:::     :::

เทพนิยาย'บียาร์'ภาคสอง

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน 2565 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
1,528
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บียาร์เรอัล กำลังสร้างเทพนิยายภาคสองบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก หลังผ่านเข้าถึงรอบตัดเชือกเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์สโมสรต่อจากปี 2006

อูไน เอเมรี่ เทรนเนอร์ชาวสเปนวัย 50 ปีพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าฉายา 'ราชาแห่งยุโรป' ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหลังการนำ บียาร์เรอัล ทะยานเข้าสู่รอบตัดเชือกรายการแชมเปี้ยนส์ลีก หลังการโค่นทีมเต็งอย่าง ยูเวนตุส ต่อด้วย บาเยิร์น มิวนิค ในรอบที่ผ่านมา 

เอเมรี่ สร้างชื่อด้วยการนำ เซบีย่า คว้าแชมป์ยูโรปาลีก 3 สมัยติดต่อกัน ในช่วงปี 2013-2016 เขายังเกือบนำ อาร์เซน่อล ประสบความสำเร็จในรายการเดียวกัน ทว่าทีมปืนโตพลาดท่าพ่าย เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ 1-4 

ก่อนเทรนเนอร์ชาวบาสโก้จะสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับ บียาร์เรอัล ด้วยการคว้าแชมป์ยูโรปาลีก ซึ่งเป็นความสำเร็จแรกในรอบ 98 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร จากการดวลเป้าชนะ แมนฯยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศ 11-10 หลัง ดาบิด เด เคอา ยิงจุดโทษพลาดเป็นคนสุดท้าย

เอเมรี่ ยังสานต่อผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วยการนำทัพ 'เรือดำน้ำเหลือง' ผ่านเข้าถึงรอบรอบชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งที่ 2 ของสโมสร หลังเคยผ่านเข้ารอบเดียวกันนี้ครั้งแรกในซีซั่น 2005-2006


บียาร์เรอัล เข้าป้ายอันดับ 7 ภายใต้การกุมบังเหียนปีแรกของ เอเมรี่ แต่ทีม 'เรือดำน้ำเหลือง' เข้ารอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ ฐานะแชมป์ยูโรปาลีก พวกเขาอยู่กลุ่ม เอฟ ร่วมกับทีมปรับเก่า แมนฯยูไนเต็ด, อตาลันต้า และ ยัง บอยส์ ก่อนจะผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่มสถิติชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 ตามหลังทีมปีศาจแดงเพียงคะแนนเดียว 

หลายคนประเมินว่า บียาร์เรอัล มีโอกาสสิ้นสุดเส้นทางเพียงรอบ 16 ทีมหลังจับสลากชนตออย่าง ยูเวนตุส ที่มีประสบการณ์ในรายการนี้เหนือกว่าพวกเขาหลายขุม และสถานการณ์น่าจะดำเนินไปตามแนวทางนั้นหลัง บียาร์เรอัล ทำได้แค่ไล่ตามตีเสมอ 1-1 ในเกมแรกที่ 'เอสตาดิโอ เด ลา เซรามีก้า'

ทว่าการประกาศยกเลิกกฎ 'อเวย์ โกล' ของ ยูฟ่า อาจมีส่วนทำให้ บียาร์เรอัล ลงเล่นเกมเยือนตูรินแบบไม่กดดันมากนัก ก่อนทีมของเทรนเนอร์วัย 52 ปีจะปล่อยทีเด็ดด้วยการบุกอัดทีมม้าลายหมอบคาคอก 3-0 พลิกคว้าตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมด้วยสกอร์รวม 3-1


บียาร์เรอัล ยังถูกทำนายว่าจะสิ้นสุดเส้นทางบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกเพียงรอบควอเตอร์ไฟนัล แม้ว่าเด็กๆของ เอเมรี่ จะพลิกล็อกชนะ บาเยิร์น มิวนิค 1-0 ในเกมแรกก็ตาม เนื่องจากทีมดังแคว้นบาวาเรียขึ้นชื่อว่าเล่นในถิ่นแข็งแกร่งดุดันและน่าจะล้างตาทีมเยือนจากสเปนได้ไม่ยาก หลังทีมเสือใต้ของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ทะลวงคู่แข่งรวมกัน 20 ประตูจากการลงเล่นบนเวทียุโรปตลอด 4 เกมหลังสุด 

สถานการณ์ยังน่าจะดำเนินไปตามทิศทางนั้นหลัง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ทำประตูให้ บาเยิร์น มิวนิค ขึ้นนำ 1-0 ช่วงนาที 52 อย่างน้อยที่สุดทีมเสือใต้น่าจะลากเกมไปตัดสินกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ 

ทว่าแฟนบอลทีมเสือใต้กลับช็อคตาตั้งในช่วงท้ายเกม หลัง บียาร์เรอัล ปล่อยทีเด็ดในช่วงท้ายเกมจากการทำประตูตีเสมอของแนวรุกสำรอง ซามูเอล ชุคเวเซ่ ก่อนนำทัพ 'เรือดำน้ำเหลือง' แย่งตั๋วเข้ารอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีกแบบพลิกความคาดหมาย


'มาสนุกกับรอบรองชนะเลิศกันเถอะ การรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะว่าเราดีแค่ไหน หรือเพื่อให้คนอื่นพูดว่าเราเป็นเมืองเล็กๆที่น่ารัก แต่เพราะเราทำงานเพื่อมัน'

'เมื่อเราเสียประตู มันเป็นช่วงเวลาสำคัญ เพราะเมื่อ บาเยิร์น ทำประตูได้ พวกเขาจะยิงประตูที่สองหรือสาม'

'ความอ่อนน้อมถ่อมตนคือการรู้จักช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี ในทางที่ดี จงมั่นคง และในทางที่ไม่ดี จงตระหนักว่าคุณไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง' เอเมรี่ กล่าว

มองย้อนกลับไปเกือบ 10 ปีที่แล้วตอนที่ บียาร์เรอัล ตกชั้นสู่เวทีเซกุนด้า หลังจบฤดูกาล 2011-2012 ฐานะอันดับ 18 ของ ลา ลีกา หากมีแฟนบอลทีมเรือดำน้ำเหลืองบอกคุณว่าวันหนึ่งข้างหน้าสโมสรของพวกเขาจะหวนกลับมาสร้างความตื่นตาตื่นใจบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งเหมือนที่เคยทำได้ในปี 2006 คงมีไม่กี่คนที่เชื่อคำพูดนั้น


การตกชั้นของ บียาร์เรอัล เกิดขึ้นเพียง 6 ปีหลังการปราชัยต่อ อาร์เซน่อล 0-1 เมื่อ เยนส์ เลห์มันน์ ผู้รักษาประตูของ อาร์เซน่อล ช่วยเซฟจุดโทษของ ฮวน โรมัน รีเกลเม่ ส่งผลให้ทีมปืนโตของ อาร์แซน เวนเกอร์ ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ก่อนทีมของกุนซือชาวฝรั่งเศสจะพ่ายต่อ บาร์เซโลน่า 1-2 พลาดโอกาสคว้าแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร 

นั่นคือการตกชั้นครั้งที่สองของ บียาร์เรอัล หลังเลื่อนชั้นขึ้นสู่เวทีลีกาครั้งแรกเมื่อปี 1998 แต่ทีม 'เรือดำน้ำเหลือง' ใช้เวลาคลุกฝุ่นอยู่ในลีกรองเมืองกระทิงเพียงปีเดียวก่อนจะหวนคืนสู่ลีกสูงสุดของเมืองกระทิง

ย้อนกลับไปในปี 2006 เทพนิยายแชมเปี้ยนส์ลีกเรื่องแรกของ บียาร์เรอัล อำนวยการผลิตโดย มานูเอล หลุยส์ เปเยกรีนี่ ซึ่งตอนนี้เทรนเนอร์ชาวชีเลโน่กำลังทำผลงานที่คล้ายคลึงกันกับ เรอัล เบติส 

ส่วนครั้งนี้ อูไน เอเมรี่ เป็นคนร่ายเวทมนตร์สร้างอีกหนึ่งเทพนิยายของสโมสร แม้ว่าขุมกำลังทีมเรือดำน้ำเหลืองชุดปัจจุบันจะไม่ยอดเยี่ยมเท่ายุคของ เปเยกรีนี่ ก็ตาม


ความสำเร็จในยุคของ เปเยกรีนี่ มาจากขุมกำลังอันแข็งแกร่งที่นำโดย รีเกลเม่, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน, อันโตนิโอ มาร์กอส เซนน่า กับ ฮวน ปาโบล โซริน ขณะที่ผู้เล่นชุดปัจจุบันมีพรสวรรค์น้อยกว่า แต่ บียาร์เรอัล ยุค อูไน มีความแข็งแกร่งและมีแนวทางการเล่นที่มั่นคง 

'ในเกมแรก เราทำผิดพลาดที่ไม่ได้จบการแข่งขัน และความคิดเห็นทั้งหมดเป็นแรงผลักดันให้เรา' เคราร์ด โมเรโน่ กล่าว 'บาเยิร์น ทำผิดพลาดที่ไม่ฆ่าเราและเราใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น'

'สิ่งที่ทีมนี้ทำยอดเยี่ยมมาก เราสมควรจะผ่านเข้ารอบต่อไป เรารู้ว่าเรากำลังประสบปัญหาในการเล่นเกมป้องกัน แต่เราจะมีโอกาสของเรา และท้ายที่สุด (ซามูเอล) ชุคเวเซ่ สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากมัน'

สิ่งที่ เปเยกรีนี่ มีเหนือ เอเมรี่ อาจเป็นสองแข้งพรสวรรค์อย่าง รีเกลเม่ และ ฟอร์ลัน แต่กลุ่มหลังมีนักเตะอายุน้อยกว่าที่มีประสบการณ์พอตัวอย่าง ชุคเวเซ่, อาร์เนาต์ ดานจูม่า, ฮวน ฟอยธ์ และ โจวานี่ โล เซลโซ่ 

แต่ทั้ง เปเยกรีนี่ และ เอเมรี่ มีสิ่งที่เหมือนกันคือการปลูกฝังความคิดที่แข็งแกร่งสู่ลูกทีมของพวกเขา ด้วยการเล่นแบบไม่เห็นแก่ตัว, เล่นเพื่อทีมและทำงานหนัก 


'มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา มันไม่ง่ายสำหรับเรา' เอเมรี่ เผย 'เรากำลังก้าวไปข้างหน้าทีละขั้น เรามีรอบควอเตอร์ไฟนัลที่ยากมาก แต่เป้าหมายของเราก่อนเกมนี้ไม่ใช่การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เรา แต่มันคือการผ่านเข้ารอบ'

'เพื่อบรรลุบางสิ่งบางอย่าง คุณต้องทำสิ่งสำคัญและโค่นทีมเต็ง เกมนั้น (รอบ 16 ทีม) กับ ยูเวนตุส ทำให้เรามีความมั่นใจอย่างมาก ในรอบรองชนะเลิส เราจะพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อให้มีโอกาส' 

แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากับ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเป็นอีกสองเกมยากสำหรับ บียาร์เรอัล แต่ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้แม้ว่าทีมหงส์แดงจะถูกมองว่าเหนือกว่าก็ตาม

วิม เดอ โคนินค์ อดีตผู้รักษาประตูชาวเบลเจี้ยนที่ผันตัวเองมาเป็นกูรูลูกหนังมองว่าแผน 'รถบัสสีเหลือง' ของ เอเมรี่ อาจจะใช้ไม่ได้ผลกับ ลิเวอร์พูล ในรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีก 


'การทำนายผู้ชนะของคู่ แมนฯซิตี้ - เรอัล มาดริด ดูเหมือนจะยากกว่าผู้ชนะระหว่าง ลิเวอร์พูล - บียาร์เรอัล'

'แต่ใครจะกล้าบอกว่า บียาร์เรอัล จะไม่ทำให้ ลิเวอร์พูล พบความยากลำบากเช่นกัน? พวกเขาเคยจัดการกับ แมนฯยูไนเต็ด เช่นเดียวกับการเขี่ย ยูเวนตุส และ บาเยิร์น มิวนิค ตกรอบก่อนหน้านี้'

'บียาร์เรอัล มาไกลได้ขนาดนี้ ต้องขอบคุณฟุตบอลพิเศษของพวกเขาที่สร้างความพึงพอใจให้เรามากกว่าเกมของ แอตเลติโก'

'แต่พวกเขาสามารถทำได้แค่เล่นเกมรับ' เดอ โคนินค์ กล่าวเสริม 'บียาร์เรอัล จอดรถบัสสีเหลืองกับ บาเยิร์น, พวกเขามีโอกาสขู่ มานูเอล นอยเออร์ เพียงครั้งเดียวและทำสำเร็จ'

'ทุกคนพอใจกับสิ่งนั้น แต่ผมเกรงว่ามันจะใช้ไม่ได้ผลกับ ลิเวอร์พูล' 

บียาร์เรอัล มีคิวเยือนแอนฟิลด์ในเกมแรกวันพุธที่ 27 เมษายนนี้ ก่อน ลิเวอร์พูล จะยกพลเยือนสังเวียน 'เอสตาดิโอ เด ลา เซรามีก้า' ในวันอังคารที่ 3 พฤษภาคม ส่วนเทพนิยายของทีม 'เรือดำน้ำเหลือง' จะสิ้นสุดลงเพียงรอบรองชนะเลิศหรือไปไกลจนถึงนัดชิงชนะเลิศ อีกไม่นานเราคงจะทราบคำตอบ


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด