'จริงใจ'หรือ'ปลิ้นปล้อน'บทพิสูจน์ลาปอร์ต้า

ลีโอเนล เมสซี่ กล่าวลา 'คัมป์ นู' ที่อยู่มานานตั้งแต่อายุ 13 ปีพร้อมด้วยคราบน้ำตา หลัง บาร์เซโลน่า ประสบปัญหาทางการเงินจนไม่สามารถเก็บรักษานักเตะดีที่สุดในโลกอยู่กับสโมสรต่อไป ก่อนกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์จะเซ็นสัญญา 2 ปีกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

เมสซี่ มีความปรารถนาที่จะอยู่กับทีมอาซูลกราน่าต่อไป เขาและครอบครัวมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับสโมสรและเมืองบาร์เซโลน่า แต่ชีวิตต้องก้าวเดินต่อไปเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

แต่ถึงกระนั้นความผูกพันระหว่าง เมสซี่ กับ บาร์เซโลน่า ยังไม่เสื่อมคลาย เขาเคยบอกกล่าวผ่านสื่อว่าวางแผนกลับมานครบาร์เซโลน่าในอนาคต 'ผมพูดเสมอว่าผมจะกลับไป บาร์เซโลน่า ในบางช่วงเวลา เพราะมันเป็นบ้านของผม และผมใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น'

'ผมอยากช่วยสโมสรในทุกวิถีทางที่ผมสามารถทำได้และชัดเจนว่าถ้าผมสามารถมีส่วนร่วมและช่วยสโมสรได้ ผมอยากจะกลับมา'

นั่นคือความรู้สึกของ เมสซี่ ที่มีต่อสโมสรและเมืองไม่แปรเปลี่ยนแม้ว่าจะจากลาไปนานกว่า 6 เดือนแล้วก็ตาม 

ทว่าความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ เมสซี่ ต้องอำลาถิ่น 'คัมป์ นู' นั่นคือ โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรคนปัจจุบันของ บาร์เซโลน่า กลับต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด

สาวกบาร์เซโลนิสต้าส่วนใหญ่ต่างมีความหวังว่า บาร์เซโลน่า จะสามารถเก็บรักษานักเตะดีที่สุดในโลกไว้ต่อไป เมื่อ ลาปอร์ต้า ชนะการเลือกตั้งก้าวขึ้นมาเป็นประธานสโมสรในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

นับจากนั้น ลาปอร์ต้า แทบจะให้ข่าวเป็นรายวันเกี่ยวกับความพยายามในการทำข้อตกลงใหม่กับ เมสซี่ เพื่อรั้งตัวกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์อยู่กับสโมสรต่อไป ทั้งแฟนบอลและนักเตะต่างรู้สึกอุ่นใจกับคำพูดของประธานบาร์ซ่า

'ในส่วนของ เมสซี่ มันกำลังไปได้ดี เรากำลังพยายามหาทางแก้ไขในส่วนต่างๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไข พวกมันเป็นส่วนสำคัญ แต่เรากำลังจัดการเรื่องนี้'

'พวกเราทุกคนต้องการให้ เมสซี่ อยู่ใน ลา ลีกา ต่อไป เพราะเขาเป็นดาวดังระดับโลกที่ดึงดูดแฟนบอลและการมีอยู่ของเขาช่วย ลา ลีกา'

'เรากำลังทำงานในส่วนนั้น แต่มีบางจุดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข'

'หลายสิ่งหลายอย่างกำลังดำเนินการไปด้วยดี เราเคยพูดว่าพวกเราทำทุกอย่างในส่วนที่ บาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายรับผิดชอบเพื่อให้ เมสซี่ เล่นที่ บาร์เซโลน่า ต่อไป และเรากำลังดำเนินการในส่วนนั้น'

'ผมมองเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงมาก เขาต้องการอยู่ที่ บาร์เซโลน่า เราต้องการทำให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น' ลาปอร์ต้า กล่าว

ท้ายที่สุด ลาปอร์ต้า ยอมรับว่าสโมสรประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลงใหม่กับ เมสซี่ เนื่องจากเหตุผลทางการเงินจนต้องยินยอมปล่อยนักเตะย้ายออกจาก 'คัมป์ นู' แบบไม่มีค่าตัว แม้ว่ากองหน้าชาวอาร์เจนไตน์จะอำนวยความสะดวกเพื่อทำให้ข้อตกลงบรรลุผลก็ตาม

'ประการแรกที่อยากชี้แจงคือภาระที่เรามีนั้นมากมายเหลือเกิน ตัวเลขน่ากลัวมาก'

'ค่าจ้างนักเตะในทีมมีมากถึง 110% เมื่อเทียบกับรายได้สโมสร เราไม่มีกำไรไปจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะ'  

'กฎและข้อบังคับของ ลา ลีกา กำหนดให้อยู่ในกรอบของ ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ซึ่งเราไม่มีกำไรจากผลประกอบการ'

'เราทราบเรื่องนั้นเมื่อเข้ามาสานงานในสโมสร ซหลังจากได้รายงานสรุปจากฝ่ายบัญชีและที่ปรึกษาทางการเงิน ตัวเลขที่เห็นนั้นเลวร้ายจากจำนวนที่แจ้งออกมาให้ทราบในขั้นต้น'

'นั่นหมายความว่าสโมสรขาดทุนมากกว่าที่คาดกัน'

สำหรับ เลโอ, เขาต้องการอยู่กับทีมต่อไป เราต้องการให้เขาอยู่ต่อด้วย อันที่จริงแค่เขาบอกว่าต้องการอยู่ต่อก็เป็นขั้นตอนแรกของการตรวจสอบบัญชี มันคือปัจจัยสำคัญว่า เมสซี่ อยากเล่นให้เราต่อไป' 

'เขาพยายามอำนวยความสะดวกให้ง่ายต่อการเจรจา ข้อเสนอแรกคือสัญญา 2 ปี แต่จะจ่ายค่าจ้างให้ครบใน 5 ปี ตอนที่เราเข้าใจว่าอนุญาตให้ทำได้ตามบทบัญญัติแห่งความโปร่งใสทางการเงิน เข้าเกณฑ์ว่าสภาพคล่องสามารถดำเนินไปเมื่อมีเกมแข่ง' ลาปอร์ต้า กล่าว

คนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสโมสร บาร์เซโลน่า ต่างมองว่า ลาปอร์ต้า เป็นพวกปลิ้นปล้อนหลอกลวง หนึ่งในนั้นคือ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ อดีตกองหน้าดาวดังของทีมอาซูลกราน่า

'ตอนนี้ผมเห็นเขาแล้ว ด้วยรูปนี้กับเสื้ออีกตัว มันแตกต่างออกไป' สตอยช์คอฟ กล่าวถึงการเปิดตัวฐานะนักเตะใหม่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ของ เมสซี่ 

'ผมพบว่ามันแปลกที่คนให้คำมั่นสัญญา คนที่เล่นกับหัวใจของเขา 'ผมจะทำให้มันเป็นไปได้', 'ผมต้องการทำ', 'ผมทำได้'' 

'แต่สุดท้ายคำโกหกกลับมาเป็นเรื่องใหญ่มาก' 

'มันแปลกมากกับรูปนี้ มันเป็นเรื่องยาก แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ผมจะเคารพเขาเสมอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเพื่อ บาร์เซโลน่า ทั้งหมดที่เขาทำเพื่อผู้คน สำหรับลูกๆของผม ผมโชคดีมากที่มีมัน แต่มันเป็นเรื่องยากจริงๆ'

หนึ่งในข้อแก้ตัวที่ ลาปอร์ต้า นำมาอ้างคือการบริหารงานผิดพลาดในยุคประธานสโมสรคนก่อนหน้านี้อย่าง โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว จากการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อเซ็นสัญญากับนักเตะหลายคนและประเคนค่าเหนื่อยก้อนโตให้ผู้เล่นทำให้ต้องแบกภาระค่าจ้างที่คิดเป็น 103 เปอร์เซ็นต์ของรายได้สโมสร

'เงินเดือนของเราคิดเป็น 103 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมของสโมสร ซึ่งมากกว่าคู่แข่งของพวกเรา 20-25 เปอร์เซ็นต์' 

'สิ่งแรกที่เราต้องทำเมื่อเรามาถึงคือการขอกู้เงิน 80 ล้านยูโร เพราะไม่อย่างนั้นเราไม่สามารถจ่ายเงินเดือนได้ การบริหารงานก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยการโกหก'

'เรายังพบว่าเราต้องบรูณะ คัมป์ นู อย่างเร่งด่วน เพราะไม่เช่นนั้น มันเสี่ยงต่อแฟนบอลที่เข้ามาชมเกม นอกจากนี้เรายังพบว่าสโมสรได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์ทีวีล่วงหน้าแล้วถึง 50 เปอร์เซ็นต์'

'เราพบว่านโยบายค่าจ้างในรูปแบบของสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่าปิรามิดคว่ำ ผู้เล่นประสบการณ์ในข้อตกลงระยะยาวและนักเตะเยาวชนในสัญญาระยะสั้น ไม่มีการลดค่าจ้าง มีแต่เรื่องโกหก'

'เรายังพบว่ามีการจ่ายเงินให้คนกลางแบบไม่สมส่วน ไม่ใช่แม้แต่ตัวแทน' 

'บาร์เซโลน่า มีมูลค่าสุทธิติดลบ 451 ล้านยูโร มันเป็นมรดกบาป สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก' ลาปอร์ต้า กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ ลาปอร์ต้า ยังเคยเผยผ่านสื่อว่าเขาเคยหวังว่า เมสซี่ จะเอ่ยปากว่าจะเล่นให้ทีมอาซูลกราน่าแบบไม่รับค่าจ้างเพื่อตอบแทนสโมสรที่กำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน แต่มันไม่เกิดขึ้น

'ผมไม่ได้โกรธ เมสซี่ ผมไม่สามารถโกรธคนที่ผมนับถือและชื่นชมได้' 

'แต่มีเวลาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นว่ามันเป็นไม่ได้ มีความผิดหวังของทั้งสองฝ่าย'

'และผมรู้ว่าพวกเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะอยู่ต่อ แต่พวกเขามีความกดดันอย่างมากจากข้อเสนอที่พวกเขาได้รับจาก ปารีส'

'ทุกอย่างบ่งบอกว่าเขาได้รับข้อเสนอจาก เปแอสเช แล้ว ทุกคนรู้ว่าเขามีข้อเสนอที่ทรงพลังมาก เรารู้สิ่งนั้นจาก เมสซี่ ว่าพวกเขามีข้อเสนอที่ดีมาก'

'ผมหวังว่าในนาทีสุดท้าย เมสซี่ จะพูดว่าเขาจะเล่นให้ฟรี ผมจะชอบแบบนั้นและเขาจะเชื่อใจผม ผมเข้าใจว่า ลา ลีกา จะยอมรับ แต่เราไม่สามารถขอให้นักเตะในระดับของเขาทำสิ่งนี้ได้'

'ผมคิดว่าเป็นเพราะผมรู้จักเขา เขาก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ช่วงที่ผมอยู่ที่นั่น ผมช่วยเหลือครอบครัวเขาอย่างมาก เขารู้ว่าเมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเราฟื้นตัว เขาจะได้รับการตอบแทน'

นั่นคือสิ่งที่ ลาปอร์ต้า พูดถึงกรณีของ เมสซี่ ทั้งก่อนและหลังนักเตะอำลา 'คัมป์ นู' ซึ่งไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ประธานสโมสรวัย 59 ปีจะพูดคำว่า 'เสียใจ' กับสิ่งที่เกิดขึ้น 

ล่าสุดประธานสโมสรบาร์เซโลน่ายืนยันผ่านสื่อชัดเจนว่าเขาไม่ 'เสียใจ' เกี่ยวกับการตัดสินใจปล่อย เมสซี่ ออกจากสโมสรในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้จะกล่าวว่าเป็นการตัดสินใจที่เศร้าสุดก็ตาม แต่มันเกิดขึ้นจากความปรารถนาดีต่อสโมสรเป็นอันดับแรก

'มันเจ็บปวด' ลาปอร์ต้า กล่าวกับ บาร์ซ่า ทีวี 'มันเป็นการตัดสินใจที่เศร้าที่สุดของทั้งหมด และผมไม่เคยต้องการจะทำมัน แต่ผมไม่เสียใจเช่นกัน เพราะผมต้องการให้สถาบันมาก่อนทุกอย่าง แม้กระทั่งโค้ชและนักเตะดีที่สุดในประวัติศาสตร์'

'และเราต้องทำมัน เพราะสถานการณ์ที่เราสืบทอดมานั้นเป็นอย่างไร และด้วยความปรารถนาแรงกล้าและความตั้งใจที่เรามี เราได้พบกับความเป็นจริง'

'มันอาจดูเหมือนไม่มีอะไรหลังจากนั้น แต่พวกเราที่รัก บาร์ซ่า รู้ว่าประวัติศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไป และด้วยการทำงานและการตัดสิใจอย่างรอบคอบ เราสามารถดำเนินต่อไปบนเส้นทางแห่งความสำเร็จ'

ลาปอร์ต้า ยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงเทรนเนอร์จาก โรนัลด์ คูมัน มาเป็น ชาบี เอร์นานเดซ พร้อมยืนยันว่าเขาไม่ 'เสียใจ' ที่ไม่เร่งดึงตำนานมิดฟิลด์ของทีมอาซูลกราน่ามากุมบังเหียนก่อนหน้านี้ 

'ผมควรจะทำมันก่อนหน้านี้' ลาปอร์ต้า เผย 'มันชัดเจนสำหรับผม ผมควรจะฟังสัญชาตญาณของผม แต่ในชีวิตคุณฟังแค่สัญชาตญาณไม่ได้'

'คุณต้องคำนึงถึงหลายสถานการณ์ ผมแน่ใจว่าไม่มีการตัดสินใจใดๆที่สมบูรณ์แบบ แต่ผมไม่ได้ทำ ผมได้ตัดสินใจอีกครั้งในอีกสถานการณ์ และสุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจได้ดีเพราะเราพัฒนาขึ้น'

ประธานบาร์ซ่ายังกล่าวยกย่องการทำงานของ ชาบี ว่า 'ผมแน่ใจว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นโค้ชและหวังว่าเขาจะเป็นประธานร่วมกับผม'

'ชาบี ตอบสนองอย่างเพียงพอ, ทำได้เป็นอย่างดี เขารู้จักสโมสร เขารักมัน เขาเคารพการตัดสินใจ เขามีบุคลิกที่จะไม่ถูกชักจูงโดยง่าย เขาชัดเจนมากเกี่ยวกับแนวทางที่เราควรจะเล่น และเขาเป็นคนทำงาน'

'เขาเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลและนั่นทำให้เขาอยู่กับสิ่งที่ บาร์ซ่า เป็นและทุกอย่างที่อยู่รอบๆทีม ผมพอใจมากที่มีโค้ชแบบเขาไปอีกหลายปี ผมมั่นใจว่าเขาจะทำให้เรามีความสุขมากมาย' ลาปอร์ต้า กล่าว

นั่นคือสิ่งที่ ลาปอร์ต้า กล่าวถึง ชาบี ณ ตอนนี้ แต่มันจะมีความแตกต่างไปจากเดิมในอนาคตหรือไม่ เราคงต้องติดตามกันต่อไป