ประตูประวัติศาสตร์ของเบนเซม่า
คาริม เบนเซม่า สวมบทฮีโร่ของ เรอัล มาดริด อีกครั้ง หลังเหมาทำคนเดียวสองประตูนำทัพ 'โลส บลังโกส' เฉือนชนะ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 2-1 บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จากการทำ 2 แอสซิสต์ของ วินิซิอุส จูเนียร์ แนวรุกชาวบราซิเลียน
'มันเป็นเกมยากในการเล่นกับทีมที่ดี ซึ่งทำผลงานดีด้วย พวกเราอดทนร่วมกันและคว้าชัยชนะด้วยกัน บางทีเราอาจจะไม่ได้เล่นดีที่สุด แต่เราทำงานลุล่วง'
'พวกเราลงสนามทุก 3 วัน มันเป็นเรื่องยากเล็กน้อย มีเกมในระดับสูงหลายนัด และวันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีเพราะเราเล่นไม่ดี แต่คว้าชนะได้ สิ่งสำคัญสุดคือการเก็บ 3 คะแนน คุณเล่นดีตลอดเวลาไม่ได้'
'มันเป็นเรื่องปกติที่แฟนบอลต้องการให้เราเล่นดี, เปิดเกมบุกและทำประตู พวกเราพยายามตลอด แต่วันนี้คู่แข่งเล่นได้ดีมาก' เบนเซม่า กล่าวหลังเกม
นอกเหนือจากการนำทีมชุดขาวเก็บ 3 แต้มที่มีค่าแล้ว เบนเซม่า ยังจารึกหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรในฐานะนักเตะที่ทำประตูที่ 1,000 ในรายการนี้ของ เรอัล มาดริด นับตั้งแต่ศึก ยูโรเปี้ยน คัพ มาจนถึง ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบัน
เรอัล มาดริด บุกขย่ม ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค เกมก่อนหน้านี้ด้วยสกอร์ 5-0 พร้อมทำประตูแตะหลัก 999 ก่อนเปิดสังเวียน 'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว' ต้อนรับทีมเยือนจากยูเครนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
บรรดาบริษัทรับพนันต่างเปิดอัตราต่อรองนักเตะที่จะทำประตูที่ 1,000 บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกของสโมสร ก่อน เบนเซม่า จะสร้างประวัติศาสตร์จากการทำประตูดังกล่าวพร้อมสร้างรอยยิ้มให้คนที่ถือหางเขา
เบนเซม่า กลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะในกลุ่มตำนานของ เรอัล มาดริด ตามหลัง อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่, เฟเรนซ์ ปุสกาส, เดวิด เบ็คแฮม, กอนซาโล่ อีกวาอิน และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ประตูของ เบนเซม่า เกิดขึ้นในช่วงนาที 14 จากจังหวะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ ฉกบอลจากแนวรับคู่แข่งก่อนเปิดถวายพานให้ เบนเซม่า แปโล่งๆหน้าประตู จารึกชื่อในหน้าประวัติศาสตร์สโมสรสำเร็จ ก่อนหัวหอกชาวฝรั่งเศสจะพังประตูที่ 1,001 ในช่วงนาที 61 ซึ่งช่วยทีมชุดขาวเบียดคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ 2-1
นั่นทำให้ เรอัล มาดริด กลายเป็นสโมสรแรกที่ทำประตูแตะหลัก 1,000 ในประวัติศาสตร์ของ แชมเปี้ยนส์ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ ตามมาด้วย บาเยิร์น มิวนิค ของ เยอรมัน ที่กระทุ้งรวมกัน 768 ประตู ส่วน บาร์เซโลน่า คู่ปรับสำคัญของทีมชุดขาวอยู่อันดับ 3 จากการทำรวมกัน 655 ประตู
จากสองประตูล่าสุดของ เบนเซม่า ทำให้กองหน้าชาวฝรั่งเศสทำยอดรวมกัน 75 ประตูบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก มากกว่าตำนานอย่าง ราอูล กอนซาเลซ ที่ยิงรวมกัน 66 ประตู ทว่าหากนับเฉพาะการทำประตูกับ เรอัล มาดริด ผลงานของ เบนซ์ อยู่ที่ 62 ประตู ยังตามหลัง ราอูล 4 ประตู
ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1955 มิเกล มูนญอซ ตำนานของ เรอัล มาดริด เป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูให้ทีมชุดขาวในรายการ ยูโรเปี้ยน คัพ จากชัยชนะเหนือ เซอร์เว็ตต์ ของสวิตเซอร์แลนด์ 2-0 ก่อน อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์จะยิงประตูที่ 100 ของสโมสรในรายการนี้ ระหว่างการลงเล่นรอบตัดเชือกนัดแรกกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งลงเอยด้วยชัยชนะของทีมชุดขาว 3-1
ประตูที่ 200 ของ เรอัล มาดริด เป็นผลงานของอีกหนึ่งตำนานสโมสรอย่าง เฟเรนซ์ ปุสกาส หลังตำนานกองหน้าชาวฮังกาเรียนทำประตูในเกมยิงสลุต เฟเยนูร์ด ของเนเธอร์แลนด์ส 5-0 ในรอบ 32 ทีมของฤดูกาล 1965-1966
เฮนนิ่ง เยนเซ่น ปีกชาวเดนิชที่ทำประตูที่ 300 จากชัยชนะเหนือ โปรเกสส์ นีเดอร์คอร์น ของลักเซมเบิร์ก 7-0 ก่อน เซบาสเตียน โลซาด้า กองหน้าชาวสเปนที่ทำประตูที่ 400 ในเกมเสมอ สวารอฟสกี้ ติโรล ของออสเตรีย 2-2 ในซีซั่น 1990-1991
ประตูที่ 500 ของทัพ 'โลส บลังโกส' เป็นผลงานของ โฆเซ่ มาเรีย กูเตียร์เรซ กูตี จากเกมชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 4-0 ในรอบแบ่งกลุ่มของฤดูกาล 2000-2001
เดวิด เบ็คแฮม อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษทำประตูที่ 600 ของ เรอัล มาดริด ใน 3 ฤดูกาลถัดมาจากชัยชนะเหนือ โอลิมปิก มาร์กเซย 2-1 ก่อนประตูที่ 700 จะเป็นผลงานของ กอนซาโล่ อีกวาอิน กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ในเกมเสมอ เอซี มิลาน 2-2 เมื่อปี 2010
จากนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซุปตาร์ชาวโปรตุกีสทำประตูที่ 800 ในรอบแบ่งกลุ่มปี 2013 ที่โคเปนเฮเกน ต่อด้วยการทำประตูที่ 900 ของ เรอัล มาดริด ในรอบ 8 ทีม นัดสองกับ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2017 ก่อน เบนเซม่า จะกดประตูแตะหลัก 1,000 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
โรนัลโด้ ยังเป็นนักเตะที่ทำประตูมากสุดในประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก จากผลงาน 106 ประตู ตามมาด้วย ราอูล กอนซาเลซ แต่ เบนเซม่า มีโอกาสแซงหน้าขึ้นอันดับ 2 เนื่องจากมีสกอร์ตามหลังเพียง 4 ประตูเท่านั้น
ไล่ตามมาด้วย อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ (49 ประตู), เฟเรนซ์ ปุสกาส (35 ประตู), ฟรานซิสโก้ เคนโต้ (31 ประตู), การ์ลอส อลอนโซ่ กอนซาเลซ ซานตียาน่า (21 ประตู), อามานซีโอ บาเรล่า (21 ประตู), เฟร์นานโด มอเรียนเตส (19 ประตู) และ โฆเซ่ มาร์ตีเนซ ซานเชซ ปีร์รี่ (18 ประตู)
เรอัล มาดริด ยังเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากสุดในรายการนี้จากการคว้าแชมป์รวมกัน 13 สมัย ซึ่งรวมถึงการคว้าแชมป์ 5 สมัยติดต่อกันในช่วงปี 1955-1960 และซิวแชมป์ 3 ครั้งติดต่อกันในปี 2015-2018
สโมสร 10 อันดับแรกที่ทำประตูมากสุดในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ
1.เรอัล มาดริด (สเปน) 1,001 ประตู
2.บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 768 ประตู
3.บาร์เซโลน่า (สเปน) 655 ประตู
4.แมนฯยูไนเต็ด (อังกฤษ) 529 ประตู
5.ยูเวนตุส (อิตาลี) 468 ประตู
6.ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 436 ประตู
7.เบนฟิก้า (โปรตุเกส) 425 ประตู
8.เอซี มิลาน (อิตาลี) 418 ประตู
9.ปอร์โต้ (โปรตุเกส) 382 ประตู
10.อาแจ็กซ์ (เนเธอร์แลนด์ส) 377 ประตู
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT