ปรัชญาของซีดาน

    ฟลอเรนติโน่ เปเรซ นั่งเก้าอี้ประธานสโมสร เรอัล มาดริด 2 ยุค ห้วงแรกระหว่างปี 2000-2006 ก่อนหวนคืนบัลลังก์เมื่อปี 2009 มาจนถึงปุจจุบัน
   
    ลุงเปเรซทำงานร่วมกับเทรนเนอร์ 9 คนก่อนหน้าจนมาลงเอยกับ ซีเนดีน ซีดาน ซึ่งเป็นเทรนเนอร์ที่ประธานทีมชุดขาวเชื่อมั่นมากเป็นพิเศษ
   
    ประธานฟลอเรนติโน่เลือกโปรโมตซีดานจาก เรอัล มาดริด กาสตีย่า ขึ้นมากุมบังเหียนทีมชุดใหญ่แทน ราฟาเอล เบนีเตซ ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2016

   
    เทรนเนอร์มือใหม่หัดขับอย่างซีดานทำผลงานเหนือความคาดหมายทำสถิติชนะ 21 เสมอ 4 แพ้ 2 จากการคุมทัพชุดขาวลงเล่น 27 นัด คิดเป็น 82.72% ยิง 71 ประตู เสีย 19 ประตูเท่านั้น
   
    ซีดานยังทำให้สาวกมาดริดิสต้าชุ่มชื่นหัวใจด้วยการนำทีมชุดขาวฟาดแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 11 หลังการดวลเป้าชนะ แอตเลติโก มาดริด ที่เมืองมิลานเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมปีก่อน
   
    จากผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นทำให้ลุงเปเรซยอมรับนับถือซีดานมากยิ่งขึ้น...   
   
    ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานที่เข้ามาก้าวก่ายหรือกำกับทุกภาคส่วนของสโมสรโดยเฉพาะการซื้อนักเตะชั้นนำเข้ามาสู่ทีมไม่ว่าจะต้องทุ่มเงินมากแค่ไหนก็ตาม
   
    นับตั้งแต่ฟลอเรนติโน่ขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธานสโมสร เขาดึงนักเตะมาร่วมทีมด้วยสถิติโลกครั้งแล้วครั้งเล่าไล่จาก หลุยส์ ฟิโก้, ซีเนดีน ซีดาน, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาจนถึง แกเร็ธ เบล ก่อนทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนไปเมื่อซีดานก้าวขึ้นมาเป็นเทรนเนอร์ใหญ่ของ เรอัล มาดริด
   
    ลุงเปเรซลดบทบาทของตนเองลงปล่อยให้ซีดานลงมือจัดการเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะตามแนวทางการทำทีมของเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ซึ่งทำให้สโมสรไม่มียอดติดลบครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ

   
    เรอัล มาดริด จ่ายเงิน 30 ล้านยูโรดึง อัลบาโร่ โมราต้า กลับมาจากยูเวนตุส พร้อมปล่อยนักเตะที่อยู่นอกเหนือแผนการทำทีมของซีดานออกจากสังกัดทั้ง เฆเซ่ โรดริเกซ, เดนีส เชรีเชฟ, อัลบาโร่ เมดราน, โอมาร์ มาสกาเรลล์ รวมถึง บอร์ฆา มาโยราล ที่ปล่อยให้โวล์ฟสบวร์กยืมตัวไปใช้งานมีมูลค่ารวมกัน 37.5 ล้านยูโร
   
    ผลประกอบการของสโมสรกลายเป็นบวก 7.5 ล้านยูโร
   
    ซีดานยังสามารถต่อยอดความสำเร็จด้วยการนำทีมชุดขาวคว้าแชมป์ ลีกา, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ รวมถึงการเป็นสโมสรแรกที่สามารถป้องกันแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกสำเร็จนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากยูโรเปี้ยน คัพ และ มิลาน เป็นทีมสุดท้ายที่ทำได้ในช่วงปี 1988-1990
   
    จากที่เคยเป็นสโมสรระดับตัวพ่อของตลาดนักเตะ เรอัล มาดริด ปรับสถานะมาเป็นเพียงผู้ชมการช้อปปิ้งแบบสนุกมือของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, แมนฯซิตี้, มิลาน, แมนฯยูไนเต็ด หรือ เชลซี เท่านั้น
   
    ทีมชุดขาวของซีดานดึงนักเตะใหม่เข้าสังกัดเพิ่มเติมเพียง 2 คนคือ เตโอ แอร์กน็องเดซ แบ็กซ้ายชาวฝรั่งเศสจาก แอตเลติโก มาดริด มูลค่า 30 ล้านยูโร กับ ดาเนียล เซบายอส มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติสเปนชุดยู-21 จาก เรอัล เบติส ค่าตัว 16.5 ล้านยูโร

   
    ผลประกอบการของสโมสรในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมายังมีตัวเลขเป็นบวกมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 79.5 ล้านยูโร หลังการปล่อย อัลบาโร่ โมราต้า, ดานีโล่ ดา ซิลวา, มาเรียโน่ ดีอาซ, ดีเอโก้ ยอเรนเต้, บอร์เค่ บูร์กี รวมถึงการย้ายสังกัดของ ฮาเมส โรดริเกซ ที่โยกไปอยู่ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว 2 ปี
   
    แม้ว่าซีดานต้องการดึง คิลียัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าดาวโรจน์ชาวฝรั่งเศสมาจาก โมนาโก ก็ตาม แต่ท้ายที่สุดนักเตะเลือกย้ายไปเล่นกับเปแอสเชด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งปีพร้อมอ็อปชั่นค่าตัว 180 ล้านยูโรที่จะต้องจ่ายในช่วงซัมเมอร์หน้า
   
    อย่างไรก็ตามซีดานยังพิสูจน์ให้เห็นว่าขุมกำลังทีมชุดขาวในปัจจุบันยังแข็งแกร่งพอที่จะเดินหน้ากวาดทุกแชมป์ในซีซั่นนี้หลังเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสนำต้นสังกัดสอยมาทั้ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ จากการเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ด้วยสกอร์ 2-1
   
    ก่อนที่ เรอัล มาดริด จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเหนือกว่าทีมคู่ปรับสำคัญอย่าง บาร์เซโลน่า หลังการยิงสลุตทีมอาซูลกราน่าในรายการ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า หรือ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 5-1
   
    แม้ทีมชุดขาวจะไม่ทุ่มทุนสร้างซื้อนักเตะดาวดังมาตลอดช่วง 2 ซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็ตาม แต่ เรอัล มาดริด ยังแข็งแกร่งทุกขุมกำลังและที่สำคัญคือซีดานยังวางรากฐานไว้สำหรับอนาคตด้วยนักเตะสายเลือดใหม่อย่าง อีสโก้ อาลาร์กอน, มาร์โก อาเซนซีโอ, การ์ลอส กาเซมีโร่ รวมถึง 2 แข้งที่เติมเข้ามาใหม่อย่าง เตโอ แอร์กน็องเดซ กับ ดาเนียล เซบายอส
   
    ฟลอเรนติโน่มีความชื่นชอบ ดาบิด เด เคอา นายทวารของแมนฯยูไนเต็ดเป็นการส่วนตัวและพยายามที่จะดึงนักเตะออกไปจาก'โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด'หลายครั้งหลายหน แต่ซีดานยืนยันกับประธานสโมสรว่าไม่มีความจำเป็นเนื่องจากเขายังไว้วางใจ เกย์ลอร์ นาวาส ซึ่งมีส่วนสำคัญของความสำเร็จตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

   
    ซีดานยังยึดมั่นการสร้างทีมเพื่ออนาคตนด้วยนักเตะสายเลือดใหม่ เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสยังเคยเอ่ยถึง มักซีม โลเปซ มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 19 ปีของ มาร์กเซย ระหว่างงานแถลงข่าวก่อนหน้าเกมกับ เรอัล เบติส เมื่อซีซั่นก่อนและจะเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่เทรนเนอร์ชาวเมืองน้ำหอมจะดึงเข้าสู่ทีม
   
    'เขาเล่นกับลูกๆของผมและแสดงให้เห็นถึงเทคนิคความสามารถพิเศษด้วยอายุและความสูงของเขาในตอนนั้น'ซีดานกล่าวถึงหนุ่มมักซีม
   
    'ตอนที่เราเห็นเขา สิ่งแรกที่คิดถือเขาตัวเล็กมาก แต่ผมไม่แปลกใจกับฟอร์มการเล่นของเขาในตอนนี้ มันน่าหลงใหลในสิ่งที่เขาทำอยู่เพราะสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจคือบุคลิกภาพของเขา เขาวิ่งเยอะ, เสียสละตัวและทำเพื่อคนอื่น ผมชื่นชอบเขามาก'ซิซูกล่าวถึงมิดฟิลด์วัย 19 ปีของทีมโอแอ็ม
   
    มักซีม โลเปซ มิดฟิลด์วัย 19 กะรัต มีส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 6 นิ้ว หรือ 1.67 เมตร เป็นเด็กปั้นของ มาร์กเซย ที่ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2016
   
    แม้จะตัวเล็กแต่เจ้าหนุ่มมักซีมขยันวิ่งและเล่นเพื่อทีม เขาเคยสร้างสถิติสัมผัสบอลถึง 129 ครั้งในเกมกับ ก็อง เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนปีก่อนกลายเป็นผู้เล่นคนแรกของมาร์กเซยที่ทำแบบนี้ได้
   
    คำชื่นชมของซีดานที่มีต่อนักเตะคงอีกไม่นานที่ มักซีม โลเปซ จะถูกดึงเข้ามาสู่ชายคา'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ในอนาคตอันใกล้

   
    จากความสำเร็จด้วยการนำทีมชุดขาวคว้าแชมป์ 7 รายการอย่าง ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก (2), ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ (2), ลีกา (1), สแปนิช ซูเปอร์ คัพ (1) กับ ฟีฟ่า คลับเวิลด์ คัพ (1) ลุงฟลอเรนติโน่จึงตกรางวัลให้เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสด้วยสัญญา 3 ปีเพิ่มค่าจ้างอีกเกือบเท่าตัวจาก 4.35 ล้านยูโรเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 8 ล้านยูโรต่อปี
   
    ที่สำคัญเหนือกว่านั้นคือซีดานยังมีอำนาจเต็มในการซื้อ-ขายนักเตะโดยที่ฟลอเรนติโน่ลดบทบาทตัวเองเป็นที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำเท่านั้น
   
    เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในยุคของซีดาน ซึ่งมาจากแนวทางหรือปรัชญาการทำงานที่แน่วแน่มั่นคงของเทรนเนอร์วัย 44 ปีนั่นเอง...