดีกับเขา แต่นั่นคือทั้งหมด ไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของผม'
แน่นอนว่านักข่าวต่างต้องการทราบเรื่องการพูดคุยกับประธาน ฟลอเรนตีโน่ แต่ รามอส ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดของการสนทนามากนัก 'มีบางอย่างที่เป็นส่วนตัวมากที่ผมต้องการเก็บไว้เป็นเรื่องเฉพาะตัว คุณมีคำถามมากเกินกว่าที่ผมสามารถตอบได้ มีบางอย่างที่ผมอธิบายให้ผมรับทราบในการพูดคุยเป็นการส่วนตัว ผมได้แถลงข่าวไปแล้ว แต่ที่นี่มีเพียงผมเท่านั้น เอมิลีโอ บูตราเกนโญ่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสารของเรา'
เมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับประธานสโมสร รามอส ยังคงมองโลกแง่ดีและตอบว่า 'ผมไม่รู้ว่าประธานสโมสรคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นมันจึงเป็นคำถามที่ผมไม่สามารถตอบได้ ความสัมพันธ์ของผมกับประธานสโมสรนั้นมีความพิเศษมาตลอด เป็นเหมือนพ่อกับลูก ในแง่ของกีฬา ผมรู้สึกซาบซึ้งเพราะเขานำผมมาที่นี่ ผมจะไม่พูดต่อต้านเขา ผมจะจดจำความรักที่เขาแสดงให้ผมเห็นและโอบกอดของเราที่นั่นในการอำลา ความเข้าใจผิดใดๆอยู่ในอดีต ผมจะจดจำแต่เรื่องราวดีๆเท่านั้น'
หลังการพูดคุยถึงกระบวนการขยายสัญญาที่ล้มเหลว รามอส ยังตอบคำถามอื่นเพิ่มเติม ซึ่งกองหลังวัย 35 ปี ให้คำจำกัดความช่วงเวลาที่เขาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ว่า 'จะนิยามอาชีพของผมใน เรอัล มาดริด อย่างไร? ผมอยากให้คนอื่นๆทำอย่างนั้น ถ้าต้องเลือกหนึ่งคำ ผมจะบอกว่า 'ความบริสุทธิ์' ทุกนาทีในสนามมันเป็นตัวตนของผม มันเป็นช่วงเวลาดีที่สุดในชีวิตผม พวกเราคว้าแชมป์รวมกันหลายรายการ การเข้าร่วมเป็นหนึ่งในนั้นเป็นการตัดสินใจดีที่สุดในชีวิตผม'
เรื่องอนาคตของ เซร์คิโอ รามอส ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นอีกหนึ่งคำถามจากนักข่าวเช่นเดียวกัน แต่กองหลังวัย 35 ปี ไม่ได้กล่าวถึงตัวเลือกของเขามากนัก แต่ปฏิเสธถึงการย้ายไปเล่นกับทีมเก่า เซบีย่า กับ บาร์เซโลน่า คู่อริสำคัญของทีมชุดขาวแน่นอน
'ผมสามารถพูดคุยกับสโมสรต่างๆได้ตั้งแต่เดือนมกราคม จึงบางสโมสรที่แสดงความสนใจ แต่แผนคือไม่ออกจาก เรอัล มาดริด ซึ่งหมายความว่าผมยังไม่ได้ติดอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ผมจะทำ'
'เซบีย่า เป็นสโมสรในใจผม แต่ผมไม่พิจารณาตัวเลือกนั้นและผมไม่คิดว่า เซบีย่า กำลังพิจารณาเรื่องนั้นเช่นกัน บาร์เซโลน่า ก็ชัดเจนว่า 'ไม่' เช่นเดียวกัน ผมไม่รู้ว่าจะเล่นได้ลีกสเปนอีกหรือไม่ นี่เป็นสถานการณ์ที่ผมยังไม่ได้พิจารณา'
เมื่อสิ้นสุดการแถลงข่าวของเขา รามอส ถึงกับหลั่งน้ำตาอีกครั้งในขณะที่กล่าวถึงพ่อแม่ของเขาและภาพรวมตลอด 16 ปีกับทีมชุดขาว 'ผมภูมิใจที่ได้มากับครอบครัวและจากไปพร้อมกับครอบครัว'
ท้ายสุดกองหลังวัย 35 ปีกล่าวว่าเขามีความสุขกับงานแถลงข่าวอำลาสโมสรในวันพฤหัสฯนี้ 'ผมอยากจะออกไปกับงานที่ เบร์นาเบว แต่ทำได้ดีมากสำหรับสโมสรและประธานที่นำสิ่งเหล่าสนี้มารวมกัน กับโทรฟี่แชมป์และครอบครัวของผม'
'ถึงเวลาแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากสุดในชีวิตผม ถึงเวลาที่ต้องบอกลา เรอัล มาดริด มันเลี่ยงไม่ได้ที่ผมจะมีอารมณ์ร่วม ผมอยากจะบอกลาที่สนามของเรา ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'
'ขอบคุณ เรอัล มาดริด ผมจะเก็บคุณไว้ในใจผมเสมอ มันเป็นเวทีพิเศษ หนึ่งเดียวในชีวิตผม และเป็นการเปิดโลกอนาคตที่ผมต้องการแสดงระดับดีที่สุดของผมต่อไปอีกหลายปีและสามารถเพิ่มเติมแชมป์ในสถิติของผม ขอบคุณทุกคนมากๆ นี่เป็นมากกว่าการบอกลา แล้วพบกันใหม่ ผมจะกลับมา'
นั่นคืออีกหนึ่งนักเตะที่มีความภักดีต่อสโมสรที่ค้าแข้งมาอย่างยาวนาน แต่มีสภาพไม่ต่างจาก 'หมาล่าเนื้อ' ที่ถูกเขี่ยทิ้งเมื่อเจ้าของเห็นว่าหมดประโยชน์
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT